Tuesday, March 31, 2009

Mama Barber

เพราะพิษเศรษฐกิจ เลยอยากจะตัดค่าใช้จ่ายที่สามารถทำได้เอง คิดว่าการลงทุนซื้อ ปัตตาเลี่ยน (สะกดถูกมั๊ย..อีเหมียน เช็คที) ถ้าเวิร์คก็คงจะดีมาก เพราะทริปไปร้านตัดผมครอบครัวเรา 4 คนเนี่ย เที่ยวละ 100 นึง เชียวนะ เมื่อวันเสาร์ก็เลยตัดผมให้ลูกชาย เป็นทรงเกรี๋ยน แล้วก็กร้อนผมให้ผัวด้วย แต่ของอีก๊อตต้องซ่อมให้มัน 2 วันติดเลย ถากแหว่งไปข้างนึง ต้องไปทำที่แหว่งให้มันเท่าๆ กัน พอมันไม่เท่ากันอีก ก็ถากเพิ่มเข้าไปอีก บ่นอยู่นั่น เลยแว๊ดไปว่า ทีหลังอย่ามาขอร้องให้ตัดเชียว จะจับกุดหัวให้สิ้นซากไปเลย ก็ยังบ่นงึมๆ งำๆ อยู่แหละ ส่วนไอ้ตี้ไม่ยักกะบ่นอะไร พ่อมันอีกนั่นแหละที่บ่นว่าลูกตัดผมทรงนี้แล้วไม่หล่อ เหมือน Little Buddhist Monk 55555 สังเกตดีๆ จะเห็นว่าตัดผมลูกมี missed spots เยอะมาก เพราะตอนตัด มันต่อสู้ขัดขืนน่าดู พ่อมันกอดรัดอุ้มไว้ก็เอาไม่อยู่ พยายามจะเล็มที่ชี้โด่เด่ตอนมันเผลอๆ มันก็ไม่ยอม พาลจะเอากรรไกรทิ่มหัวหูลูกอีก สรุปว่างานนี้ยังไม่ โอเค เท่าไหร่ คงต้องลองต่อไปอีก 555 และยังไม่มีการบ่นมากมายจนต้องมีการไปซ่อมที่บิวตี้ซาลอนเเจ้าประจำ

page-338

รูปนี้ อีมี่เค้าหนุกหนานมากๆ พอแม่เล่าให้ฟังว่าตอนเด็กๆ มีหมากฝรั่งเหมือนมวนบุหรี่ ขนมแคนดี้ไม่มีมากมายเหมือนเด็กๆ สมัยนี้ อะไรๆ ก็เอามาเล่นได้หมด เลยสาธิตเอาฟอยด์ห่อช๊อคโกแล๊ตมาห่อฟัน มันชอบยกใหญ่ พอดีมีฟอยด์หลายสีด้วย เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ไอ้ตี้ก็จ้องฟันพี่อยู่ตลอดเวลา ฮามากๆ สายตามันฟ้องว่า อะไรของมันว้า… แหวะ จริงๆ แต่รอมมี่มันเอาไปทำอวดเพื่อนที่โรงเรยน เป็นที่ฮือฮา ฮิตกันใหญ่ ไม่รู้มันถูกครูด่าหรือป่าว ลืมถาม

page-339

ในที่สุด Hobo ก๊อตตี้ก็ได้รถเข็นอันใหม่แทนไอ้คันเก่า (คันนั้นตั้งแต่มันยังไม่ขวบมั๊ง แตกหัก มัดไว้ พันเทปไว้ เต็มไปหมด ก็มันเป็นคนรุนแรง เข็นชนโน่นนี่ ชนคนในบ้านแบบตั้งใจ และไม่ปราณีเลยแหละ เจ็บนะโว้ย…) รูปล่างขวาไอ้คันข้างซ้ายที่บูดเบี้ยวนั่นแหละ พอซื้อคันเขียวมาก็ต้องเอาไปคันเก่าไปทิ้ง ลืมบอกไป เวลามันโกรธ โมโหไม่ได้อย่างใจ มันเอารถเข็น (คันเก่า) นั่นแหละ ทุ่มใส่พื้น ฟาดข้าวของ เอาฟาดกะบาลแม่ก็บ่อยๆ นั่งเผลอๆ อยู่ มันฟาดมาสุดแรง อยากจะ “เปี้ยง” กลับไปแบบสุดแรงเกิด แต่ขนาดไม่สูสี เลยยั้งๆ ไว้บ้าง มีร้องแว๊ก…ทุกครั้ง ไอ้คันเขียวดูแข็งแรงดี แต่ไม่ได้หนักอะไร มันคงยังจับยกแหว่งใส่คนโน้นคนนี้ได้อยู่

ส่วนถุงนอน Thomas the Tank Engine นั่น เพื่อนที่ทำงานของอีก๊อตให้มา ยังเอี่ยมๆ อยู่เลย ลูกเค้าโตแล้ว เบื่อแล้ว สภาพดูสะอาดเอี่ยมดี แต่เหม็นบุหรี่มากๆ ต้องซักอยู่ 2 รอบเชียว พอสะอาดดี ลองปั๊มลมใส่ ไอ้ตี้รอไม่ได้ลงนอนมันซะที่พื้นครัวเลย จริงๆ แล้วมันชอบเล่นที่พื้นครัวนะ เพราะเป็นที่ๆ เดียวที่ไม่ปูพรม เข็นรถ เล่นของเล่น มันคงสะใจกว่าเล่นบนพรมน่ะ

page-340

อันนี้เป็นของที่ซื้อมา ตั้งแต่อาทิตย์ก่อนแล้วแหละ (จากหัวเรื่องที่บอกช้อปปิ้ง+การใช้คูปองน่ะ) ไอ้ก้อนซ้ายบนน่ะ มีแต่ alli 120 เม็ดน่ะ ที่ใช้คูปองลด 10 เหรียญ จาก 59.99 นะ ส่วนกรอบรูปน่ะเป็นของ clearance จาก 16.99 เหลือ 2.99 เริ่ดมากๆ ไม่ถลอกปอกเปิก หรือบุบตรงไหนเลย อีก๊อตก็บอกให้เอามา 2 อัน แต่บ้านนี้ไม่มีที่จะตั้งข้าวของหรอก ส่วนไอ้กล่องใส่นามบัตรนั่น เป็นอลูมิเนี่ยม ลดจาก 6.99 เหลือ 2.99 มีขูดขีดนิดหน่อย เอามาใส่บัตรหมอทั้งหลาย ตะกร้าอีสเตอร์ฉลุสีเขียวนั่น อันละ 1 เหรียญ ซื้อมาไว้จัดกระเช้าให้อีมี่วันเกิด (สะไพ้ จ้า) แล้วก็ป๊อกกี้ของญี่ปุ่นนั่น ของอีมี่เค้า

รูปขวาบนนั่น ทุกอย่างยกเว้น Pringles จ่ายไป 2.99 ไอ้ Head & Shoulders ราคาพิเศษประจำสัปดาห์ จาก 5.99 ลดเหลือ 3.99 มีคูปอง ลด 2 เหรียญสำหรับซื้อ 2 ขวด ส่วน Centrum Silver 100 เม็ดนั่น ราคาเต็ม 8.99 ลดพิเศษประจำวีคเหลือ 6.99 พอซื้อมันมีสติกเก้อร์ instant saving ลดทันที 1 เหรียญ ติดอยู่ บวกกับ อิชั้นมีคูปองลด 3 เหรียญ อยู่ 2 ใบ สรุปจ่ายไป ขวดละ 2.99 ส่วนไอ้ Pringles น่ะ ได้มาฟรีๆ 2 กล่อง เพราะมีคูปองลด 1 เหรียญอยู่ 2 ใบ แล้วมันลดพิเศษจาก 1.99 เหลือ .99 พอใช้คูปองแล้วมันน่าจะคืนให้เอา 1 เซ็นต์เน๊าะ 5555 งกซะ

ส่วนทูน่า Bumbel Bee Spicy Thai Chilli (Seasoned Tuna Medley - Easy Peel Sensations) นั่น อิชั้นชอบกินอยู่คนเดียว คนอื่นไม่แตะเลย เผ็ดๆ หวานๆ กินกับแครกเก้อร์ เวลาขี้เกียจดีนักเชียว ไม่ต้องทำ ไม่ต้องเตรียม ไม่ต้องเก็บ โยนลงถัง..โครม..เสร็จ 5555 ส่วน Clorox 3 ขวด 5 เหรียญนั่น บ้านนี้ใช้ Bleach เปลืองมากๆ เพราะชุดชั้นใน ถุงเท้า เสื้อผ้าสีขาวจะเยอะมากๆ พอถูกก็ต้องรีบๆ ซื้อไว้

page-342

ทำข้าวมันไก่เลี้ยงลูกมา 2 วันแล้ว น้ำจิ้มเหลือตั้งแต่ปางก่อน ใส่ฟรีซเซ่อร์ไว้ อีมี่เค้าชอบ ส่วนไอ้ตี้ก็กินเยอะหน่อยนึง ดีกว่าเอาอย่างอื่นให้กิน คุณแม่นั้นต้อง “แด๊ก” ควบคู่ไปกับยาดักไขมัน 5555

page-323

Sunday, March 29, 2009

Made in China, Sri Lanka, Cambodia or Thailand

http://www.pantip.com/cafe/woman/topic/Q7649744/Q7649744.html

อ่านเจอกระทู้นี้ที่พันทิพพักใหญ่ๆ แล้วแหละ พอเอามาคุยกะลูกกะคุณปั๋ว เลยกลายเป็น topic ที่ยืดยาวคุยไม่จบ คุยกันมาตลอดอาทิตย์เลยก็ว่าได้ กระทู้นี้ไม่ยาว และไม่ป๊อบปูล่าอะไร แต่มันจิกหยิกที่หัวใจมากค่ะ ความเห็นความคิดของคนบางคน อ่านแล้ว เหวอ เอ๋อ  jaws drop! เลยรีบไปก๊อปมาแปะก่อนที่กระทู้จะตกไปซะก่อน ขออนุญาตลบชื่อล๊อคอินของทุกๆ คนออกด้วย เพราะ กลัวเดือดร้อนจ้า เข้าเรื่อง เข้าเรื่อง 55555 เพราะครอบครัวเราเป็น War Zone เล็กๆ ถ้าคุยกันว่า คนไทย คนอเมริกัน ใครดี ใครเก่ง บลาๆๆๆ กว่ากัน (เป็นเรื่องค่อนข้าง sensitive นะคะ อย่าลอกเลียนแบบ 555 อาจเกิดสงครามเหมือนบ้านอิชั้นก็ได้)  พอถามอีสามีว่าอะไรที่ Made in The USA พี่ทั่นรีบตอบมาอย่างฉับไว …. Potato Chip “Lays” by Frito Lay….. Ha Ha Ha แล้วก็พล่ามต่ออีกยาวววว…มาก คนอเมริกัน (โลว์ไล้ฟ์ ออน เวลแฟร์ ทั้งหลาย) ทำไมไม่ทำงาน พูดเรื่องนี้แล้วเหมือนไปเติมฟืนแถมราดน้ำมันก๊าดใส่ไฟสุมทรวงของทั่นก๊อตเลยเชียว

MadeInChina-01

People on welfare work real hard, the system that is. A person making minimum wage should receive some kind of aid;  more so than a lazy slob that is abusing drugs, children and God knows what else. Work fare for welfare, simple if they don’t work a certain number of hours to earn the benefits then they starve, if their children starve it’s the lazy S.O.B. who is at fault. The government has no business being involved in charity, this is supposed to be the function of churches, tax exempt charities and the local community as a whole. As a child growing up in the 50’s local people would pitch in and help neighboring families who were struggling, with food, clothing, emotional help and what little other help we could provide. It was meant as a helping hand, not a way of life to be abused and sustained indefinitely. This way people got back on their feet and had a sense of pride and accomplishment, very seldom did you ever see any failures or abuses  occurring. I’ve worked 52 of 57yrs. so far, I can say that I have a work ethic, am proud of my performance, and have always loved whatever job I’ve had.

The point I am trying to make is that no one handed me these things, I worked  hard for them and learned along the way. This country is paying the price for long years of neglect by politicians that have not had their feet held to the fire, America first is a phrase that seems so passé, have not heard it in years and it is very sad to me that is seems to be like this…

MadeInChina-02

ที่จะมาเล่าขานนั้น คือ คนบางคนไม่ยอมเข้าใจว่าที่อะไรๆ ทำไมถึง Made in China เลยกลายเป็นมาบ่นก่นด่าคนอเมริกันที่ขี้เกียจแต่ฉลาดเรื่องกลโกง ท่านผู้อ่านโปรดแซบ 555 อย่างที่บอกอยู่บ่อยๆ ว่าสามีอิชั้นน่ะ เธอเป็น blue collars ค่ะ ทำงานหนักมาตลอดชีวิต (แต่ชั้นก็รักของชั้น 555) ถ้าพูดเรื่องคนไม่ทำงานแต่กินสวัสดิการต่างๆ ถือว่าเป็นการ manipulate หรือ abuse system ที่ผิดมาก บอกแล้วคุยเรื่องนี้แล้วยาววววว…. 555 เน้นนิดนึง ปั๋วอิชั้นมันเป็น Conservative Republican ค่ะ มิใช่ Republicanเฉยๆ ใครๆ ที่ฝักใฝ่ Democrat หรือ Liberal Democrat ก็คงจะอ่านแล้วเคืองๆ ส่วนอิชั้น ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดเลยมาตลอดชีวิต ตั้งแต่เมืองครั้งยังอยู่เมืองสยามข้ามน้ำข้ามทะเลมาปักหลักอยู่เมืองลุงแซม สิ่งที่ได้เห็น ได้รู้ และไม่เคยเข้าใจ และไม่มีวันยอมรับ คือ เกมส์การเมือง นักการเมือง อิชั้นไม่ศรัทธาใคร หน้าไหน เลยค่ะ ถ้าไม่หวังผล คงไม่ดิ้นรนมาเป็นนักการเมือง…แน่นอน!

MadeInChina-03

อยากให้หลายๆ คนเข้าใจ กลไกลทางธุรกิจ ถึงมิใช่เมเจ้อร์ตอนเรียน แต่ทำงานด้านการผลิตและการตลาดมาพอสมควร (ครึ่งค่อนชีวิตเลยทีเดียว วนเวียนอยู่ตามโรงงานต่างๆ 7-8 ปีเชียวนะคะ นั่นเรียกการผลิตใช่ปล่าว ถึงไม่ได้ไปนั่ง นอน ยืน ผลิต กะเค้า แต่ก็นั่นตูดบานหัวฟูในออฟฟิซร่วมกระบวนการกับคนโรงงานแบบเคียงบ่าเคียงไหล่เลยนะคะ)  พอมาทำงานด้านการตลาดหลายๆ ที่ ก็ทำให้รู้อะไรๆ มากขึ้น ได้ยิน ได้ฟัง ได้อ่าน ได้ลงมือทำ ก็จำใส่กระโหลกมาเล่าสู่กันฟังแบบบ้านๆ พอได้นะคะ

MadeInChina-04

อยากถามคุณความเห็นข้างบน Are you ashamed to be Thai? Thai workers are known as hard workers and the best of quality. ไม่เคยได้ยินมาเลยเหรอคะ นิคมอุตสาหกรรมมีอยู่มากมายดาษดื่นทั่วเมืองไทย ถ้าคนไทยไม่สามารถผลิตอะไรให้เป็นที่ยอบรับระดับโลก เรือกสวนไร่นาทั่วประเทศก็คงไม่กลายเป็นนิคมฯ โรงงาน นับพัน นับหมื่นหรอกค่ะ เรื่องค่าแรงที่ถูกเป็นปัจจัยหลักๆ ที่ผู้ผลิตนำมาพิจารณา แต่ทุกโรงงาน ทุกสินค้า ทุกแบรนด์ ทุกเกรด ก็จะมีมาตรฐานคุณภาพของสินค้าของตน มี QC QA หรือ อิ๊กคิวซัง สารพัดขั้นตอนแหละ ที่จะทำให้สินค้าของเค้าได้คุณภาพที่เค้าตั้งไว้

MadeInChina-05

บางครั้งคุยกับคน (ไอกัน) บางคนก็ทำให้มีเซ็ง ไม่อยากใช้คำว่า “โมโห” เพราะคนบางคนก็มองอะไรแคบๆ อยู่ในกะลาถึงได้คิดว่าตัวเองนั้นใหญ่คับจักรวาล 5555 แรงค่าแรง วันนี้อิชั้นแรงเกิ้นนน…. คือมันชอบพูดว่าเสื้อผ้า ข้าวของแบรนด์เนม ราคาสูง ใครซื้อก็โง่ ไปจ้าง sweatshop จากประเทศโลกที่ 3 ประเทศที่ด้อยพัฒนา ประเทศที่กำลังพัฒนา แล้วแต่มันจะเรียก ราคาถูกๆ มาขายแพงๆ ดิฉันเคยเสียเวลา พล่ามอธิบาย ว่า แกก็ต้องนึกบ้างนะ ของที่ขายๆ น่ะ ไม่ใช่แค่ไปจ้างโรงงานเมืองจีนทำถูก แล้วมาขายแพงๆ เค้าต้องซื้อวัตถุดิ มีการขนส่ง มีการออกแบบ นำไปผลิต หีบห่อ ขนส่งกลับมาอีก การเก็บสต๊อค ขนไปวางจำหน่าย ทุ่มโฆษณา เช่าร้าน จ้างลูกจ้าง ถุงหีบห่อ อีกสารพัดขั้นตอนที่ไม่ได้กล่าวถึง ทุกขั้นตอนน่ะ เค้าไม่ได้มาฟรีๆ นะจ๊ะ คุณๆ มีค่าใช้จ่าย มีการทำประกันภัย โอ้ย เยอะแยะมากมายจารนัยไม่หมด

ก็อยากจะถามแหละ ถ้าหากอยากได้อยากซื้อแบรนด์ที่ชอบคลั่งไคล้แล้วผลิตในประทเศต้นสังกัด คุณๆ จะสู้ราคา อ๊ะป่าว ถามหน่อย ถามหน่อย 5555 อยากพวกแบรนด์ระดับโลก เค้าผลิตตัดเย็บข้างๆ โต๊ะดีไซเน่อร์ชื่อก้องโลกเลย ราคาก็ตามค่าตัวคุณๆ ลุงๆ เจ๊ๆ พวกนั้นเลยนะ ไม่มีหรอก ร้อย เก้า เก้า น่ะ 5555ใช้หมองหน่อย หรือหาหนังสือหนังหาอ่านกันหน่อย เอ๊ะ ดูทีวี ดูเคเบิ้ล รายการที่มีประโยชน์…อาจช่วยได้บ้างนะ คือ เปิดหูเปิดตาดูโลก ความเป็นไป เป็นมา ของโลกจริงๆ นอกกะลาซะบ้าง เน้อพี่เน้อ

MadeInChina-06

A sweatshop is a working environment with conditions that are considered by some people of industrialized nations to be difficult or dangerous, usually where the workers have few opportunities to address their situation. This can include exposure to harmful materials, hazardous situations, extreme temperatures, or abuse from employers. Sweatshop workers are often forced to work long hours for little pay, regardless of any laws mandating overtime pay or a minimum wage. Child labor laws may also be violated. However, most sweatshop workers like having their job, and all work at them voluntarily.

Many economists, such as Paul Krugman and John Nornerg defend the existence of sweatshops. People choose to work in sweatshops because the sweatshops offer them substantially higher wages and better working conditions compared to the only other available jobs--such as manual farm labor--and that sweatshops are an early and very important step in the process of technological and economic development whereby a poor country turns itself into a wealthy one. All sweatshop workers work there voluntarily. The nature of decision making indicates that the decision one makes is based upon the notion that their choice is the best option available. Likewise, when combined with the fact that most sweatshop workers say they are happy with their jobs, the idea of illegalizing or significantly regulating sweatshops merely takes away the most appealing line of work these individuals have to look forward to; forcing many into poverty from the life they considered comfortable when working in a sweatshop, as well as stunting the economic growth of their nation.

Although often associated with poor developing countries, sweatshops may exist in any country. Sweatshops have existed in several different countries and cultures, including in the United Sattes. Sweatshops usually employ low levels of technology, but may produce many different goods, for example, toys, shoes, clothing, and furniture.

Thanks - - > http://en.wikipedia.org/wiki/Sweatshop

Saturday, March 28, 2009

ข่าวน่ารักจากเมืองไทย

I saw & read this news with smile on my face. As a mother… I’m so glad that the boy is safe and big thankful for his superhero, Khun Somchai Yoosabai.

Visit msnbc.com for Breaking News, World News, and News about the Economy

This one is from Fresno Bee (Thursday 26 March 2009).

scan0005

Lice Attack

OMG …. ตายห่าดีฝ่า อีมี่เอาเหาเข้าบ้าน พอมันอาบน้ำสระหัว แล้วสางผม เหากระโดดออกมา 1 ตัว a full grown lice YUCK! วิ่งแจ้นเอามาให้แม่ดู อีแม่ก็ไม่แน่ใจไม่เคยเห็นเหาตัวเป็นๆ (แต่พี่เบิร์ดตัวเป็นๆ เคยเห็นน้าาา…. เกี่ยวกันปะ) ลองเอาเล็บบี้ดู แม่ม แตกดัง..เป๊ะ… คันหัวยิกขึ้นมาทันที ตอนนั้นสี่ทุ่มครึ่งแล้ว ต้องรีบโยนลูกเต้าใส่รถแจ้นไป WalMart เค้าปิดตอนห้าทุ่มไง ไปซื้อยาฆ่าเหา เดินหาให้วุ่น พอไม่ต้องการก็เห็นอยู่บ่อยๆ พอ need เดินหาให้ขวักก็หาไม่เจอ วิ่งหาพนักงานเพื่อจะถามก็หาไม่เจอซักตัว มันจะปิดแล้วไง สุดท้ายก็หาเจอ The RID 1-2-3 Lice Elimination System - Complete Removal ซื้อมา 1 ชุด แพงโคตรๆ $18.95 นะคะ คิดไม่ออกบอกไม่ถูก ลาก alcohol ขวดยักษ์ กับ shower caps แบบใช้แล้วทิ้งมาอีกฝูงนึง พอถึงบ้านอ่านวิธีใช้ยาฆ่าเหานั่น ต้องผมแห้งสนิท เลยกะว่าพรุ่งนี้วันเสาร์จะจับทุกคนเข้ารับบริการกำจัดเหาซะด้วยกันเสียเลย เซ็งจริงๆ

ในรูปน่ะ ลากที่ปราบเต่า Secret Clinical Strength – Prescription Strength Wetness Protection (Waterproof) ให้อีมี่ด้วย เดี๋ยวนี้มันเหม็นใช้ได้ที่เดียวเชียว แถมเล่นกีฬาด้วย คิดอยู่นานนะกว่าจะซื้อ คิดมาเป็นเดือนแล้ว เพราะที่ให้มันใช้อยู่ก็แบบธรรมดา กลัวว่าให้มันใช้อะไรที่แรงๆ มันจะปรับแต่ง body odor ของมันให้แรงยิ่งๆ ขึ้นไป แบบเชื้อโรคน่ะ พัฒนายิ่งยวดจนยาพัฒนาไม่ทัน คิดมากไปหรือปล่าววะ 5555

page-335

อ่านนี่เลย ได้ฟามรู้ อ่านแล้วมีขำๆ นะจะบอกให้ Body odor (spelled body odour outside the United States), often abbreviated as B.O., or bromhidrosis (also called osmidrosis and ozochrotia) (also known as "Bromidrosis," "Fetid sweat," "Body smell," and "Malodorous sweating"[1]:779) is the smell of bacteria growing on the body. These bacteria multiply rapidly in the presence of sweat, but sweat itself is almost completely odorless. Body odor is associated with the hair, feet, groin (upper medial thigh), anus, skin in general, armpits, genitals, pubic hair, belly button and ears (behind the ears). (หัวเหม็น ตรีนเหม็น ตรงนั้นเหม็น ตรูดหม็นเ จั๊กแร้เหม็น ตู๋เหม็นหรือหอยเหม็น 555 ผมตู๋เหม็น สะดือเหม็น หลังหูเหม็น ไม่เห็นมีเหม็นคี่หน้า 5555)

Specificity : Body odor can smell pleasant and specific to the individual, and can be used to identify people, though this is more often done by dogs and other animals than by humans. An individual's body odor is also influenced by diet, gender, genetics, health and medication. Propionic acid (propanoic acid) is present in many sweat samples. This acid is a breakdown product of some amino acids by propionibacteria, which thrive in the ducts of adolescent and adult sebaceous glands. Because propionic acid is chemically similar to acetic acid with similar physical characteristics including odour, body odors may be identified as having a vinegar-like smell (เหม็นเปรี้ยวววว…. 5555) by certain persons.[citation needed] Isovaleric acid (3-methyl butanoic acid) is the other source of body odor as a result of actions of the bacteria Staphylococcus epidermidis,[2] which is also present in several strong cheese types.

Thanks - - > http://en.wikipedia.org/wiki/Body_odor

พูดเรื่องเต่าๆ กลับมาพูดเรื่อง เหาๆ อีกนิด เมื่อไม่กี่สัปดาห์ อี่มี่เพิ่งเริงร่ากลับมาบอกแม่ว่า เค้าส่งคนมาตรวจเหาที่โรงเรียน เพื่อนหลายๆ คนตรวจเจอว่ามีเหา แต่อีมี่ the nurse said “CLEAN” แม่ก็สบายใจไป 5555 พอวันนี้ เซ็งตดเลย นี่ก็พิมพ์ไปคันไป เฮ้อ…..

มาดูรูปคุณลูกของอิชั้น I love to be their Mommy! วันนี้พออีมี่กลับถึงบ้านก็พากันเดินไปเอารถที่อู่ของ Frank - Francisco ไม่ไกลเท่าไหร่ พอเดินได้ แต่แดดเริ่มแรงแล้ว

page-332

จากนั้นพอได้รถแล้ว (รถที่ engine light ไม่ติดค้างแล้ว 555) ก็พากันไปกินไอติม ที่ Dairy Queen แล้วก็ไปรับกับข้าวไปส่งอีก๊อตที่ที่ทำงาน

page-333

พอถึงบ้านคุณแม่ก็เปิดบริการ Mommy’s Steak House 5555 ขุนคุณลูก แต่ไอ้ตี้ก็ไม่กินตามเคย ดูรูปไอ้ก๊อตตี้ อาบน้ำออกมาสะอาดๆ ก็มอมเลย เสื้อผ้าเลอะเทอะทันตา น่าฟาดจริงๆ ส่วนรูปที่มันอยู่ใน car seat น่ะ ขอขำก่อน….5555 พี่มันทาลิพกลอสให้ เม้มปากบิดปากเบี้ยวไปตลอดทาง ขับรถไปก็มองกระจกหลังไป ตลกดี เลิกพูดเลิกจา เงียบเชียบไปเลยแหละ ง่วนวุ่นวายอยู่กับการเม้มปาก กระแดะได้ใจมากๆ 5555

page-334

Thursday, March 26, 2009

เอารถไปซ่อมอีกแล้ว

หลังจากเอารถไปซ่อมมาเมื่อไม่นานมานี้ 2-3 วีคได้มั๊ง เพราะไฟเอนจิ้นติดค้างมาเป็นปี (ขับไปโน่นมานี่ไม่ได้หยุด-ไม่ยักกะมีปัญหาอะไรนิ) แต่ด้วยที่จะต้องเอาไปทำสะม๊อกเช็คเพราะต้องต่อทะเบียนมันก็จะไม่ผ่านเพราะไฟติดค้างเติ่งแบบนั้น พอไปซ่อมกลับมาปรากฏว่าไอ้ไฟบ้านั่นหายไปซัก 5-6 วัน แล้วก็ติดๆ ดับๆ อยู่นั่นเลยต้องเอากลับไปส่งให้เค้าดูอีก จะได้เอาไปทำสะม๊อกเช็คซะที ไม่รู้ว่าต้องเสียตังค์อีกหรือปล่าวเนี่ย

มีแก๊กขำของอีก๊อตอีก เพราะเมื่อเช้าตอนเอารถไปให้เค้าซ่อม ก็บ่นๆ ว่าจะให้เดินกลับมาคนเดียวเหรอวะ (ไม่ไกลมากหรอก ประมาณ 1 รอบสนามฟุตบอลแหละ ถ้าบอกให้เค้ามาส่งก็ได้ แต่ไม่เอาหรอก ต้องนั่งรถบักฟรานซิสโก้ แล้วก็ไม่ได้ไกลอะไร เขินว่ะ) ตอนจะออกไปไอ้ตัวเล็กก็ยังหลับอยู่ ไอ้พ่อมันก็เตรียมตัวออกไปทำงาน อิชั้นก็บ่นๆๆๆ อีก๊อตตอบกลับมาว่า Take Ning-Nong the Cat with you so, you don’t have to walk back home alone! HeHeHe กวน teen จริงๆ นะคะผัวของอิชั้น

NingNong

อ้อ เมื่อวานต้องพาอีมี่ไปซื้อรองเท้า cleats ไอ้รองเท้าพื้นตุ่มๆ สำหรับเล่นซอฟท์บอลน่ะ เลยพามันไปที่ Sport Authority เฟะโน่ มีตังค์อยู่กะต๊อยนึง พอได้รองเท้าเหลือบไปเห็นกางเกงกีฬาขายาวเกือบถึงเข่า ดูดีมีสกุล เพราะไอ้ตัวเก่าที่ซื้อให้ขามันกว้างขวางไปนิด อีมี่นั่งทีก็จะ Hello World! ทุกที เลยต้องจ่ายไปอีก แต่เจือกสั่งบักม่วงหวานๆ ไว้ 2 ลังที่ร้านไอ้วี ไหนๆ ก็อยู่ในเฟะโน่แล้ว ไปเอาซะให้เสร็จๆ แต่ตังค์ก็ได้หมดลงไม่พอ 2 ลัง เลยไปซื้อแค่ลังเดียว พอได้บักม่วงอีมี่เจือกบ่นหิวให้เค้าได้ยิน เค้าก็ทำกับข้าวกับปลามาให้กินกันยกใหญ่ทั้งแม่และลูก บอกไม่กินๆ ไม่เอาจะกลับแล้ว ไล่ลูกเต้าขึ้นรถ ตังค์เหลือ 2 เหรียญทำไงดี เลยสารภาพออกไปเดี๋ยวมาเฟะโน่วันหลังเอามาจ่ายน้า…. นะจ๊ะวีนะ แปะโป้งไว้ก่อนเด้อ ขายคี่หน้าจริงๆ Sorry! นะคะพี่น้องปวงชนชาวไทยที่ I didn’t represent Thailand well….. 55555 อายชิบเป๋ง

วันนี้พอเดินกลับถึงบ้าน อีก๊อตอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยพร้อมออกไปทำงาน ก็บอกว่าให้เอาตังค์ไปจ่ายคืนวีเค้าค่าอาหาร เลยบอก เออๆๆๆๆๆ ให้รถเสร็จก่อนสิวะ 555 อายๆๆๆๆ อายแบบยกโคตรอายเลยแหละ

Monday, March 23, 2009

คอนเสิร์ท จ้า คอนเสิร์ท

ไปมาเมื่อคืน ทีแรกนึกว่าไม่ได้ไปแล้วแหละ เพราะหาคนเลี้ยงลูกไม่ได้ สุดท้ายอีแวว น้องซะมีก็ขี่ม้าขาวมารับเด็กๆ ไปดูแลให้ 555 อยากจะบอกว่า หนูจอย - ศิริลักษณ์ ผ่องโชค น่ารัก เฟรนด์ลี่เป็นที่สุด อิชั้นกับสามีชื่นชมหนูจอยมาก อิก๊อตพูดอยู่ตลอดว่า Worth it, it’s so worth it!! She’s full of energy and spirit…she’s real entertainer! เพราะค่าเข้าชมนั้นแพงเอาการ (สำหรับเรา) คนละ 35 เหรียญ แต่ถ้าซื้อหน้างาน 40 เหรียญ ค่าอาหารเครื่องดื่มที่ต้องซื้อแด๊ก (แบบประหยัด) 51 เหรียญ ไฮเนเก้นเรียงรายมาให้ไม่ขาดสายก็อภินันทนาการจากเพื่อนๆ ชาวลาวของอิชั้น (ซื้อกินเองแค่ 2 ขวด) ทิปพนักงานเสริฟ 10 เหรียญ พวงมาลัยให้น้องจอย 2 พวงๆ ละ 10 เหรียญ ค่าถ่ายรูปคู่โพลารอยด์พร้อยลานเซ็นเป็นที่ระทึกนั่น 10 เหรียญ อะไรอีกหว่า…นึกไม่ออกแระ แต่งานนี้เรียกว่าคุ้มและประทับใจสุดๆ

page-327

โปรดสังเกตอีอ้วนในรูป “ช่างกล้า” ใส่เสื้ออ้วนสีฮ๊อตพิ๊งค์ very stand out and huge! คุณผัวก็ตอกย้ำตลอดเวลาว่าอีอ้วนสุดที่รักน่ะใหญ่กว่าน้องจอยแค่ 3 เท่าเอง แล้วก็แขนน่ะใหญ่กว่าขาเค้าอีกนะ บลาๆๆๆ พอเห็นรูปอยากเอาเสื้อบ้านั่นไปเผาเลย 555 โทษเสื้อเว้ย…. อยากจะบอกให้ทุกคนแซบว่า คุณน้องจอย เธอนอกจากน่ารักเป็นที่สุดแล้ว …เธอช่างเป็นกันเอง มีน้ำอดน้ำทนมากๆ อิชั้นเอากล้องจิ๋วๆป กระโดดเข้ากระโดดออกจากโต๊ะไปถ่ายรูป ถ้าคุณน้องเค้าเห็นเค้าก็จะหันมาเต๊ะท่ายิ้มให้กล้องทันที แถมมีรีเลชั่นชิพกับคุณเจ้าของร้าน (อ้ายแก้ว) เลยได้นั่งโต๊ะติดขอบเวที สบายไป เพราะโต๊ะส่วนใหญ่ติดป้ายจองเป็นแถว

page-328

รูปต่อมาเป็นบรรยากาศในวันนั้น (แอบถ่ายรูปตูดกระเทยลาวมาให้ดู) มีน้องกระเทยไทยมากับทีมคอนเสิร์ทเพียง 1 คน ตอนแรกเธอใส่ชุดไทยสไบพลีตสีตองอ่อนแบบนางตานี พอน้องจอยเปลี่ยนชุดเธอก็เปลี่ยนเป็นชุดลายขวางขาวดำน้่น ส่วนผมม้าสีทองๆ ถุงน่องดำรองเท้าขาว และเสื้อแขนกุดดำนั่นด้วยที่เป็นกระเทยลาว ออกมาแด๊วแด่วกันไม่หยุด ดูน่ารักดี ส่วนคุณเสื้อฟ้ากางเกงขากุดนั่น-อิชั้นไม่กล้างแทงไปเลยว่าเธอเป็นหญิงหรือกระเทย เพราะนมเธอ “ตู้ม” แบบใหญ่ยักษ์ไร้ซวดซงเอามากๆ ถ้าไปจ้างหมอทำมาแบบนั้นก็คงต้องติดต่อลอว์เย่อร์ทำซูได้เลย 5555 ส่วนรูปแถบล่างนั่นเป็นเพื่อนๆ ชาวลาวเซ็ทนึงของอิชั้น เซ็ทนี้ไม่ค่อยได้เจอกันบ่อยๆ แต่รู้จักหน้าค่าตากันดี พวกเพื่อนลาวที่รู้จักเนี่ยจะรู้จักกันดีเชียวแหละ พวกมันจะเป็น super lousy Laos เลยแหละ โต๊ะของพวกมันจะเป็นกลุ่มใหญ่เสมอทุกที่ที่ไป เสียงดังกว่าใครๆ เป็นได้ทั้งสีสันของงาน ช่วยสร้างบรรยากาศ และช่วยทำลายบรรยากาศได้ด้วย แล้วแต่ดวงของผู้ร่วมงาน 555 ด้วยความที่พวกเธอ “มักม่วน” ทำเอาอิชั้นต้อง “งึด” อยู่บ่อยๆ ว่าเอา สติสะตัง กำลังวังชา มาจากไหนกัน ปาร์ตี้ฮาร์ดแทบทุกวัน แหกตาตื่นไปทำงานกันได้ยังไง และที่สงส๊ายยย….. สงสัย เอาสะตุ้งสตางค์มาจากไหนกันเยอะแยะ กินล้างผลาญกันได้บ่อยๆ (เจือกเรื่องชาวบ้านอีกแย้ววว… 5555)

page-329

มาดูรูปต่อมา เสื้อแขนสั้นสีขาวเมาแอ๋นั่นชื่อ ไอ้หรั่ง นิสัยดีคุยสนุก เมาหนักแทบทุกงาน ไม่รู้มันขับรถเมอเซดีสของมันกลับบ้านได้ไงทุกงานเช่นกัน กระซิบเบา อีผัวปักม๋าของอิชั้นไม่เคยจำชื่อเธอได้เลย แต่ชอบแอบเรียกเธอว่า มังกี้เฟส-หน้าลิง กลัวเค้าได้ยินทุกที ส่วนกระเทยพวงมาลัยสีม่วงนั่นเป็นกระเทยที่ไม่เคยเจอหน้ามาก่อน เธอก็เข้ามาจี๋จ๋าคุยด้วยดี ส่วนเสื้อหนังสีน้ำตาลนั่น เมาแล้วแต่ยังโอเค คนนี้ก็ซี้กันดี คืนนั้นบ่นทั้งคืนว่าอ้วนขึ้น อ้วนมาก น่าตื้บจริงๆ ตัวแค่เนี๊ยะ บ่นอ้วน ยังแซวมันว่าไปหาถุงเท้ามายัดนมซะหน่อย ส่วนรูปคู่แถวกลางพวงมาลัยม่วงและแดงนั่น คนพวงม่วงชื่อไอ้แต่ง เป็นเจ้าขอร้านเสริมสวยใหญ่ คนพวงแดงนั่นชื่อเอื้อยตุ่นเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่ไฮสคูล แถวล่างสุดเป็นทีมเค้าแหละ ส่วนใหญ่ก็เป็นเจ้าของร้านเสริมสวยกัน คืนนั้นก๊วนนี้และอีก 2 – 3 โต๊ะใหญ่ เสียงดังฟังชัดโหวกเหวกมากมาย อิชั้นล่ะนับถือ spirit ของน้องจอยเสียจริงๆ เธอร้อง เต้น คุยทักทายกับผู้ชมได้ “เนียนและงาม” ตลอดเวลา มีอยู่ครั้งที่เธอบุ้ยใบ้ออกไมค์ฯ ว่า เค้าคงไม่ได้เจอกันมานานมั๊ง 55555 มันก็ เล๊าซี่ลาว super loud Laos แบบนั้นกันมาแต่ไหนแต่ไร เฮ้อ…

page-330

อันนี้บรรยากาศในร้าน ต้องขออภัยรูปมืดมัวไปหน่อย เพราะมีหลายๆ โต๊ะเค้าทานอาหารกันอยู่ก่อนที่คอนเสิร์ทจะเริ่ม ถ้าใช้แฟลชโฉ่งฉ่างก็จะดูไม่มีมารยาท หนูจอยเธอก็ “รัน” คอนเสร์ทมาจนจบได้อย่าง smooth และสวยงาม แม้ว่าจะมีอุปสรรคทางด้านเสียงตลอดก็ตาม (ไมค์และผู้คน) อิชั้นและสามีสงสารเธอมากๆ เพราะคนดูออกจะถึงเนื้อถึงตัวคุณน้องเธอตลอดเวลา แต่พอผู้ชมชายของถ่ายรูปวาดแขนไปโอบกอด-คุณน้องจอยเธอก็รีบป้องปัดบอกทุกครั้งว่า “ไม่ได้ค่ะ” น่ารักมาก งามอย่างสตรีไทยจริงๆ ถ่ายรูปใกล้ชิดเธอไม่ว่า แต่โอบกอดน่ะขอ… พวกนี้ก็โห่ขึ้นลงถ่ายรูป หอมแก้ม เธอแบบจู่โจมตลอดเวลา แม้แต่ตอนที่ร้องๆ เพลงอยู่ น่าสงสารจริงๆ อิชั้นเป็นคนหนึ่งที่ไม่ชอบคนมาถูกเนื้อต้องตัว รู้จักกันดีแต่ไม่สนิทสนมมากมายก็ไม่กอดหอมกันหรอกค่ะ ก่อนจะออกจากร้านก็ได้ถ่ายรูปกับน้องเค้า เรียกเค้า “น้อง” อยู่นั่น จริงๆ คราวลูกเลยนะ 5555

page-331

Friday, March 20, 2009

First Day of SPRING

6DE2C-vernal-equinox

So long WINTER…see you in 9 months! Hello SPRING ฤดูหนาวก็สิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการเมื่อวานนี้ วันนี้ก็เลยเป็นวันแรกของฤดูใบไม้ผลิ จะว่าไปมันผลิมาพักใหญ่ๆ แล้วหละ blossom ตามเรือกสวนไร่นาได้บานสะพรั่งสวยงามมาเดือนนึงแล้ว ตอนนี้ร่วงโรยไปหมดแล้ว ต้นไม้ที่เห็นโกร๋นๆ แห้งๆ ตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วง และตลอดฤดูหนาว พอกลางๆ กุมภาพันธุ์ ก็จะปกคลุมไปด้วยดอกเต็มไปหมด ดูขาวโพลน ชมพูโพลน (เค้าเรียกงั้นปล่าววะ) มันจะสวยงามอยู่อย่างนั้นแค่ 2 สัปดาห์แหละ มาอยู่นี่ 9 ปี ไม่เคยได้ถ่ายรูป blossom trial เจ๋งๆ ซะที พอขับรถผ่านก็ลืมกล้อง พอเตรียมกล้องไป ดอกก็ร่วงซะเกือบหมด ตอนนี้ตามสวนผลไม้ต้นที่เคยเห็นโกร๋นๆ ซังกะตายก็แตกใบเขียวออกมา สวยดี แต่ allergy attack ก็หนักตามไปด้วย ดูอันที่ไปก๊อปเค้ามาก่อน ไม่ต้องเดาหรอก กล้องของอิชั้น+กับฝีมือด้วยแล้ว คงไม่งามงดขนาดนี้

page-324

ส่วนอันนี้ก็ SD400 จอดรถถ่ายนะคราวนี้ ไม่ได้ขับไปถ่ายป ดูคุณภาพและฝีมือซะก่อน 5555

page-325

วันแรกของสปริง หรือฤดูอื่นๆ เค้าคำนวนกันตรงไหน อย่างไร น่าสนใจนะ แกนโลกมัน tilted แสงจากดวงอาทิตย์สาดส่องตรงมาตั้งฉากที่เส้นอิเควเต้อร์ เต็มๆ วันนี้จึงเป็นปรากฏการณ์ Vernal Equinox ซึ่งแต่ละปีจะมีแค่ 2 วัน อู้ย…ไปหาอ่านกันเอาเองเถ๊อะ…

The first day of spring in the U.S. is considered to be around March 20 or 21, depending on what day the vernal equinox occurs. This is when the sun sits directly above the equator on its apparent trip northward. Of course this sun isn’t moving; Earth is. As Earth revolves around the sun, the top half, called the Northern Hemisphere, becomes tilted more toward the sun as winter turns to spring. Meanwhile the bottom half, the Southern Hemisphere, becomes tilted more away from the sun. So it is autumn for people in Australia and the southern parts of Africa and South America.

Vrnal Equinox

ScreenShot058 copy

An equinox occurs twice a year, when the tilt of the Earth's axis is inclined neither away from nor towards the Sun, the Sun being vertically above a point on the Equator. The term equinox can also be used in a broader sense, meaning the date when such a passage happens.

The name is derived from the Latin aequus (equal) and nox (night), because around the equinox, the night and day are approximately equally long. It may be better understood to mean that latitudes +L and -L north and south of the equator experience nights of equal length.

The word is also used for the same event happening on other planets and in setting up a celestial coordinate system; see equinox (celestial coordinates).

At an equinox, the Sun is at one of two opposite points on the celestial sphere where the celestial equator (i.e. declination 0) and ecliptic intersect. These points of intersection are called equinoctial points: the vernal point and the autumnal point. By extension, the term equinox may denote an equinoctial point.

An equinox happens each year at two specific moments in time (rather than two whole days), when the centre of the Sun can be observed to be vertically above the Earth's Equator, occurring around March 20/21 and September 22/23 each year.

Thank You –> http://en.wikipedia.org/wiki/Equinox

spring09

จริงๆ ยิ๋งทดก็อยากจะแปลให้อ่านแหละ แต่ลองเสิร์ชดู อันนี้ก็อ่านง่ายเข้าใจดี ก็เลย “ก๊อป-แปะ” ให้คุณเพื่อนๆ ได้ศึกษาหาฟามรู้กัน น่าสนใจนะยะ เอามาให้อ่านก็อ่านซะ อย่ามองข้ามสิ่งประเทืองปัญญานะคุณเพื่อน

รู้หรือไม่ "เดือนอะไรที่โลกอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์มากที่สุด"

ถามถึงเดือนที่โลกอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ เจาะจงลงไปเกี่ยวกับระยะใกล้-ไกลดวงอาทิตย์ของโลกได้ดังนี้ ประมาณวันที่ 21 มีนาคมของทุกปี จะเป็นช่วงเวลาที่ดวงอาทิตย์อยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตรของโลกมากที่สุด ดวงอาทิตย์จะอยู่เหนือขึ้นไปในแนวดิ่งพอดีกับพื้นที่ที่อยู่ตรงบริเวณแนวเส้นศูนย์สูตร ในช่วงเวลานี้ขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้จะอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์เท่ากัน และจะเป็นช่วงเวลาที่กลางวันยาวเท่ากับกลางคืนในทุกๆ ประเทศ มีชื่อเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า วิษุวัต หรือ equinox (หมายถึง equal night) โดยในช่วงเวลานี้จะเป็น วสันตวิษุวัต หรือ vernal equinox คือเป็นช่วงเวลาที่ประเทศต่างๆ ทางซีกโลกเหนืออย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ


ประมาณวันที่ 21 มิถุนายนของทุกปี บริเวณขั้วโลกเหนือจะเอียงเข้าหาดวงอาทิตย์มากที่สุด ขณะที่แนวเส้นศูนย์สูตรของโลกจะอยู่ไกลจากดวงอาทิตย์มากที่สุด ในเวลานี้จะเป็นช่วงฤดูร้อนของประเทศทางซีกโลกเหนือ และจะเป็นช่วงฤดูหนาวของประเทศทางซีกโลกใต้ มีชื่อเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า summer solstice โดยในช่วงเวลานี้เองจะเกิดปรากฏการณ์พระอาทิตย์เที่ยงคืนขึ้นกับบางประเทศที่อยู่ใกล้กับขั้วโลกเหนือ เช่น ประเทศนอร์เวย์ เป็นต้น


ประมาณวันที่ 21 กันยายนของทุกปี จะเป็นช่วงเวลาที่ดวงอาทิตย์อยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตรของโลกมากที่สุดอีกครั้งหนึ่ง ดวงอาทิตย์จะอยู่เหนือขึ้นไปในแนวดิ่งพอดีกับพื้นที่ที่อยู่ตรงบริเวณแนวเส้นศูนย์สูตร ในช่วงเวลานี้ขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้จะอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์เท่ากัน และจะเป็นช่วงเวลาที่กลางวันยาวเท่ากับกลางคืนเช่นเดียวกับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงวันที่ 21 มีนาคม แต่ในช่วงเวลานี้จะเป็น ศารทวิษุวัต หรือ autumnal equinox คือเป็นช่วงเวลาที่ต่างประเทศต่างๆ ทางซีกโลกเหนือย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง


ประมาณวันที่ 21 ธันวาคมของทุกปีบริเวณขั้วโลกใต้จะเอียงเข้าหาดวงอาทิตย์มากที่สุด ขณะที่แนวเส้นศูนย์สูตรของโลกจะอยู่ไกลจากดวงอาทิตย์มากที่สุดอีกครั้งหนึ่ง ในเวลานี้จะเป็นช่วงฤดูร้อนของประเทศทางซีกโลกใต้ และจะเป็นช่วงฤดูหนาวของประเทศทางซีกโลกเหนือ โดยในช่วงเวลานี้จะใกล้เทศกาลคริสต์มาสซึ่งประเทศที่อยู่บริเวณตอนบนของซีกโลกเหนือจะมีหิมะตกค่อนข้างมาก มีชื่อเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า winter solstice

ขอขอบคุณ - > http://www.dek-d.com/board/view.php?id=1000057

เมื่อวานคุณสก๊อตต์กลับถึงบ้านก็นั่งอ่านบล็อก ชมบล็อกสิเน๊าะ เพราะอ่านไม่ออก เห็นนั่งพินิจพิจารณาอยู่เป็นนานสองนาน แล้วก็ทำหน้ามุ่ยบอกว่า Why don’t you make this blog in ENGLISH? ก็เลยต้องแว๊ดกลับไปว่า พอทำบล็อกภาษาอังกฤษ ก็คอยมากระแนะกระแหนว่าภาษาอังกฤษของยิ๋งทดหลงเข้าดงลงห้วยไปซะแล้ว เขียนภาษาอังกฤษเหมือนเด็ก 10 ขวบ ที่หลังให้ปรึกษาอีมี่ก่อนนะ (ถ้าจำไม่ผิด เคยบ่นเรื่องนี้ไว้าในบล็อกนึงนานมาแล้ว) ดูถูกกันเกิ๊นนนน….

HAPPY-SPRING-Take-Care

Thursday, March 19, 2009

รักยุคไฮเทค - Sweet นุช

เพลง รักยุคไฮเทค เนื้อเพลง รักยุคไฮเทค - สวีทนุช Sweet นุช

เพลง / MV / Title / เนื้อเพลง: รักยุคไฮเทค
ศิลปิน/Artist: สวีทนุช
อัลบั้ม/Album: The Original Sweet Voice

 

บนโลก Hi Tech ทุกอย่างเล็กลง
แต่รักฉันคง ยิ่งใหญ่เหมือนเดิม
อยากมี Hard Disk ลง Program เสริม
เพิ่ม Ram พร้อมแจ่มด้วยภาพของเธอที่ Desktop
โลก Digital เรางอนง้อกัน
ทำ Card แล้วส่ง E mail ให้เธอ
CPU รู้ Love You เสมอ อย่าเผลอ
Delete รักเราลง Recycle Bin
ส่ง SMS พิมพ์คำข้อความ แนบคำนิยามที่สุดซึ้ง
เปิด Win Ampไว้ ด้วยเพลงคิดถึง
อยากให้เธอซึ้งกับความคิดถึงที่ฉันให้เธอ
เพลงที่ฉันโปรด Download ให้เธอ
ได้รับไหมเอ่ย ตอบด้วยขวัญใจ
อย่าเพิ่งใจร้อน Shut Down ไปไหน ปล่อยใจ
ให้ฉันลอยไปตามสาย Cable

โปรด Save รักเราเก็บไว้ เผื่อใจของฉันจะได้ไม่ต้อง Error

 

ยิ๋งทดได้ฟังแล้วก็ชอบนะ แต่ฟังหลายๆ หนเลยเบื่อซะ

ส่วนเพลงข้างล่างนี้..ฟังกี่ที่ก็ชอบ เด็ดมากๆ ค่ะคุณๆ เชิญรับฟัง

จดหมายจากเมียเช่า โดยคุณมาณี มณีวรรณ

เพลงนี้ฮามากมาย คิดตามดีๆ จะเห็นว่ามัน สุดแสนจะ Classic

เพลงนี้เนื้อหา คุณเมียเช่าเธอตัดพ้อ คุณ John คนรัก (เดาเอาเองว่าเป็น American GI)
เป็นการเล่นภาษาไทยกับอังกฤษได้อย่างคล้องจอง

 


Sadsong - Maneewan


น้ำตาเมียเช่า
โดยคุณมาณี มณีวรรณ


I เขียน Letter ถึงเธอ Dear John

เขียนใน flat ที่ you เคยนอน

จังหวัดอุดร ประเทศ Thailand

I broken heart, you must understand

John จ๋า John Dollar ขาดแคลน

เมีย second hand ของ you ยังคอย

You ทิ้งเมียเช่า หิ้วกระเป๋า go home

ทิ้งรอยจูบลูบโลม จน shape I โทรมเพราะ you enjoy

forget you want กลับไปอยู่ Illinois

I เสียใจจนเป็น typhoid เอา Tiger Oil มาทากันตาย

* โศกเศร้ากว่า sad movie.. Oh John you make me cry…

I lonely เสียจนผอมผ่าย อยากตาย why you ทิ้ง me

รอยน้ำตาหยดรดบนลายเซ็นต์ หาซองใส่จ่าหน้าไม่เป็น

โธ่เวรเอ๋ยเวร who ช่วยเขียนที

ฉีกทิ้ง letter หันไปเจอ DDT

Good Bye สวัสดี go meet กับ me ที่เมือง The End

(ซ้ำ *)

ฟังแล้วก็ กร๊ากกกก…. ขำดี  พอคิดไปคิดมา อ้าว …. กรูก็เมียฝรั่งนิ (แต่ขายขาด ไม่ได้เช่ามา แถมคุณนายแม่เผา return counter ทิ้งแล้วด้วย 5555) นอกจากเป็นเมียฝรั่งแล้ว คุณสามีของอิชั้นน่ะ อะดูด ตะหาร จีไอ กองทัพไอ้กัน ซะด้วย แต่ก็ขำได้แหละ 5555 ไม่ได้ขำใคร ขำ ตัวเองก็ได้วะ 555

มาดูภาพถ่าย Sonogram ของลูกอิชั้น

 

อันนี้เป็นรูปไอ้ตี้ตอนอยู่ในครรภ์คุณแม่อู๋ 5555

jwen_pepsi 

ฮ่าๆๆๆๆๆ เอิ๊ก… หลงเข้ามาจนได้ 5555

คราวนี้ก็คงไม่ต้องแปลกใจที่เห็นมันร้องจะแด๊ก เป๊ปซี่ตลอดเวลา 5555

 

เพิ่งนึกออกอย่างนึง…ที่บ้านเราเรียกกันติดปากว่า ultrasound, ultrasound exam ก็คุ้ยเคยกับคำนั้นมาตลอด แต่พอไปหาหมอที่นี่เค้าเรียก โซโนแกรม โซโนแกรม ทุกทีไป ไม่มีอะไรผิดหรอก ลองอ่านกันดู น่าสนใจน้าาาา……

Diagnostic sonography (ultrasonography) is an ultrasound-based diagnostic imaging technique used to visualize subcutaneous body structures including tendons, muscles, joints, vessels and internal organs for possible pathology or lesions. Obstetric sonography is commonly used during pregnancy and is widely recognized by the public. There are a plethora of diagnostic and therapeutic applications practiced in medicine.

In physics the term "ultrasound" applies to all acoustic energy with a frequency above human hearing (20,000 hertz or 20 kilohertz). Typical diagnostic sonographic scanners operate in the frequency range of 2 to 18 megahertz, hundreds of times greater than the limit of human hearing. The choice of frequency is a trade-off between spatial resolution of the image and imaging depth: lower frequencies produce less resolution but image deeper into the body.

ไปหาอ่านกันเพิ่มเติมได้ตรงนี้ http://en.wikipedia.org/wiki/Medical_ultrasonography

Wednesday, March 18, 2009

Shopping สไตล์แม่บ้าน (บ้านนอก) เมืองฝรั่ง

เศรษฐกิจ down hill แบบไม่ยอมกระเตื้องมานานมาก จมดิ่งตลอดไม่ยอมโผล่โงหัวขึ้นเลย อะไรๆ ก็แพง ข้าวของจำเป็นต้องใช้ “ถีบ” ราคาขึ้นตามราคาน้ำมันเมื่อปีก่อน แต่ไม่ยักกระ “ถีบ” ตัวลงตามราคาน้ำมันที่ลดลง เป็นแม่บ้านฝรั่งชนชั้นแรงงาน (กุลีฝรั่ง-ตามที่คุณนายแม่ชอบเรียกผัวของอิชั้น 5555) ก็ต้องจำกัดจำเขี่่ยตามกระแสเศรษฐกิจ ขืนสวนกระแสก็ตายอ่ากันพอดี

page-316

1) Catalogที่มากับหนังสือพิมพ์วันอาทิตย์ แต่จริงๆ มากมายกว่านี้เยอะมาก เลือกมาเฉพาะที่จะไปซื้อ และดูว่าอะไรราคาพิเศษในสัปดาห์นี้

2) Booklet คูปอง ประจำเดือน ที่แต่ละร้านมีแจก พอไปก็หยิบมาติดมาด้วย เลือกดูว่าอะไรที่เราจะซื้อว่ามีคูปองหรือปล่าว ถ้ามีก็เอามา combine กับดูปองที่มากับหนังสือพิมพ์ + ราคาพิเศษประจำสัปดาห์

3) และ 4) คือคูปองในบุ๊คเล็ต ก็เลือก “แมช” กับราคาพิเศษ + คูปองลดราคาพิเศษ 555 งกจ้า

อิชั้นโชคดีอยู่บ้างที่พ่อบ้านไม่ค่อย “เค็ม” เท่าไหร่ อยากได้อะไร ถ้าคำนวนดูแล้วไม่เดือดร้อนก็ไปซื้อหามากินมาใช้ แต่หลังๆ มานี้ถ้าหากช่วยกันประหยัดบ้างก็จะดีมากทีเดียว อิชั้นเลยพบว่ากิจกรรม “คูปอง” เป็นอะไรที่สนุก และท้าทายดี ลูกสาวอีมี่ก็ชอบ ทุกๆ วันอาทิตย์เราจะได้รับคูปองจากสารพัดสโตร์ที่ส่งมากับหนังสือพิมพ์ ดิฉันก็จะเลือกตัดเก็บเอาไว้อย่างในรูปข้างล่าง

IMG_9072

การได้คูปองมามีหลายวิธี นอกเหนือไปจากการตัดเก็บจากที่มากับซันเดย๋เปเป้อร์ ถ้าหากเค้ามีโปรแกรมอะไร (ฟรี หรือเสียค่าสมัครเล็กน้อย) ก็เอากะเค้าซะหน่อย อย่างยาดักไขมัน alli (ค่อนข้างแพง) อิชั้นก็ส่งอีเมล์ไปชื่นชมผลิตภัณฑ์เค้าว่าดีแสนดี แล้วก็ทิ้งท้ายว่ามัน pricie นะ ถ้ามีคูปองก็ส่งให้ชั้นบ้างนะ 1 วีคต่อมาเค้าก็ส่งไอ้คูปองลด 10 เหรียญให้มา เพราะกับส่งอีเมล์มาบอกว่า แต๊งส์นะที่ติดต่อสื่อสารกัน บลาๆๆๆ ส่วนคูปองบุ๊คของ P&G นั่น ซื้อสินค้าที่เป็นของ Procter & Gamble ครบ 50 เหรียญ ภายใน 1 เดือน (มันจะยากอะไร Pampers ของไอ้ตี้ห่อละ 40 เหรียญ ซื้อเดือนละ 2 ห่ออยู่แล้ว 5555) ส่งใบเสร็จไปให้เค้า เค้าก็ส่งสมุดคูปองมาให้ อันนี้ดีทีเดียว สินค้าของ P&G เป็นอะไรๆ ที่ใช้กันอยู่ตลอดในครัวเรือน ส่วนหางใบเสร็จทั้งหลายก่อนทิ้งหรือทำลาย ก็อ่านซะหน่อย อย่าง Sally Beauty Supply ให้คูปอง ลด 5 เหรียญ สำหรับการซื้อครั้งต่อไปขั้นต่ำ 5 เหรียญ กู้ดๆๆๆๆ เจ้ ชอบมาก

page-319 

คูปองต่างๆ มีหลากหายที่มา บางทีก็ได้คูปองสำหรับแลกของฟรีสำหรับการซื้อครั้งต่อไป อย่าง Bath & Body Works (gimmick นี้ เวิร์คเสมอ) และบางที่ก็เสียบมาในแมกกาซีน (รูปล่างซ้าย) อื่นๆ อีกมากมาย ฯลฯ ก็ดูว่าเป็นของที่ต้องการใช้หรือต้องการซื้อหรือไม่ ถ้าใช่ก็เก็บไว้ ไม่ใช่ก็โยนทิ้งไป ที่สำคัญดูวันหมดอายุของคูปองด้วยนะคะ คราวนี้ก็มาดูโปรโมชั่นในแต่ละสัปดาห์ว่ามีอะไรลดราคาบ้าง ก็วงๆ ทำเครื่องหมายไว้ (ห้างไหนเป็นห้างไหน-บางทีอิชั้นตัดไว้แล้วลืม 555) อย่างรูปข้างล่าง Rimmel ที่ Rite Aid ซื้อ 1 แถม 1 แล้ว มีคูปองลดอีก 1 เหรียญอยู่ 4 ใบ ก็เลือกใช้ให้เหมาะ ส่วนรูปล่างซ้าย Centrum ราคาพิเศษวีคนี้ 6.99 ก็เอาคูปองลด 3 เหรียญที่จะหมดอายุสิ้นเดือนนี้ไปใช้ซะ

page-320

คราวนี้มาดูการทำ done deal ของยิ๋งทด จริงๆ วีคนี้สิ่งที่เราต้องการคือ toilet paper แชมพูและครีมนวด ซึ่งที่ใช้อยู่คือ Head & Shoulders กับ Pantene ก็เปรียบเทียบดูโปรโมชั่นที่ไหนลดถูกสุด และก็เอาคูปองที่มีอยู่ไปใช้ สรุป แชมพู Head & Shoulders ที่ “R” – Rite Aid ถูกสุด ขวดละ 3.99 เหรียญ ส่วนครีมนวด Pantene ที่ “T” - Target ถูกสุด 3 ขวด 10 เหรียญ

page-318

เสร็จแล้วก็เอามาตัด+แปะ ใส่กระดาษการบ้านเก่าๆ ของลูก โดยคลิปคูปองที่ต้องใช้ไว้ด้วย ทำแบบนี้ก็จะไม่ซื้อสะเปะสะปะ (มากนัก อิอิ ไม่ใช่ zero เลยทีเดียว 5555) แถมแปะไอ้พวกประทินโฉมที่ซื้อ 1 แถม 1 ไปด้วย เผื่อไปแวะจ้องๆ มองๆ แล้วเจออะไรถูกตังค์และน่าสนใจ 5555 ในรูปคือลิสต์ที่จะไซื้อที่ Rite Aid หลักๆ คือ เซนทรั่ม (ซึ่งเกือบหมดแล้ว) กับ แชมพู

IMG_9079

ไอ้นี่ รวมกะไอ้คูปองข้างๆ ก็เรียบร้อยสำหรับลิสต์ที่จะไปซื้อที่ Target ในรูปต่อไป

IMG_9075 

IMG_9077

IMG_9078

ช่างเป็นเรื่องเป็นราวเน๊อะ 5555 วันนี้ได้แต๋นไป WalGreens มารอบนึง เพราะต้องไปซื้อยาแก้ไข้แก้หวัดสำหรับตู้ยาสามัญประจำบ้าน แล้วมีคูปอง 5 เหรียญสำหรับการซื้อขั้นต่ำ 20 เหรียญ (ลืมถ่ายรูปไว้ให้ดู) ก็เลยได้ข้าวของในรูปมา Tylenol 8 Hour (Acetamenophen – พาราเซ็ตตาม่อน 650 ml each) 100 มะเล็ด ไม่ได้ลดราคาจ่ายเต็มๆ 9.99 เหรียญ แต่ไอ้แก้หวัดนั่น 24 มะเล็ด ราคาเต็ม 7.99 ราคาพิเศษวีคนี้ 4.99 เหรียญ Carmex SPF 15 แท่งเรียวนั่น ราคาเต็มๆ เลย ไม่มีอะไรพิเศษ 3.49 แต่เจือกอยากได้ sleek ดี เอาไว้ใส่เป๋าตังค์ ลองทาแล้วก็เหมือนแพ๊คเกจแบบอื่นๆ ของมันแหละ ยังคงให้ tingling sensation เหมือนต้นฉบับ ส่วนสีทาเล็บ Revlon ซื้อ 1 แถม 1 เอา จ่ายไป 4.99 จ้า อยากได้สีช๊อคโกแล๊ตมานานแล้ว ส่วนไอ้สีเนวี่บลูนั่นเคยมีแล้วแต่เป็นยี่ห้ออื่นซึ่งแปรงห่วยมากๆ ทายากทาเย็น เลยต้องดิ้นรนหามาใหม่ 5555

page-315

ไม่ทราบว่าคุณเพื่อนสังเกตเห็นหรือไม่ว่ายิ๋งทดเปลี่ยนไป๋ ไม่มี ลิสต์ ของเมซี่ส์ และห้างอื่นๆ ที่เคยช๊อปเปี้ยงเลย 5555 เป็นคนดีแล้วจ้า 55555

 

Tuesday, March 17, 2009

St. Patrick's Day

จริงๆ แล้ววันนี้ไม่มีฟามหมายใดๆ กับอิชั้นหรอกค่า เฉยๆ มาก เพราะไม่มีสายเลือดไอริช 555 เป็นพันธุ์ทางมีเชื้อสาย เฟร้นช์ นิดนึง (จะเป็น French Fries หรือปล่าวก็ไม่แน่ใจ เพราะ ฟรายส์ตลอด ใจร้อนซ้าาา… 5555) ที่แน่ๆ เป็นสายเลือดไทยชาวบ้านบางระจันเสียครึ่งหนึ่ง และอื่นๆ อีกมากมาย ส่วนที่บ้านมีที่ปนเปื้อนเลือดไอริชอยู่ 2 ตัว คือ ไอ้ก๊อต-ซีเหนี่ย กับ ไอ้ก๊อต-จูเหนี่ย แต่ก็ไม่ได้ฉะเหลิม ฉะหลอง อะไรกัน วันนี้อีมี่ใส่เสื้อลายทางเขียวชมพูไปโรงเรียน เขียวๆ ซะหน่อยกันเพื่อน “หยิก” เอา 5555 อีแม่ใส่ชุดนอนแดงแจ๋ตั้งก๊ะเมื่อคืน (ยังไม่ได้อาบน้ำเลย 5555)

stpatricks_d4gwinner_eo09     26443

HappyStPatricksDay252520OBD252520sp      happy_st_patricks_day

4LeafClover      2340907200_80bd076805

ไอ้ใบโคลเว่อร์เนี่ยถ้าจะให้เป็นลัคกี้โคลเว่อร์มันต้อง 4 ใบใช่ปล่าว (4 Leaf Clover) เลยเอามาแปะให้เพื่อนๆ ดู จะได้โชคดีตามๆ กัน 5555 บ้านเราเรียกว่าใบอะไรวะ ไม่รู้จำไม่ได้ แต่ที่แน่ๆ มันเป็นวัชพืช ใช่หรือปล่าว

ยังไงๆ ก็ ขอให้โชคดีมีชัย พบหม้อทองคำที่ปลายสายรุ้งกันทุกคน แต่อย่าเผลอไปเอานิ้วชี้รุ้งเข้านะ เดี๋ยวจะต้องเดือดร้อน เอานิ้วจิ้มตูดมาดมแก้เคล็ด ตามที่โบราณว่าไว้ 5555 คิดตามแล้วก็งง ทำไมต้องจิ้ม ทำไมต้องตูด ทำไมต้องดม 5555

โฉมหน้า ไอ้พวก terrorist อ้อ ไม่ใช่ Irish ที่บ้านอิชั้นค่า

2-22-2009 4-41-10 PM

ไร้สาระคดีมาเยอะแล้ว ขอเป็นสารคดี เป็นเรื่องเป็นราเสียหน่อย เชิญอ่านค่ะ

* * * * * * * * * * * *

วันฉลองนักบุญแพทริคเป็นวันที่เกี่ยวข้องกับอะไรก็ตามที่แสดงออกถึงความเป็นไอริช ทุกสิ่งทุกอย่างจะถูกตกแต่งประดับประดาด้วยสีเขียวและทอง อันเป็นสีแห่งโชคลาภ ฤดูใบไม้ผลิ และธรรมชาติ ตามธรรมเนียมปฏิบัติแล้ว งานฉลองนี้จัดขึ้นเพื่อแสดงออกถึงการเริ่มต้นใหม่ การฟื้นฟูจิตวิญญาณ และการภาวนาเพื่องานแพร่ธรรมในระดับสากล

นักบุญแพทริคเป็นชาวอังกฤษแต่กำเนิด ท่านเป็นมิชชั่นนารี่และนักบุญอุปถัมภ์ของประเทศไอร์แลนด์ และมีชีวิตอยู่ในช่วงศตวรรษที่ 4 (ค.ศ. 373-493) ตอนท่านอายุได้ 16 ท่านเคยถูกพวกโจรจับไป และไปขายเป็นทาสในไอร์แลนด์ (ประเทศไอร์แลนด์สมัยนั้นนับว่าเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนอยู่มาก คือมีพวกโจร ไวกิ้ง และพวกคนเถื่อนนอกกฎหมายกระจัดกระจายอยู่ทั่วประเทศ) จนผ่านไป 6 ปี ท่านก็ได้หนีออกมาได้สำเร็จ ท่านได้ไปบวชเป็นเดคอน และได้เป็นบิชอปในเวลาต่อมา ท่านได้เห็นนิมิตที่วิญญาณบรรพบุรุษของชาวไอร์แลนด์จำนวนมากมาขอให้ท่านนำแสงสว่างแห่งพระเจ้าไปยังลูกหลานของพวกเขา ท่านจึงตัดสินใจเดินทางกลับไปไอร์แลนด์ดินแดนที่ตัวเองเคยหนีออกมาจากความเป็นทาส แต่ครั้งนี้ในฐานะผู้นำทางจิตวิญาณ ท่านได้รับพระพรพิเศษในการทำอัศจรรย์ และได้ช่วยให้คนจำนวนมากได้กลับใจจากการชั่วร้ายป่าเถื่อนหันมาในทางศีลธรรมของพระเจ้า นอกจากนี้ท่านยังเป็นผู้ก่อตั้งโรงเรียน และโบสถ์ขึ้นหลายต่อหลายแห่งในไอร์แลนด์อีกด้วย เป็นเวลาร่วม 30 ปีที่ท่านนำความเจริญทั้งทางโลกและทางธรรมมาพัฒนาให้กับไอร์แลนด์อย่างมาก จึงไม่แปลกใจเลยที่ชาวไอริชจะเคารพนับถือท่านอย่างยิ่ง และยกให้ท่านเป็นนักบุญองค์อุปถัมภ์ของประเทศไอร์แลนด์ และให้ความสำคัญกับวันฉลองของท่านเป็นพิเศษเช่นนี้


งามเฉลิมฉลองจะจัดขึ้นวันเสาร์ก่อนวันฉลองนักบุญแพทริค โดยจะเริ่มจากพิธีมิสซาในเวลา 10 โมงเช้า ตามมาด้วยเกมการแข่งขัน และขบวนพาเหรด เนื่องจากเป็นงานเฉลิมฉลองของชาวไอริช จึงมีคนไอริชมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก (ขบวนพาเหรดในแสคนต้อนมีผู้ร่วมกว่า 5,000 คน) ส่วนวันที่ 17 มีนาคม ที่เป็นวันฉลองหลักของนักบุญแพทริคนั้น เชื่อว่าเป็นวันที่นักบุญแพทริคได้เสียชีวิตลง (ในไอริช วันนี้จะเป็นวันหยุด ตามห้างร้านและธุรกิจเกือบทั้งหมดจะปิดทำการ ให้ชาวไอริชไปร่วมในพิธีมิสซาในตอนเช้า และงานเฉลิมฉลองขบวนพาเหรดในตอนบ่าย) ซึ่งชาวไอริชเองนั้น เมื่อตนไปอยู่ในทิ้งถิ่นประเทศไหน ก็นำพาเทศกาล งานฉลอง ประวัติศาสตร์ของพวกตนนี้ไปยังประเทศและท้องถิ่นนั้นๆ ด้วย


ธรรมเนียมปฏิบัติที่นิยมทำกันในวันนี้ คือการแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีเขียว (ตามแบบสีชุดบิชอปของท่าน) ประดับตกแต่งด้วยสีเขียวทอง หาใบโคลเวอร์ 4 กลีบ (ท่านใช้ใบโคลเวอร์ 3 กลีบในการอธิบายเรื่องพระตรีเอกาภาพ ดังนั้นใบโคลเวอร์จึงเป็นเครื่องหมายหนึ่งที่สื่อถึงท่าน) และจับ Leprechaun ให้ได้ ถ้าคุณหามันเจอนะ !

รูปภาพ ภาพนักบุญแพทริค ท่านจะแต่งกายด้วยชุดสีเขียวทอง และมีใบโคลเวอร์เป็นสัญลักษณ์

 
ใบแชมร็อค (Shamrock) สัญลักษณ์แห่งความโชคดี
ที่ถูกนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์ในงาน Saint Patrick 's Day (A shamrock is a common name for a clover. But as American botanist Kathleen Pelkki explains, a shamrock is a common name for any number of plants belonging to the genus Trifolium, from the Latin meaning "having three leaves.")

 

Clover หรือที่ฝรั่งเรียกกันว่า three-leaf clover นั้น เป็นพันธุ์ไม้เตี้ย ใช้เป็นอาหารของม้าและวัวควาย ใบมีสามกลีบ ใช่แล้วค่ะ...ใบ Clover ปรกติจะมีสามกลีบ แต่ตามความเชื่อดั้งเดิมในหลาย ๆ ประเทศ เค้าเชื่อว่าการได้พบหรือได้เห็นใบ clover แบบสี่กลีบจะถือว่าโชคดี ถ้าจะอิงเหตุผลตามหลักวิทยาศาสตร์ ก็น่าจะเป็นเพราะโอกาสที่จะพบแบบสี่กลีบนั้นจะยาก เนื่องจากเป็นการกลายพันธุ์มาจากของใบ Clover แบบสามกลีบ และโอกาสที่จะพบจะเกิดขึ้นเพียง 1 ใน 10,000 เท่านั้น (แต่ในปัจจุบันพบว่ามีคนเพาะสายพันธุ์แบบสี่กลีบออกจำหน่ายแล้วค่ะ) อิชั้นเคยคิดว่าไอ้ใบโครเว่อร์เนี่ยก็คือผักแว่นบ้านเรานั่นเอง จริงๆ แล้วไม่ใช่เลยค่ะ ใบโครเว่อร์แต่ละใบจะเป็นรูปหัวใจ ส่วนผักแว่นใบจะเป็นรูปพัดค่ะ

ใบ Clover แบบสี่กลีบ เป็นสัญลักษณ์แห่งความโชคดี ความหมายของใบ clover สี่กลีบคือ........

 

กลีบแรก หมายถึง ความหวัง

กลีบที่สอง หมายถึง ความศรัทธา

กลีบที่สาม หมายถึง ความรัก

กลีบที่สี่ หมายถึง ความโชคดี

 

 

ก็อปมาแปะไว้ก่อน ว่างๆ จะมาแปลนะคะ

They're short, they're wrinkled, they didn't even wear green originally. They're leprechauns, the mischievous fairy-folk who have become one of the best known Irish symbols (for better or worse.) As you celebrate this St. Patrick's Day by looking for your own pot of gold, shouldn't you learn more about leprechauns - who already have pots of gold ripe for the taking?

• Why green?

According to some accounts, blue was the first color associated with St. Patrick’s Day, but that started to change in the 17th century. Green is one of the colors in Ireland’s tri-color flag, and it has been used in the flags of several Irish revolutionary groups throughout history. Ireland is the “Emerald Isle,” so named for its lush green landscape. Green is also the color of spring, the shamrock, and the Chicago River, which the Midwestern city has dyed green on St. Patrick’s Day for the past 40-odd years.

• Corned beef or bacon?

This St. Patrick’s Day, millions of people will sit down to an authentic Irish meal of corned beef and cabbage. Or so they think. In fact, only half of it is really Irish. Though cabbage has historically been a staple of the Irish diet (along with potatoes), it was traditionally eaten with Irish bacon, not corned beef. Irish immigrants in America could not afford the bacon, so they substituted it with corned beef, a cheaper alternative they picked up from Jewish immigrants.

• Pinch me, I’m Irish

Forgot to wear green on St. Patty’s Day? Don’t be surprised if you get pinched. No surprise, it’s an entirely American tradition that probably started in the early 1700s. St. Patrick’s revelers thought wearing green made one invisible to leprechauns, fairy creatures who would pinch anyone they could see (anyone not wearing green). People began pinching those who didn’t wear green as a reminder that leprechauns would sneak up and pinch green-abstainers.

 

 

ความหมายของชื่อ Leprechaun มีหลายทฤษฎีที่กล่าวถึงที่มาของคำและความหมายเอาไว้มากมาย แต่ทฤษฎีที่เป็นที่นิยมแพร่หลายกันที่สุดทฤษฎีหนึ่ง เชื่อว่ามาจากคำว่า Leipreachan ทางภาษาเกลิค ไอริช ซึ่งมีความหมายแปลว่า “ภูติจิ๋ว คนแคระ “ และสามารถหมายถึง “ครึ่งตัว หรือ ตัวเล็กๆ” ได้ด้วย ส่วนคำที่เชื่อกันว่าเป็นรากของคำว่า Leprechaun เชื่อว่ามาจากคำว่า Luchorpan เช่นเดียวกับอีกชื่อหนึ่งที่เรียกว่า Leath Bhrogan (อ้างอิงจากดิกชันนารีภาษาอังกฤษออกฟอร์ด) ซึ่งมีความหมายแปลว่า “ช่างทำรองเท้า” ซึ่ง Leprechaun ที่ปรากฏตามเรื่องเล่าของไอร์แลนด์ ก็มักจะปรากฏภาพเป็นช่างทำรองเท้า หรือภูติที่กำลังซ่อมรองเท้าอยู่ด้วย

The Origin of Leprechauns in Irish Mythology

Nothing captures people imagination quite like the magic and mystery of Leprechauns. They are said to be small mischievous male faerie-folk that inhabit Ireland. They are also said to be great cobblers and that they posses vast riches.

The Origins of the word leprechaun may come from the Irish word
Leprechauns of myth were generally believed to wear red suit not the green ones we depict them wearing today. William Yeats described the Leprechaun in his 1888 book

Leprechauns are believed to also have powers of hypnotism and trickery, that they use to fool and deceive so that they may escape human capture. They are also believed not to be able to move when a human stares at them, So if you even see a Leprechaun don't blink cause you just might just lose your chance at finding his treasure. leipreachán, Fairy and Folk Tales of the Irish Peasantry He is something of a dandy, and dresses in a red coat with seven rows of buttons, seven buttons on each row, and wears a cocked-hat." Leprechauns are also believed to hide their treasures and if you catch one you might be able to get him to disclose the location. Another popular belief is that they hide pots of gold that can be found at the end of rainbows. as such "meaning a Pygmy or sprite. The word could also derive from the Irish leath bhrógan, meaning shoemaker.

st pat lasses

ตำนาน Leprechaun

เรื่องเล่าเกี่ยวกับ Leprechaun เป็นเรื่องเล่าสรุปสั้นๆ ที่ไม่ใช่ตำนานอะไรที่ยาวมากนัก และมักจะมีชื่อเรียกและเรื่องราวติดตามมาแตกต่างกันออกไปตามท้องถิ่นนั้นๆ และมักเป็นเรื่องเล่าที่เล่ากันต่อๆ มา แบบปากต่อปาก จากตำนานเรื่องเล่าเกี่ยวกับ Leprechaun โดยพื้นฐานแล้ว พวกนี้จะเป็นภูติจิ๋วที่ไม่มีภัยอันตรายใดๆ พวกมันจะมีความสุขกับการใช้ชีวิตอย่างสงบเงียบๆ ตามพื้นที่ชนบทอันห่างไกลจากความเจริญและผู้คน (มีความเห็นที่ต่างออกไปกันว่า พวก Leprechaun จะอาศัยอยู่ตามลำพังเท่านั้น หรือคบค้าสมาคมกับพวกภูติอื่นๆ ในธรรมชาติด้วย) บางตำนานเชื่อว่าพวก Leprechaun เป็นพวกเจ้าเล่ห์ ฉลาดแกมโกง และชอบเล่นซนในทางเสียๆ หายๆ ด้วย

หนึ่งในความเชื่อที่มีชื่อเสียงที่สุดเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับ Leprechaun คือพวกมันร่ำรวยและสะสมทรัพย์สมบัติเอาไว้อย่างมหาศาล เช่นเดียวกับทองที่มีอยู่อย่างล้นพ้นและถูกเก็บไว้ในที่ซ่อนลับของพวกมัน ซึ่งที่ซ่อนนั้นจะถูกเปิดเผยได้ด้วยการจับ Leprechaun มาขู่เข็ญให้บอกที่ซ่อนเงินทองของมัน

st pat515-1003

ตัวอย่างตำนานเรื่องเล่า Leprechaun ต่างๆ

มีชาวนาหนุ่มคนหนึ่งจับ Leprechaun ได้ และบังคับให้มันบอกที่ซ่อนทรัพย์สมบัติของมัน ซึ่ง Leprechaun ก็บอกชาวนาว่า มันได้ฝังทรัพย์สมบัติไว้ที่ทุ่งกว้าง ใต้ต้นแร็กวอร์ทต้นหนึ่ง (ต้นไม้ป่ามีดอกสีเหลือง) ชาวนาหนุ่มไปหาต้นแร็กวอร์ทตามที่ Leprechaun บอก ก่อนจะผูกโบว์สีแดงไว้ที่ต้นไม้ต้นนั้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ให้เขาจำได้ แล้วจึงให้ Leprechaun ทำสัญญากับตนว่าจะไม่เอาโบว์สีแดงนั้นออก จากนั้นเขาจึงปล่อย Leprechaun ไป ก่อนจะวิ่งกลับไปเอาพลั่วมาเพื่อเตรียมขุดสมบัติจากใต้ต้นไม้ ในตอนที่เขากลับมานี่เอง เขาสังเกตว่าต้นไม้ทุกต้นกลับมีโบว์สีแดงผูกติดอยู่เหมือนกันหมด ทำให้เขาไม่สามารถหาต้นที่เขาผูกไว้ตอนแรกเจอได้ และชวดสมบัติไปในที่สุด

st pat_parade

อีกเรื่องหนึ่ง มีเด็กสาวคนหนึ่งจับ Leprechaun ได้ และขอให้มันพาเธอไปหาสมบัติของมัน โดยเธอได้จับ Leprechaun ไว้ในมือของเธอ และเดินไปตามทางที่ Leprechaun นำไป แต่ในทันใดนั้นเอง เธอกลับได้ยินเสียง หึ่งๆ ดังมาจากด้านหลังของเธอ Leprechaun ตะโกนบอกกับเธอว่าเธอกำลังถูกฝูงผึ้งจำนวนมหาศาลไล่หลังเธอมา แต่เมื่อเธอหันกลับไปมอง ก็หามีฝูงผึ้งดังกล่าวไม่ และเมื่อเธอหันกลับมาดูในอุ้งมือเธออีกที Leprechaun ก็ได้หายตัวไปเสียแล้ว (เพราะละสายตาไปจากมัน)

st_patricks_parade_2010_leprechaun

นอกจากนี้ยังมีตำนานเรื่องเล่าแบบอื่นๆ เกี่ยวกับ Leprechaun อยู่อีกมากมาย อาทิเช่น หากตามสายรุ้งไปจนถึงสุดปลายสายรุ้งได้ จะพบกับ Leprechaun และทรัพย์สมบัติอันมากมาย คือ ไหที่เต็มไปด้วยเหรียญทองคำ

st pat553BC

อยากได้ไหที่เต็มไปด้วยเหรียญทองคำกันหรือปล่าวคะ 5555 ทองแพงด้วยสิตอนนี้ อิชั้นก็อยากได้มากค่ะ แต่ไม่รู้จะไปไล่จับไอ้เจ้าภูติเขียวเล็ปปริคอนนี่ได้ที่ไหน แต่เค้ามีเคล็ดลับบอกต่อๆ กันมานะคะ ว่าถ้าเจอไอ้ตัวแสบจิ๋วนี่แล้วห้ามกระพริบตานะคะ พอลืมตามาปุ๊บ มันจะหายตัวไปแล้วค่ะ และมันก็จะพยายามใช้เล่ห์กลหรือสะกดจิตให้เราละสายตาไปจากมัน แค่ชั่วพริบตา มันก็หายแว๊บบบบ…ไปเลย น่าตบกระโหลกเน๊าะ 555

st patLeprechauns_

Leprechaun กับ วันฉลองนักบุญแพทริค (St. Patrick’s Day)

st-patricks-day-beer-by-leprechaun-hat

บรรยากาศในวัน Saint Patrick's Day หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า St. Pat อะไรๆ ก็สีเขียว ไอริชผับ เบียร์มีเขียว ชาและเครื่องดื่มต่างๆ ก็สีเขียว เค้ก คุ๊กกี้ ฯลฯ สีเขียว เดี๋ยวมาเล่าต่อ ง่วงแล้ว

แม่น้ำที่ชิคาโกถูกทำให้เป็นสีเขียวเพื่องานในวัน Saint Patrick 's Day

วงดนตรีพื้นบ้านที่ดับลิน

Lucky You Lucky Me….

Happy St. Patrick's Day