Friday, May 22, 2009

Beauty Talk (ลองโพสต์ใหม่อีกที)

วู้ฮู้… จั่วหัวซะเหมือนโปร 555 คืออยากให้บล็อกนี้เป็นอะไรที่จัยฉ่ายอย่างตั้งใจ คือ พล่ามไปโม้ดด… อย่างไม่มีขอบเขตจำกัด แถมมีหลายๆ ทั่น สนใจผ่านเข้ามาอ่านเรื่องสวยๆ งามๆ ของอิชั้น (ที่มีอยู่น้อยนิด) มากกว่าเรื่องอื่นๆ วันนี้เลยต้องขอเปิด Preview+Review เครื่องสำอางอย่างเป็นเรื่องเป็นลาววววว 5555 เชิญชมค่ะ

เริ่มจากไอเท่มล่าสุดที่ซื้อมา

IMG_9733-s

M.A.C Prep + Prime Transparent Finishing Powder

M.A.C Prep + Prime Transparent Finishing Powder ตามที่เค้า “คุยโวโอ้อวด” ไว้ ว่า A silky finishing powder that provides an invisible way to set makeup. Reduces shine while optically minimizing the look of pores, lines, imperfections. Available in one universal colour that suits all shades. Wear over makeup or on bare, moisturized skin.

หลังจากลองใช้มาระยะนึง ต้องบอกว่า ถูกใจเจ้าค่ะ ข้อติก็คือ ราคาที่แพงไปหน่อยถ้าเทียบกับปริมาณ

ยิ๋งทดมีผิวแบบ combination ที่ทีโซนมันย่อง ส่วนแก้มจะแห้ง และมีสิว ฝ้า กระ ครบค่ะ ได้ทดลองใช้แป้งนี้กับหลายๆ ผลิตภัณฑ์ (ทุกครั้งที่ใช้จะลงแป้งด้วยแปรง MAC's 187 Duo Fibre ค่ะ) ผลมีดังนี้ เด้อค่ะ

1) Moisturizer > Anessa Gold > M.A.C Prep + Prime TFP – หน้าไม่มันไปตลอดวัน จนถึงออกจะแห้งไปนิดนึงค่ะ เนียนเรียบดี

2) Moisturizer > Clinique City Block SPF 40 > M.A.C Prep + Prime TFP – กันแดดตัวนี้มี tint สีเหมือนรองพื้น-เลยปกปิดได้พอประมาณ ดูเนียนไปถึงเย็น คุมมันได้ดี แต่ไม่รู้สึกแห้งตึง

3) Moisturizer > Mistine BB Cream > M.A.C Prep + Prime TFP – ปกปิดนิดหน่อย คุมมันได้พอประมาณ เรียบเนียนไปถึงบ่ายๆ พอเย็นค่ำ เหมือนไม่ได้ทาอะไรเลย

4) Moisturizer > Hanskin Glossy Magic > M.A.C Prep + Prime TFP – เหมือนไม่ได้ทาอะไรเลย ไม่ปกปิดอะไรเลย แต่หน้าไม่มันไปทั้งวัน

5) Moisturizer > M.A.C Prep + Prime TFP – เหมือนล้างหน้าสะอาดแล้วไม่ทำอะไรเลย ฝ้า กระ แผลสิว อยู่ครบ เห็นชัด แต่หน้าไม่มันไปถึงเย็นเลยค่ะ

ก่อนหน้านี้ใช้ Laura Mercier Loose Setting PowderTranslucent มาตลอด และถูกใจ ไม่มีปัญหาใดๆ คิดว่าแป้งทั้ง 2 ชนิดแทบจะให้ผลที่ไม่แตกต่างกันเลย ราคา M.A.C จะแพงกว่า ส่วนคุณภาพก็สูสี แทบไม่ต่างกันเลยแหละ

Laura Mercier Loose Setting Powder ขนาด 29 G / 1.0 OZ … $34

M.A.C Prep + Prime Transparent Finishing Powder ขนาด 8 G / 0.28 US OZ … $21 แค่ 8 กรัม แพงนิ

IMG_9723-s

ต่อมาก็ M.A.C Mineralize Skinfinish สี Refined

ปกติไม่ค่อยซื้อบลัช ไม่มองด้วยแหละ เพราะมีบรอนเซ่อร์ของลังโคมซึ่งใช้เป็นบลัชมาโกฏปีแล้วไม่หมดซักที ไม่คัน ไม่เหม็น ก็เลยไม่ทิ้ง งกจ้างก แถมมีบลัชปัดแก้มไอ้พวกของแถมมีอีกหลายอัน แต่ไอ้ M.A.C Mineralize Skinfinish – Refined เนี่ยเล็งกันอยู่นาน ล่าอ่านรีวิวมาหลายเดือน ในที่สุดก็สอยมาซะให้สิ้นเรื่องสิ้นราว

สี Refined ก็คือ Golden Peach Powder ไม่ส้มจัดจ้าน ดูเป็นธรรมชาติแบบ Sun Kisses และมี Shimmery เยอะพอสมควร-คือกำลังงามแหละ แต่ถ้าปัดหนักๆ ก็เหมือนปอบฉบับเมตทาลิกได้ แต่ไม่เป็นตูดลิงแน่นอน เนื้อละเอียดดี นอกจากใช้ปัดแก้ม ยังใช้ทาตา หรือ คอ คาง หัว หาง ทาได้หมดแหละ ใช้ได้ทั้งกลางวันและกลางคืน ตลับใหญ่คงใช้ไปนาน ถ้าหมดแล้วจะซื้ออีกหรือปล่าว คงไม่ซื้อหรอก เพราะกว่าจะหมด คงมีอะไรใหม่ๆ ที่เทรนดี้กว่า มาล่อตา ล่อใจ ล่อเงินออกไปจากกระเป๋าแน่นอน

บลัชตลับนี้ซื้อหามาในราคา $27 ขนาด 10 G / 0.35 US OZ ก็แพงยู้…. คุณปั๋วซื้อให้จ้า

IMG_9464-s

Rimmel Stay Matte Pressed Powder - Transparent อันนี้ซื้อมาในราคาถูกมาก เพราะซื้อตอนลดครึ่งราคาแล้วมีคูปองลดพิเศษอีก $1 (4.99 – 50% - $1 = $1.50 + Tax อีกนิดหน่อย แป้งราคาเหรียญฝ่าๆ เนี่ย ถูกและดี หาได้ที่ไหนง่ายๆ เชื่อเหอะ อันนี้ซื้อเอง 555)

อิชั้นใช้แป้ง Rimmel ตัวนี้หลังจากขั้นตอนลง moisturizer และ กันแดด แล้วตามด้วยพวก finishing powder แรกๆ จะดูวอกๆ ลอยๆ เหมือนทาแป้งเด็กค่ะ พอทุกอย่างเริ่มเซ็ตตัว ก็จะดูเรียบเนียนกลมกลืน ควบคุมความมันได้ดี (อาจจะเป็นผลร่วมมันกับพวก finishing or setting powder ที่ใช้ควบคู่กันก็ได้) โดยรวมถือว่าคุณภาพเกินราคา

แต่ตลับก๋องแก๋งแบบรีฟิล ไม่มีพัฟ หรือกระจก พกไปไหนลำบาก (เวลาลงแป้งอันนี้จะใช้พัฟแบบหนาๆ แล้ว กดๆ ตบๆ แตะๆ โปะๆ) ถ้าหมดแล้วซื้ออีกแน่นอน แต่ต้องรอเก็บคูปองและซื้อตอนเค้าลดราคาเท่านั้นค่า

IMG_8808

Estee Lauder Shimmering Powder Pearls Face Illuminator

เป็น Estee Lauder’s Limited Edition เมื่อ Summer 2008 ในคอลเลคชั่นชื่อว่า Pearls of Light ค่ะ ไม่รู้ซื้อมาทำ “เกี๊ยะ” อะไร ใช้นับครั้งได้ มันวาววับจนน่ากลัว ทากลางวันก็ลิเก ทากลางคืนก็งิ้ว อาจเป็นเพราะใช้ไม่เป็นก็ได้ ขายมาคู่กับแปรงที่หมุนเก็บได้ (ลืมถ่ายรูปแปรงค่ะ) พูดได้คำเดียวว่าเสียดายตังค์ค่ะ จะทิ้งก็เสียดาย เก็บไว้ดูเฉยๆ เพราะน่ารักดี นานๆ ก็เอามาไฮไล้ท์โหนกและดั้งซะหน่อยนึง

scan0003

MAYBELLINE Dream Liquid Mousse foundation เป็น Liquid mousse ที่เค้า “อวดอ้างสรรพคุณ” ว่า air-whipped formula provides skin perfecting coverage. ซื้อมาในราคา $6.25 ขนาด 1 fl oz จริงๆ แล้วราคาเต็ม $9.49 แต่ไปซื้อใช้คูปองลด $3 ที่เค้าแจกมาค่ะ เพราะว่าได้ตัวอย่างสีที่เค้าแจกมาก็เลยต้องหาเรื่องไปเสียเงิน อันนี้ก็ซื้อเองอีก 555 มีเงินเป็นของตัวเอง 555 ไม่ต้องง้อซะมี

Foundation-01

ตัวรองพื้นเป็นเนื้อครีมเบาๆ พอทาแล้วกลายเป็นแป้งเนื้อ Matte ไม่มัน เนียนไปทั้งวัน (ถ้าใช้ร่วมกันเมคอัพเบส) แต่ถ้าใช้เดี่ยวๆ พอผ่านไปซัก 2-3 ชั่วโมง ทีโซนเริ่มส่องแสง และถ้าใช้พวก setting หรือ finishing powder ก็ช่วยได้เยอะ เป็นรองพื้นที่ปกปิดปานกลาง ไม่มีซันสกรีน รวมๆ แล้ว เป็นรองพื้นที่สบายหน้า ไม่หนัก เกลี่ยง่าย สี Nude-Light เบอร์ 4 เป็นสีที่เข้มกว่าผิวจริงของอิชั้น 1 ระดับ (จากตัวอย่างที่ได้รับ เบอร์ 3.5 จะพอดีแบบเป๊ะๆ) แต่พอใช้แล้วก็เข้ากับสีผิวดีนะคะ

ไหนๆ พูดถึงรองพื้นไปแล้ว ขอต่อด้วยรองพื้นอีกตัวนึงเลยละกัน

IMG_0017

Prescriptives Flawless Skin Total Protection Makeup SPF 15 สีที่ใช้คือ Sand (08) ของโทน Yellow/Orange (Y/O) ซื้อมาในราคา $39.50 ขนาด 1 oz. ตัวนี้ไม่ใช่ Custom Blend คือเทียบสีแล้วซื้อกันเลย

รองพื้นตัวนี้ สรรพคุณบอกว่า This lightweight, long-wearing foundation provides natural-looking medium to full coverage for all skin types. Available in 30 shades. Oil free. แต่ยิ๋งทดคิดว่าเนื้อค่อนข้างหนักนิดนึง เรียบเนียนไปค่อนวัน ปกปิด “กระ” ได้ดีพอใช้ แต่ฝ้ายังเสนอหน้าอยู่ครบ ถ้าลงแบบหนา (ลูบแล้วลูบอีก ย้ำคิดย้ำทำ) อาจปกปิดได้มากขึ้น แต่ไม่ชอบลงรองพื้นแบบหนาๆ หรอกค่า อิชั้นชอบใช้แปรงเวลาลงรองพื้น-ทำให้สะดวกขึ้น (ไม่ถนัดใช้มือหรือฟองน้ำลงรองพื้นเลย) มีกันแดด SPF 15 แต่ด้วยความเคยชินก็ลงกันแดดหลัง moisturizer เป็นรูทีนอยู่แล้วทุกเช้า (SPF 15 ช่วยอะไรไม่ได้หรอก แถวที่ๆ ยิ๋งทดอยู่น่ะ “กึ่งทะเลทรายเลยค่ะ Rain or Shine ต้องลงกันแดดทุกวัน แต่ “ครีมกันแดก” ไม่มีใครผลิตขายซะที ก็เลยต้องเป็น “น้องหมุด” ต่อไป) พอใช้รองพื้นตัวนี้แล้วก็ชอบในระดับหนึ่ง มันให้ความรู้สึกว่าเป็นการแต่งหน้าแบบเต็มขั้นตอน ไม่เหมาะกับวันสบายๆ ถ้าใช้หมดแล้วก็คงจะหมดเลย ไม่ซื้อแล้วหล่ะ ถึงจะเป็น Bestseller ก็ตาม เพราะอยากลองยี่ห้ออื่นดูบ้างนี่นา

IMG_8797

ท้ายสุดสุดท้าย อายเบส 2 ยี่ห้อที่มีอยู่ในครอบครอง

อันแรกคือ Estee Lauder Double Wear - Stay-in-Place EyeShadow Base ซึ่งโอ้อวดไว้ว่า Gives powder eyeshadow 15-hour staying power แต่ว่า ไม่เป็นดังคำที่ว่าไว้เลย เนื้อครีมเหนียว เกลี่ยยาก ทิ้งไว้ซักพัก หรือลง eyeshadow ทันทีก็ให้ผลที่เหมือนกันคือ eyeshadow เกลี่ยยาก หนืดติดบนเนื้อครีม พอพยายามถึงขั้นสุดๆ ผลออกมาพอทนดูได้ ไม่เรียบเนียนสวย อีกเพียงไม่ถึงชั่วโมงตรง crease รอยพับบนเปลือกตาก็มันเมือก eyeshadow เลอะเลือน สรุปต้องโยนทิ้งไป เพราะไม่รู้จะเก็บไว้ทำไมค่ะ $15 ลอยหายไปในอากาศ ห่วยแตกสุดๆ เจ็บใจมากกกกก….

กลับมาซบอกที่รักเก่า Urban Decay - Eyeshadow Primer Potion ใช้แล้วชอบ และจะใช้ต่อไปเรื่อยๆ ไม่ดิ้นรนหาอะไรมาลองอีกแล้ว ข้าน้อยเข็ดหลาบ อันนี้เนื้อครีมเกลี่ยง่าย ทิ้งให้เซ็ตตัวซักพักนึง แล้วค่อยลง eyeshadow จะทำให้เกลี่ยง่ายขึ้นไปอีก และ eyeshadow ที่ทาไว้ stay-put ทั้งวัน รอบพับ crease ไม่เลอะเทอะเป็นมันให้โมโห งามเด้งเช้าถึงค่ำเลยค่า

จบและสำหรับรีวิว บิวตี้ทอล์ก (อย่างโปร) ครั้งแรกของอีชั้น เฮ้ออออ…. เหนื่อยเฟ้ย

Thursday, May 21, 2009

จะตายแล้วมั๊ง…

วันนี้ม้ามี่อู๋กับไอ้ตี้ไป follow up อีก ผลเลือดไอ้ตี้ออกมายังไม่ดี hemoglobin ยังต่ำอยู่มากแค่ 9.5 ไม่กระเตื้องจากเดิมเลย ส่วนน้ำหนัก (ชั่งรวมเสื้อผ้ารองเท้า) ก็แค่ 30.8 ปอนด์ ส่วนสูง 38 นิ้ว อีหมอคาน (คาร์ล – Dr. Karl) บอกว่าน่าเป็นห่วง เพราะมัน underweight ขั้นต่ำสำหรับ 2 ขวบครึ่งคือ 39 ปอนด์ (อันนี้คือขอบสเกลด้างล่างเลยนะ) น้ำหนักที่ดีและอยู่ในเกณฑ์ปกติคือ 45 ปอนด์ ก็เลยมีการทำนัดให้ไปพบ Dietician วันที่ 28 นี้ แล้ว กลับไปเจาะเลือดตรวจอีกครั้งเดือนหน้า ส่วน Speech Delay ไม่ยักกะเห็นส่งจดหมายนัดมาตามที่บอก แสดงว่าอีผู้ช่วยหมอลืมทำนัดให้ คราวนี้เห็นหมอคานเม๊งๆ อีนังผู้ช่วยเรื่องนี้อยู่ ก็รอดูกันไป นัดให้ก็ไป ลืมก็ไม่ไป เชื่อดิ มันต้องพูดต่อยหอยเร็วๆ นี้แหละ จบเรื่องไอ้ตี้

ในรูป-เอาน้ำหนักส่วนสูงของไอ้ตี้ที่ ชั่ง ตวง วัด วันนี้ ไปใส่ที่เค้าคำนวนว่ามันจะสูงเท่าไหร่ ออกมา 6 ฟุต 2 นิ้ว สูงเหมือนกันนิ …ไอ้เป-รต 55555

ScreenShot012 (2)

ตานี้มาถึงคุณแม่อู๋ ฮ่วยๆๆๆๆๆ ฟามดันทุรังสูงมาก 155/95 จะตายซะละมั๊งเนี่ย น้ำตาล 131 หมอจ่ายยาลดฟามดันทุรัง และให้แด๊ก แอสไพรินด้วยวันละ 1 มะเล็ด เพราะเป็นห่วงเรื่องสุขภาพของหัวใจ โอ้ยยยย… หัวใจหนูเดาะ ..สรุปว่ายาที่ต้องกินเข้าไปในแต่ละวันเพียบบบบ…. แล้วก็นัดเช็คเบาหวานอีกทุกๆ 2 เดือน (ห่างออกไปหน่อยนิ) ไม่ได้ร้องเพลง…คุณหมอคะ…อู๋นอนไม่ค่อยจะหลับ กระส่ายกระสับนอนไม่หลับมาหลายคืน…. นี่ขนาดไม่ได้บอกว่ามีปัญหาเรื่องนอนยาก ตื่นทั้งคืน เป็น insomnia ด้วยนะ ไม่งั้นได้ยานอนหลับมาแด๊กอีก ตายเพราะยาพอดี

. . . .รูปนี้เป็นฟามสูง (ทำนายว่า-น่าจะเป็น) ของอีรอมตอนมันอายุ 18 แม๊…สูง 5 ฟุต 4 นิ้ว ใช้ได้เลยลูกช้านนนน…. แล้วพอยี่สิบเอ็ด คงสูงได้อีกนิดนึงเน๊าะ เอาวะ กะลังงาม อย่าอ้วนอย่างแม่ก็แล้วกัน

ScreenShot013 (2)

ลืมเล่าไป เมื่อวันศุกร์ที่แล้วก็เอาโม๊ะ ไปให้หมอ OB-GYN หมอประจำโม๊ะตรวจดู เห็นบอกว่าสวยงามเป็นปกติดี ทำเพ๊พสะเมียร์ ลูบๆ คลำๆ แล้วก็หยำๆ นม จากนั้นก็ให้ผู้ช่วยไปทำนัด เพื่อเอานมไปทำกล้วยทับ mammogram แล้วก็เอาโม๊ะไปทำอุลตร้าแมน 555 ultrasound เฟ้ย เพราะอยากตรวจให้ละเอียด เนื่องจากอิชั้นน่ะเข้าสู่วัย “ฉะ-ลา” แล้ว มิใช่วัย “ฉะ-กัน” อีกต่อไป จะว่าไป…ก็ยัง “ฉะกัน” กะผัวอยู่เรื่อยๆ แหละ 5555 หน้าที่มิให้บกพร่อง 555 คิดลึกไปด้ายยยย…. 555

อันนี้เป็นรูปล่าสุดของลูกๆ ค่า อีมี่เค้าอยากเป็นอเมริกันไอโด้ล มากๆ 555 แอ๊คท่าให้แม่ถ่ายรูปให้ ส่วนรูปล่าง กร๊ากกกก… น่าฉงฉาน มันอยากกิน Mini Burgers ของ Burger King ก็พาลูกไปซื้อมาซะ 1 กล่อง (6 อัน) พอได้มามันก็ไดั๊นไม่เปิดดู ถ้างั้นจะได้ขับรถกลับไปอาละวาดซ้า… (เรื่องนี้ยิ๋งทดถนัดนัก 555) มันมัวห่วงแย่งกันกิน French-fried กับน้อง พอมาถึงบ้านอีมี่เปิดดูมันร้อง จ๊ากกก…. เค้าไม่เอา buns ปิดฝาเบอเก้อร์จิ๋วให้มัน 555 เลยบอกมามะ แม่ถ่ายรูปให้ จะได้เอาไป “ซู” มัน ทำเบอเก้อร์ให้หนูน้อยรอมมี่แบบนี้ มันช่างทำร้ายจิตใจลูกกรูมากมาย กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ผลการเรียนตกต่ำ กลายเป็นคนจิตฟั่นเฟือน … 555 ซูซัก 10 ล้านเหรียญสหรัฐ (เรียกซะเต็มยศเลยวุ้ย 555) แม่กับแด้ดดี้จะได้เอาไปซื้อบ้านที่เมืองไทยกลับไปงอมืองอตีน นอนกินบ้านกินเมือง กันสบายๆ 5555 คุยเรื่องเพ้อเจ้อ เรื่องฝันเฟื่องนี่มีความสุขดี 555 แล้วไม่เดือดร้อนใครด้วยนะ ส่วนรูปไอ้ตี้ชุดนี้ไม่มีคำบรรยาย 555 ตัวประกอบอดทนแหละมัน 555

page-404

Have A Nice Memorial Day Weekend..

Tuesday, May 19, 2009

First Time on Amtrak

เป็นเฟิร์สท์ของอิชั้นกับก๊อตตี้เท่านั้นค่ะ (อีหนูดีเค้าเคยมีประสบการณ์แล้ว นั่งขึ้นล่องไปพักร้อนกับน้าจินที่ซานฟราน 3 วีคเมื่อหน้าร้อนปีก่อน) คือเมื่อวาน เซ็งๆ เบื่อๆ ไม่รู้จะทำอะไรกัน ร้อนตับแหกอีกเพราะ Heat Wave ฟาดเข้าไปตั้ง 106 เอฟ โน่นเลยค่ะ เก็บข้าวของก็ไม่อยากเก็บ ไปเยี่ยมแม่ผัวก็ไม่อยากไปกัน 5555 พ่อบ้านเลยวางแผน (ลับๆ) สะไพ้ลูกๆ ซะหน่อย พอรอมมี่กลับจากโรงเรียนก็บอกลูก เร็วๆ ต้องไปเยี่ยมแกรนม่า (ย่า) รอมมี่ก็ทำหน้าเซ็งเชียว พอขึ้นรถกันได้ก็หลับทั้ง 2 ตัว พอไปถึง train depot ที่เฟะโน่ ปลุกอีมี่ขึ้นมาก่อน ลูก..แบบ…เอ๋อๆ อะไรว้าาาา… ใครจะไปไหนวะ พอหลอกว่าแม่พาน้องมาขึ้นรถไฟไปเที่ยว แต่ให้หนูดีนั่งรถไปเป็นเพื่อนพ่อ ขับไปรับแม่กับน้องที่เมอเซ๊ด หน้าหักทันที 555 ส่วนก๊อตตี้พอตื่นลืมตามาเห็นรถไฟ อึ้งกิมกี่ไปเลย Up Close & Personal ไม่เคยเห็นตัวเป็นๆ ใกล้ๆ ขนาดนี้ 555 พ่อบ้านมันไปซื้อตั๋ว Fresno – Merced วันเวย์ 3 คนแม่ลูก $34 รถออก 5.45 ไปถึงที่หมาย 6.35 วันนั้นเวลาเป๊ะๆ ทั้งตอนออกจากเฟะโน่และตอนถึงที่หมาย พอรถขบวนของเรามาถึง.. แม่ลูกก็ตูดแป้นขึ้นไปหาที่นั่งกันแบบฉับๆ คนไม่เยอะเพราะเป็นวันจันทร์ พ่อบ้านก็ตูดแป้นเช่นกัน รีบขับรถไปเมอเซ๊ด

page-405

ก๊อตตี้ตื่นเต้นตลอดทาง พูดแจ้วๆๆๆๆ ไม่หยุด (แจ้วๆ ที่ว่าน่ะ ซ้ำๆ ซากๆ ของมันแหละ ยังไม่มีคำใหม่) Choo Choo ไปตลอดทาง อ้อ คนขายตั๋วเค้าเห็นมันตื่นเต้นมาก เลยแจกหมวกกระดาษมาให้ทั้ง 2 ตัว พอไปนั่งรอรถไฟ คนเดินผ่านไปมาแบบ ตะลึง ไม่เคยเห็น มีหมวกแบบนี้แจกเด็กด้วยเหรอวะ ส่วนไอ้คนที่มีเด็กก็ริษยารีบไปขอมาเลยเชียว 555

page-406

ระหว่างทางผ่านทุ่งกุลามาเดร่า แห้งแก่กมาก จะถ่ายสถานีรถไฟประเทศมาเดร่าให้ดู ก็ถ่ายออกมาได้ไม่ดี เดี๋ยววันหลังขับรถไปถ่ายมาให้ดูแบบจะๆ ว่ากันดารขนาดไหน 555 ที่วงสีแดงไว้คือตรงที่เราแม่ลูกนั่งมาค่ะ ส่วนไอ้เวลานั่น กว่าจะนึกออกว่าน่าจะถ่ายรูปซะหน่อยก็เลยไปหลายนาทีแล้ว รถไปถึงปลายทางตรงเวลาเป๊ะๆ จริงๆ นะคะ ส่วนไอ้รถส้มๆ นั่นมาขนกระเป๋าเอาแจกให้พวกที่โหลดกระเป๋าไว้

page-407

อันนี้แปะรูปไอ้ Mister Conductor ตัวจริง มาให้ดูด้วย และที่เหลือเชื่อคือ พอเราก้าวเท้าลงจากรถไฟ แด้ดดี้ก็ก้าวเท้าออกมาจากรถเลยเหมือนกัน แบบ เป๊ะๆ ไปหมด สะใจดีค่ะ ทีแรกยังนึกว่าต้องเข้าไปนั่งรอในตัวตึกของสถานีอีกพักนึงแน่ๆ กว่าพ่อบ้านมันจะมาถึง แสดงว่าอีพ่อบ้านสปีดดี้ 555 แล้วก็พากันไปกินอาหารไทยกัน อิชั้นสั่งจานในรูปนั่น รอมมี่เริ่มกินเผ็ดได้นิดหน่อย..สั่งรวมมิตรทะเลผัดพริกเผา พ่อบ้านสั่งผัดไทย สลัดจานใหญ่ จบด้วยข้าวเหนียวมะม่วง ร้านนี้น่าจะเป็นคนลาว แต่ทำอาหารไทยได้โอเคทีเดียว หวานเด็ดขาดเหมือนร้านอาหารลาว (แต่บอกว่าเป็นไทย) ทั่วๆ ไป ร้านคนไทยแท้ๆ ก็เถอะ ไม่รู้จะหวานไปถึงไหนกัน กรูน่ะหวานมากพอแล้ว 555 จนเป็นเพลาหวาน เอ้ย เบาหวาน ก่อนกลับมาเดร่า ก็แวะไปมอลล์เล็กๆ ในเมอเซ๊ด พาลูกไปกินไอติมกัน แล้วก็บึ่งรถกลับบ้าน จบไปอีกวันนึงค่ะ

page-408

Another One Fine Day for Our Family …

Sunday, May 17, 2009

วันร้อนๆ มา คาราโอเกะ ดีกว่า

เลือกมาแต่เพลงที่ยิ๋งทดชอบเลย… โดยเฉพาะเวลาเมา กร๊ากกกก….

เพลงแรก All I want to do is make love to you ของ Heart ตอนมันยังไม่อ้วนบึ้ม 555 ชอบเพลงนี้ เนื้อร้องเป็นอะไรที่เธอ flower มากๆ แต่ MV ทำซะเศร้าเชียว 555 ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับชีวิตจริงของอิชั้นเลย 555 ไม่ว่าจะใน subconsciousness หรือแม้แต่ในห้วงเวลาที่ under the influence 555

ยิ๋งทดชอบร้องเพลงนี้เวลาขับรถ แหกปากร้องดังๆ โดนอีรอมชมหลายครั้ง และขอร้อง Please stop Mommy! แถมมันยังบอก the woman in this song…. kind a no good… 555 มันไม่กล้าใช้คะว่า b-itch หรือ slut กลัวแม่มันอัดเอา 5555

All I want to do is make love to you

Artist – Heart (From the 1990 Album "Brigade")

It was a rainy night when he came into sight

Standing by the road, no umbrella, no coat

So I pulled up along side and I offered him a ride

He accepted with a smile so we drove for a while

I didn't ask him his name, this lonely boy in the rain

Fate tell me it's right, is this love at first sight

Please don't make it wrong, just stay for the night

All I wanna do is make love to you

Say you will you want me too

All I wanna do is make love to you

I've got lovin' arms to hold on to

So we found this hotel, it was a place I knew well

We made magic that night. Oh, he did everything right

He brought the woman out of me, so many times, easily

And in the morning when he woke all I left him was a note

I told him I am the flower you are the seed

We walked in the garden we planted a tree

Don't try to find me, please don't you dare

Just live in my memory, you'll always be there

All I wanna do is make love to you

One night of love was all we knew

All I wanna do is make love to you

I've got lovin' arms to hold on to

Oh, oooh, we made love

Love like strangers

All night long

We made love

Then it happened one day, we came round the same way

You can imagine his surprise when he saw his own eyes

I said please, please understand

I'm in love with another man

And what he couldn't give me

was the one little thing that you can

All I wanna do is make love to you

One night of love was all we knew

All I want to do is make love to you

Come on, say you will, you want me too

All I wanna do is make love to you

One night of love was all we knew

All I want to do is make love to you

Say you will, you want me too

All night long

เพลงที่สอง Sweet Dreams ซึ่งรีมิ๊กซ์และขับร้องโดย Eurythmics หาของ Marilyn Manson มาให้ดูไม่ได้ เพราะ Embed ล๊อคหมดเลย ส่วนของ Annie Lennox เดี่ยวๆ ก็มีแต่ Live Concert ไม่มันส์ มันไม่ติ๊ดชึ่ง เพลงนี้เนื้อหาถูกใจ จิตใจมนุษย์แท้ๆ…ก็เหมือนกันโม้ด … กรูเองก็เถ้อออ…..555

Sweet Dreams

Artist – Eurythmics

Sweet dreams are made of this

Who am I to disagree?

I travel the world

And the seven seas

Everybody's looking for something.

Some of them want to use you

Some of them want to get used by you.

Some of them want to abuse you

Some of them want to be abused.

Sweet dreams are made of this

Who am I to disagree?

I travel the world

And the seven seas

Everybody's looking for something.

(Hold your head up Keep your head up)

(Hold your head up Keep your head up)

(Hold your head up Keep your head up)

(Hold your head up Keep your head up)

Some of them want to use you

Some of them want to get used by you.

Some of them want to abuse you

Some of them want to be abused.

oh oh oh oh oh oh oh oh oh oh oh oh

Sweet dreams are made of this

Who am I to disagree?

I travel the world

And the seven seas

Everybody's looking for something.

Sweet dreams are made of this

Who am I to disagree?

I travel the world

And the seven seas

Everybody's looking for something.

Sweet dreams are made of this

Who am I to disagree?

I travel the world

And the seven seas

Everybody's looking for something.

เพลงที่สาม ฮ่วย มันเป็นแค่มุมมองของบักฝรั่ง (ระดับไหนระดับหนึ่งแต่เป็นส่วนใหญ่แหละ) มองเมืองไทยแบบนี้ ขอไม่พูดต่อ แต่เป็นเพลงที่หนุ่มสาวสมัย 80’s ไม่ฟัง ไม่ดิ้น ก็ไม่เก๋ ทั้งๆ หลายๆ คนฟังไม่รู้เรื่อง 5555 ถึงแม่ว่าเพลงมันไม่ได้ชื่นชมกุงเต้บเมืองฟ้าอมรของเราซะเลย จะเอาอาร้ายยยย… กับพวกคนห่วยๆ ดู MV ที่มันทำดิ ทีมงานมันไม่ study เลย ว่าคอสตูมไทย จีน ต่างกันยังไง แหวะๆ สมัย Palace เฟื่องๆ ช่วงหนึ่ง เปิดเพลงนี้ทุกคืน โห…พูดไป เรานี่มันยุคหินเลยเน๊าะ เด็กสมัยนี้รู้จักพาเลซกันอ๊ะเป่า 555 เพลงนี้ร้องตามยาก แต่เต้นตาม…มันส์พะยะค่ะ

One night in Bangkok (Original - 1984)

Artist – Murray Head

[Murray Head]

Bangkok, Oriental setting

And the city don't know that the city is getting

The creme de la creme of the chess world in a

Show with everything but Yul Brynner

Time flies -- doesn't seem a minute

Since the Tirolean spa had the chess boys in it

All change -- don't you know that when you

Play at this level there's no ordinary venue

It's Iceland - or the Philippines - or Hastings - or - or this place!

[Chorus]

One night in Bangkok and the world's your oyster

The bars are temples but the pearls ain't free

You'll find a god in every golden cloister

And if you're lucky then the god's a she

I can feel an angel sliding up to me

[Murray Head]

One town's very like another

When your head's down over your pieces, brother

[Chorus]

It's a drag, it's a bore, it's really such a pity

To be looking at the board, not looking at the city

[Murray Head]

Whaddya mean? Ya seen one crowded, polluted, stinking town --

[Chorus]

Tea, girls, warm, sweet

Some are set up in the Somerset Maugham suite

[Murray Head]

Get Thai'd! You're talking to a tourist

Whose every move's among the purest

I get my kicks above the waistline, sunshine

[Chorus]

One night in Bangkok makes a hard man humble

Not much between despair and ecstasy

One night in Bangkok and the tough guys tumble

Can't be too careful with your company

I can feel the devil walking next to me

[Murray Head]

Siam's gonna be the witness

To the ultimate test of cerebral fitness

This grips me more than would a

Muddy old river or reclining Buddha

And thank God I'm only watching the game -- controlling it --

I don't see you guys rating

The kind of mate I'm contemplating

I'd let you watch, I would invite you

But the queens we use would not excite you

So you better go back to your bars, your temples, your massage parlours

[Chorus]

One night in Bangkok and the world's your oyster

The bars are temples but the pearls ain't free

You'll find a god in every golden cloister

A little flesh, a little history

I can feel an angel sliding up to me

One night in Bangkok makes a hard man humble

Not much between despair and ecstasy

One night in Bangkok and the tough guys tumble

Can't be too careful with your company

I can feel the devil walking next to me

เพลงสุดท้ายสำหรับวันนี้ Hotel California ของ The Eagles คลาสสิค หลายๆ บาร์ชอบเปิดเพลงนี้ตอนคนยังไม่เต็มร้าน แล้วเปิดแบบตู้มๆๆๆ เบสแตก ป้าบบบบ…แก้วหูแทบทะลุ คำว่า colitas เป็นสแลงแปลว่า กัญชา ค่ะ เพลงนี้ร้องตามก็มันส์ ดิ้นไม่มันส์ เพราะไม่ชอบสโลว์…มันบัดซบมากค่ะ 5555

Hotel California

Artist – The Eagles

On a dark desert highway, cool wind in my hair

Warm smell of colitas, rising up through the air

Up ahead in the distance, I saw a shimmering light

My head grew heavy and my sight grew dim

I had to stop for the night

There she stood in the doorway;

I heard the mission bell

And I was thinking to myself,

this could be heaven or this could be hell

Then she lit up a candle and she showed me the way

There were voices down the corridor,

I thought I heard them say...

Welcome to the hotel California

Such a lovely place

Such a lovely face

Plenty of room at the hotel California

Any time of year, you can find it here

Her mind is tiffany-twisted, she got the Mercedes bends

She got a lot of pretty, pretty boys, that she calls friends

How they dance in the courtyard, sweet summer sweat.

Some dance to remember, some dance to forget

So I called up the captain,

Please bring me my wine

He said, we haven’t had that spirit here since nineteen sixty nine

And still those voices are calling from far away,

Wake you up in the middle of the night

Just to hear them say...

Welcome to the hotel California

Such a lovely place

Such a lovely face

They livin it up at the hotel California

What a nice surprise, bring your alibis

Mirrors on the ceiling,

The pink champagne on ice

And she said we are all just prisoners here, of our own device

And in the masters chambers,

They gathered for the feast

The stab it with their steely knives,

But they just can’t kill the beast

Last thing I remember, I was

Running for the door

I had to find the passage back

To the place I was before

Relax, said the night man,

We are programmed to receive.

You can check out any time you like,

But you can never leave!

มีเพลงชอบๆ อีกเยอะเลย จะทะยอยเอามาบังคับให้ร้องกัน 555 ใครไม่ร้องขอให้คี่แตก

Friday, May 15, 2009

หนุ่มบ้านนอกก๊อตตี้ขึ้นลิฟท์

ไม่รู้ว่าชาวโลกจะหาว่าอิชั้นรังแกเด็กหรือปล่าว 555 แม่กับพี่มันเห็นขำเลยเอามาให้คุณๆ ดูกัน

บันทึกสดๆ วันนี้เลย พาลูกๆ ไปเยี่ยม MIL ที่โรงบาล 5555

อีรอมอุทานให้ขายคี่หน้าคุณแม่มันมาก I-Hia ชัดถ้อยชัดคำมากลูกกรู

‘Thai Smile’ ส้มตำกึ่งสำเร็จรูป นวัตกรรมอาหารไทยเขย่าครัวโลก

หลังๆ ชักหลังยาวววววว…. ฮิฮิ อ่านเหวิดเมวแล้วก็ไป เสิร์ชหาต้นตอแล้วก็ “ก๊อป-แปะ” ก็เห็นว่าน่าสนใจหรอก เลยเอามาแบ่งกันอ่าน อิชั้นมีเพื่อนเซ่อๆ บ้าๆ อยู่หลายคน เผื่อมันไม่ทันเหตุการณ์ว่าโลกไปถึงไหนกันแล้ว เวลามันมาอ่านมันจะได้ “ปั๊ดตะนา” 5555 แต่อ่านแล้วมีขัดใจหลายที่ เรียกหรือกล่าวถึงคนที่ถูกสัมภาษณ์หรือให้ข้อมูลก็ “จิกหัว” ไปหน่อย ให้เกียรติ เรียกคง เรียกคุณ บ้างก็ไม่ได้ หลายๆ คำ ก็แบบ เค้าคง “ถุย” ออกมายังไงก็พิมพ์เผยแพร่อย่างนั้น ไม่มีการขัดเกลาให้มันเป็นภาษา “โปร” ทางด้านสิ่งพิมพ์เล้ยยยยยย…..

เพื่อนๆ ก็อ่านเอาสาระ เอาเพลิน กันตามดวก ส้มตำ 65 บาทเนี่ย ดูเหมือนแพงเน๊าะ แต่ทำเองไม่ได้ไม่แพงหรอก แถมเครื่องไม้เครื่องมือ+ความสร้างสรรค์ แล้ว คุ้มแหละ แถวๆ นี้ ส้มตำครกละ 5 เหรียญค่ะ แต่ก็เยอะมากกกกก เชื่อสิ แถวนี้ไม่มีใครเอามาขายหรอก เพราะลาว เขมร คนเวียด คนม้ง เพียบ มันตำกันโครม โครม ทุกวัน จะให้กิน 2-3 คำแบบในรูป 55555 ไม่เกิดแน่นอน แต่ทดเห็นทุเรียนแล้ว น้ำลายยืดดดดดด….. คนเกลียดทุเรียนเห็นแล้วลมใส่ อยากอ้วกกกก…. 555

* – * – * – * – * – * – * – * – * – * – * - *

Thanks > > > http://www.manager.co.th/SMEs/ViewNews.aspx?NewsID=9520000052226

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
12 พฤษภาคม 2552 09:55 น.

Thai Smile-01 ส้มตำกึ่งสำเร็จรูป ‘Thai Smile’

“ส้มตำ” ไม่ใช่เพียงเมนูยอดฮิตแค่คนไทยเท่านั้น ชาวต่างชาติอีกจำนวนมากที่นิยมอาหารไทยต่างหลงใหลเมนูนี้เช่นเดียวกัน ทว่า ในต่างประเทศจะหากินได้ยากเต็มที ยิ่งเป็นส้มตำรสชาติต้นตำรับวัตถุดิบสดใหม่ด้วยแล้ว โอกาสจะได้สัมผัสแทบจะเป็นไปไม่ได้

Thai Smile-02 วิริยา พรทวีวัฒน์

ทว่า จากฝีมือเอสเอ็มอีไทย อย่างบริษัท พรทวีโสภณ จำกัด สร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ของการแปรรูปอาหารสำเร็จ ด้วยเทคโนโลยีอบแห้งระบบเตาอบสุญญากาศ ซึ่งคุณสมบัติแปรรูปอาหารได้ทุกชนิด โดยไม่สูญเสียรสชาติ นอกจากนั้น สามารถเก็บไว้ได้ในอุณหภูมิปกตินานนับปี ถือเป็นผู้ผลิตรายแรกและรายเดียวในประเทศ ช่วยพาครัวไทยไปสู่ครัวโลกอย่างเป็นรูปธรรม และที่สำคัญมีส่วนเพิ่มมูลค่าให้ผลผลิตการเกษตรไทยด้วย

Thai Smile-03วัตถุดิบบรรจุในซองสุญญากาศ

วิริยา พรทวีวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ เผยว่า วัตถุประสงค์เริ่มแรก อยากช่วยเหลือเกษตรกร แก้ปัญหาสินค้าเกษตรตกต่ำในฤดูกาลที่ออกมากจนล้นตลาด ซึ่งการแปรรูปถือเป็นคำตอบสุดท้ายของปัญหาดังกล่าว

Thai Smile-04 ข้าวเหนียวทุเรียนกึ่งสำเร็จรูป

ทั้งนี้ การแปรรูปโดยวิธีอบแห้งนั้น มี 4 วิธีหลัก ได้แก่ 1.ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ (Sun dry) วิธีนี้ประหยัด แต่มีโอกาสปนเปื้อนสูง เช่น การทำกล้วยตาก 2. ใช้เตาอบความร้อน (Heat pump) วิธีนี้ยังเสี่ยงต่อการปนเปื้อน อีกทั้ง ผลผลิตที่ได้มีสีคล้ำเข้ม และแห้งแข็งกระด้าง ผลไม้บางชนิดไม่สามารถแปรรูปได้ 3.แช่แข็งระบบสุญญากาศ (Vacuum freeze dry) วิธีนี้ใช้แพร่หลายประเภทอาหารแช่แข็งทั่วไป ทว่า มีข้อจำกัดที่เครื่องจักรราคาสูง และการนำไปแช่แข็งส่งผลต่อรสชาติอาหาร และ 4.ใช้เตาอบสุญญากาศ (Vacuum dry) วิธีนี้เมื่อแปรรูปแล้วผลผลิตยังใกล้เคียงธรรมชาติ ทั้งรูปทรง รสชาติ และคุณค่าโภชนาการ ทว่า มีข้อเสียที่ต้นทุนผลิตสูง โดยเฉพาะราคาเตาอบสูงมาก

Thai Smile-05เตาอบสุญญากาศ ฝีมือคนไทย

บริษัทตัดสินใจเลือกระบบเตาอบสุญญากาศ เพราะยังไม่ผู้ผลิตรายใดในประเทศทำเลย อีกทั้ง รักษาคุณภาพของผลผลิตได้ดีกว่าทุกระบบ แต่หากเราจะลงทุนซื้อเครื่องจักรต่างประเทศ จะเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงมาก กว่า 80 ล้านบาท ดังนั้น บริษัทจึงคิดพัฒนาเครื่องจักรด้วยตัวเอง โดยมีทีมวิศวกรรมเครื่องจักร และวิทยาศาสตร์อาหาร ทำการวิจัยและพัฒนาร่วมกับสถาบันการศึกษาต่างๆ กว่าจะสำเร็จสมบูรณ์ใช้เวลากว่า 5 ปี”

Thai Smile-06สแน็คทุเรียน อีกผลิตภัณฑ์ของเอสเอ็มอีรายนี้

วิริยา อธิบายต่อว่า ใช้งบประมาณกว่า 30 ล้านบาท ในการวิจัยและพัฒนาเครื่องจักร รวมถึงสร้างโรงงานที่ จ.ลำพูน ซึ่งได้มาตรฐานคุณภาพอาหารครบถ้วน เช่น GMP CODEX HACCP และ ISO9001-2000 เป็นต้น ในส่วนเตาอบที่พัฒนาขึ้น ปัจจุบัน มีอยู่ 12 เตา ต้นทุนการผลิตถูกกว่าเครื่องจักรนำเข้ากว่า 10 เท่า แต่ประสิทธิภาพการผลิตไม่แตกต่างกัน

Thai Smile-07ผลไม้อบแห้งที่ผ่านกระบวนการแล้ว

สำหรับหลักการทำงานของแปรรูปด้วยเตาอบสุญญากาศ อธิบายง่ายๆ คือ การนำน้ำหรือความชื้นออกจากผลผลิต เพื่อจะถนอมอายุได้ยาวนานกว่า 1 ปี และหากต้องการให้คืนรูปเดิม เพียงแค่นำไปแช่น้ำ เพื่อคืนความชื้น ผลผลิตก็จะกลับคืนสภาพเดิมก่อนอบแห้ง ซึ่งผลผลิตน้ำหนัก 1 กิโลกรัม เมื่ออบแห้งออกมาแล้วจะเหลือน้ำหนักเพียง 4 ขีดเท่านั้น

แม้หลักการจะดูเรียบง่ายมาก แต่ในทางปฏิบัติมีรายละเอียดที่สลับซับซ้อนสูง ดังนั้น กว่าจะสำเร็จจึงใช้เวลาวิจัยและพัฒนายาวนานกว่า 5 ปี

Thai Smile-08 พืชสมุนไพรอบแห้ง เน้นส่งเข้าโรงงานอาหารแปรรูปต่างๆ

เจ้าของธุรกิจ เผยต่อว่า เริ่มทดลองตลาดเมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว โดยนำผลไม้ไทยอบแห้ง เช่น ลำไย ลิ้นจี้ เงาะ ทุเรียน ฯลฯ ไปออกโรดโชว์ที่ประเทศจีน ซึ่งได้ผลการตอบรับด้วยดี เพราะผลไม้ที่แปรรูปด้วยวิธีนี้ จะรักษาความฉ่ำหวานและรสชาติสดใหม่ได้ดีกว่า และที่สำคัญไม่ใส่สารเคมีป้องกันเน่าเสียใดๆ ทั้งสิ้น

Thai Smile-09ทีมวิจัยของบริษัท

ตามด้วยการพัฒนาสินค้าแปรรูปพืชสมุนไพรต่างๆ เช่น ต้นหอม ขิง ตะไคร่ พริก กระเทียม ฯลฯ โดยสินค้ากลุ่มนี้เน้นส่งเข้าโรงงานอาหารแปรรูปต่างๆ อีกทั้ง แปรรูปผลไม้ต่างๆ เป็นขนมกินเล่นแบบสแน็คส์ (Snacks) ได้แก่ ทุเรียนสแน็คส์ และล่าสุดคือ แปรรูปเป็นอาหารกึ่งสำเร็จรูป ประเดิมด้วย 2 เมนู คือ ส้มตำ และข้าวเหนียวทุเรียน ภายใต้ชื่อแบรนด์ “Thai Smile” ซึ่งจะเปิดตัวในงาน THAIFEX – World of Fool Asia 2009 ระหว่างวันที่ 13-17 พฤษภาคมนี้

Thai Smile-10ขั้นตอนแรก เติมน้ำลงไป

“เรามีจุดยืนอยากจะพาครัวไทยไปกระจายสู่ทั่วโลก ดังนั้นการแปรรูปเป็นอาหารกึ่งสำเร็จรูป จึงมีโอกาสที่จะเปิดตลาดได้กว้างกว่าส่งแค่วัตถุดิบ โดยจุดขายจะเน้นนำเสนอความเป็นอาหารไทยที่ชาวต่างชาติชื่นชอบอยู่แล้ว และการแปรรูปด้วยวิธีอบแห้งสุญญากาศ มีคุณสมบัติเด่นสามารถเก็บไว้ได้ในอุณหภูมิปกติ ช่วยให้การขนส่ง เพื่อส่งออก ทำได้ง่ายและประหยัดกว่าอาหารแปรรูปแช่แข็ง”

Thai Smile-17 นำเข้าเตาไมโครเวฟ

ทั้งนี้ ส้มตำ และข้าวเหนียวทุเรียน กึ่งสำเร็จรูป “Thai Smile” ราคาชุดละ 65 บาท โดยจะบรรจุอยู่ในภาชนะปิดฝา ภายในประกอบด้วยวัตถุดิบ และเครื่องปรุงต่างๆ บรรจุในซองสุญญากาศ วิธีการทำนั้น สำหรับส้มตำนำผักแต่ละชนิดในซองเติมน้ำแล้วนำเข้าเครื่องไมโครเวฟ 2 นาที พักไว้สักครู่เส้นผักจะคืนตัว จากนั้นรินน้ำร้อนทิ้ง สุดท้ายนำผักมาคลุกเคล้ากับน้ำปรุงรสส้มตำเป็นอันเสร็จขั้นตอน


Thai Smile-11

ผักต่างๆ จะคืนรูปเดิม

Thai Smile-12 นำผักมาคลุกเคล้ากับน้ำปรุงรสส้มตำ

Thai Smile-18 ได้เป็นส้มตำสมบูรณ์แบบ

ส่วนข้าวเหนียวทุเรียนนั้น นำข้าวเหนียวและทุเรียนอบแห้งเติมน้ำ แล้วนำเข้าไมโครเวฟ 2.5 นาที จากนั้นรินน้ำจากถ้วยลงในถ้วยที่ใส่ผงกะทิทุเรียนแล้วคนให้เข้ากัน จากนั้น นำกลับมาเติมในถ้วยข้าวเหนียว ก็จะได้ข้าวเหนียวกะทิพร้อมกิน

Thai Smile-13ข้าวเหนียว ขั้นตอนแรก ต้องเติมน้ำเช่นกัน

Thai Smile-14จากนั้นเข้าเตาไมโครเวฟ

วิริยา ให้เหตุผลที่เลือกนำร่องด้วย 2 เมนูนี้ เพราะเป็นอาหารไทยที่ต่างชาติรู้จักดีอยู่แล้ว ส่วนในอนาคตจะเพิ่มเติมอาหารไทยชื่อดังอื่นๆ เช่น ผัดไทย และขนมหวานไทยต่างๆ เป็นต้น


“ดิฉันกำหนดกลุ่มลูกค้าหลักไว้ที่การส่งออกต่างประเทศ 70% ซึ่งชาวต่างชาตินิยมอาหารไทยอยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมาหากินยาก โดยการทำตลาดจะอาศัยออกงานแฟร์อาหารระดับนานาชาติ ขณะที่ตลาดในประเทศ วางไว้แค่ 30% เพราะอาหารเหล่านี้สำหรับคนไทยหากินได้ง่ายอยู่แล้ว โดยช่องทางขาย เร็วๆ นี้จะส่งเข้าห้างโมเดิร์นเทรด และร้านสะดวกซื้อต่างๆ”

Thai Smile-15รินน้ำออก เปิดฝาก็จะได้ข้าวเหนียว พร้อมเนื้อทุเรียนที่คืนรูปแล้ว

Thai Smile-16นำน้ำกะทิมาเทกลับ เป็นอันเสร็จขั้นตอน

เจ้าของธุรกิจ ทิ้งท้ายว่า ปัจจุบันบริษัทมีพนักงานประมาณ 50 คน มีฐานการผลิตโรงงานอยู่ที่ จ.ลำพูน ส่วนวัตถุดิบการเกษตรต่างๆ จะรับซื้อจากทั่วประเทศ คัดเฉพาะสินค้าเกรดเอ ปลูกโดยปลอดสารพิษ วางเป้าหมายไว้จะผลิตได้ประมาณ 2 แสนกิโลกรัมต่อปี ในระยะเวลา 3 ปี และสามารถคืนเงินลงทุนได้ในเวลา 2-3 ปีเช่นกัน


***************************
ก๊อปเค้ามา เครดิตเค้าหน่อย > > > โทร.6653-555-434 หรือ www.porntaweesophon.com

Thursday, May 14, 2009

Why Boys Need Parents

ได้รับเหวิดเมวอันนี้จากคุณน้องป๊อบ ดูแล้ว กร๊ากกกกก…..

ถูกใจมากมาย You just make my DAY !!! Thanks เด้อ ค่ะ เด้อ 555

* – * – * – * – * – * – * – * – * – * - *

This is for those mothers of boys, sisters of boys, and boys that have grown older...


And anyone else who needs a laugh.

Why boys need parents...

WhyBoysPage-01

WhyBoysPage-02

WhyBoysPage-03

WhyBoysPage-04

WhyBoysPage-05

WhyBoysPage-06

This boy has parents… but this happened when Mommy was in the bathroom…

Picasso doesn’t need much time to create artworks huh !?!

page-402

Have a Nice Day Everyone !!!

Wednesday, May 13, 2009

ครัวคุณอู๋

เก็บของ แพ๊คของ เตรียมย้ายบ้านอีกหน เหนื่อยๆๆๆๆๆ ยิ่งรื้อเก็บก็ยิ่งเจอ เลยขอรวบรวมภาพครัวของอิชั้นมาให้คุณๆ ได้ชมกัน แถมเคล็บลับกับฟรีซเซ่อร์ของอู๋ 5555

รูปแรก เรื่องหมูๆ บ้านนี้ใช้หมูสับบ่อยมากๆ ทำไข่เจียวหมูสับใส่สปิแนชและผักอื่นๆ สลับสับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ทุกคนชอบ แม้แต่อีก๊อต ชอบกินเปล่าๆ เป็นอาหารเช้า (ฝรั่งบ้านนี้ไม่กลัวน้ำปลา 555) เวลาซื้อหมูสับมาก็จะซื้อจากร้านคนจีนมาทีละ 2 แผง เสร็จแล้วก็แยกใส่ถุงเล็กๆ (กะปริมาณพอเหมาะสำหรับทำไข่เจียวแต่ละครั้ง ถ้าทำแกงจืดก็ควักออกมาทีละ 3-4 ถุง) พอใส่ถุงม้วนปากถุงเรียบร้อบแล้ว ก็เรียงใส่ Tupperware ปิดฝาเก็บไว้ในช่องแข็ง เวลาจะเอามาใช้ก็หยิบออกมาเท่าที่ต้องการ วางผึ่งๆ ไว้ หรือ เอาใส่ตู้เย็นช่องธรรมดาค้างคืนสำหรับปรุงอาหารในวันรุ่งขึ้น อย่าลืมเอาจานรองซะหน่อยนะ เดี๋ยวเลือดสาด…. ต้องมาเก็บเช็ดตู้เย็นที่หลัง 5555

KitchenPage-03

ต่อมาก็หมูอีก หมูก้อน หมูสามชั้น พอซื้อมาล้างให้สะอาด หั่นๆๆๆๆๆๆ ขนาด หนาบาง รูปร่างตามชอบ อิชั้นก็หันไว้หลายแบบ ชิ้นหนาๆ หน่อยเอาไว้ทำทอดกระทียมพริกไทย ชิ้นบางๆ พอคำ-เอาไว้ผัดผัก ฯลฯ แล้วก็ทำสัญญาลักษณ์ไว้ที่ถุงซะหน่อย อย่างหมูสามชั้น (ชอบเอาไว้ผัดพริกขิง) ก็เขียน PB = Pork Belly) แล้วไอ้มันแข็งๆ ที่แล่ออกมาจากหมูสามชั้นก็เก็บเอาไว้ทำกากเจียว อร่อยนักเวลาทำก๊วยเตี๋ยว กระดูกก็แยกไว้ อย่าทิ้งเชียว เอาไว้ต้มน้ำซุปต่างๆ เก็บเข้าฟรีซเซ่อร์ พอใช้ไป ใช้ไป เห็นว่าหมูใกล้จะหมด ก็ออกไปล่าหมูในป่า 55555 เอามาเก็บไว้ใหม่ วงจรอุบาทว์ของบ้านผีปอบ 555

เพิ่งนึกออก บางทีซื้อมาทีละเยอะๆ ก็หั่นมันไปเรื่อยๆ อีก๊อตก็จะชอบมาอยู่เป็นเพื่อนชวนคุนโน่นนี่ หรือดูทีวีด้วยกัน เลยเป็นกิจกรรมเพลินๆ ยามดึก ได้มีเวลาคุยกะปั๋ว มีอยู่ครั้ง…หั่นไปจนถึงตี 4 เลย 5555 อีก๊อตถามอยู่นั่นแหละ อีอ้วน…อึงซื้อหมูมากี่ตัววะ 555

KitchenPage-04

ตานี้ก็มาถึงของมีค่าหายากยิ่งนัก …. รากผักชีนั่นเอง นานๆ เจอที ก็ตัดเก็บล้างให้สะอาด ถ้าเยอะๆ ก็แบ่งใส่ถุงซีลสูญญากาศ ถ้าไม่เยอะก็ใส่ถุงซิปล๊อค เก็บในฟรีซเซ่อร์ได้เป็นปี พอจะใช้ก็ไปเอาออกมาเท่าที่ต้องการ ส่วนพริกก็ทำเหมือนๆ กัน ล้างตัดขั้วให้เหลือไอ้หัวจุกติดไว้ ถ้าดึงออกมาให้เกลี้ยงเกลา แช่แข็งไว้นานๆ มันโบ๋ๆ ฟี้บๆ ดูเหมือนกลวงๆ เน่าน้ำ ถ้าติดขั้วไว้เก็บไว้เป็นปีก็เต่งตึงสวยงามน่ากินดี พอแช่แข็งก็เก็บไว้ได้เป็นปีเหมือนกัน หน้าร้อนตอนมันถูกๆ ก็ซื้อมาซัก 2 เหรียญ กินไป 3 ชาติก็ไม่หมด หน้าหนาวพืชผักหาซื้อยากราคาแพง มีเก็บไว้ก็ไม่เดือดร้อน เห็นฟรีซแล้วแข็วโป๊ก แต่เวลาเอาออกมาตำทำน้ำยำ ต้มยำ ทำพริกน้ำปลา หรือทำแกง ก็ยังหอมและเผ็ดเหมือนสดๆ - - - ไม่ต้องเด็ดไอ้จุกๆ พริกออกนะ เวลาเอาออกมทำอาหารน่ะ

KitchenPage-05

อันนี้น้ำปลาพริกค่ะคุณๆ กระปุกนี้เพิ่งทำเมื่อวันก่อน ยิ๋งทดจะทำน้ำปลาพริกไว้ทีละเยอะๆ (อยู่เมืองไทยไม่แตะเลย ไม่กินเผ็ด พอมาอยู่นี่ ไหง..กระแดะกินพริกกินเผ็ดก็ไม่แซบได้ 5555) ทำไว้ทีละเยอะๆ กินกะอีก๊อต 2 คน เก็บได้เป็นเดือน แช่ในตู้เย็นไม่บูดไม่เสียนะคะ เวลาจะตักใช้ก็แค่ใช้ช้อนที่แห้งและสะอาด ไม่เน่าเสีย เชื่ออิชั้นเถอ ทำกินแบบนี้มาหลายปีแล้ว ซะมีอิชั้นราดสเต๊กแบบเยอะๆ พูนๆ เลยค่ะ อิชั้นแค่จิ้มๆ ส่วนใบกระเพราก็เป็นของหายากเช่นกัน ปลูกไว้ก็ไม่ขึ้น ถ้าเจอะเจอก็จะซื้อมาเยอะๆ เด็ดๆๆๆๆ ล้าง ผึ่งค้างคืนไว้ให้แห้งสะเด็ดน้ำ แล้วก็เอามาผัดน้ำมันเฉยๆ ไม่ปรุงแต่งอะไร แบ่งใส่ถุงไว้ เอาใส่ฟรีซเซ่อร์เก็บได้นานเป็นปีเหมือนกัน เอาออกมาใส่กระทะผัดได้เลย ไม่ต้อง Thaw นะคะ อันนี้แค่พอแก้ขัดได้ แต่ไม่เจ๋งเหมือนโยนแบบสดๆ ลงกระทะแล้วปรุงรับทานเลยหรอกค่ะ

KitchenPage-06

ไอ้พริกนี่ (ฉายซ้ำ 555 รูปเก่า รูปใหม่ 555) ไอ้กระปุกฝาชมพูนั่นคือน้ำมะนาวเขียว ตอนที่ราคาถูกๆ 15-20 ลูก เหรียญนึง ก็ซื้อมาเยอะๆ ล้างสะอาด ผึ่งให้แห้ง คั้นน้ำเก็บไว้ ใส่ช่องแข็ง อันนี้ก็ใช้ได้เป็นปี กลิ่มหอมสดเหมือนคั้นใหม่ๆ ทำยำ ทำกับข้าวได้ทุกชนิด ตักออกมาก็ใช้สะดวกเหมือนเกล็ดน้ำแข็งใส เคล็ดลับคือ พอคั้นเสร็จเทใสถาดแบนๆ เอาเข้าช่องแข็งค้าคืนไว้ ทุบๆ บุบๆ ใส่ถุงพลาสติก แล้วทุบๆๆๆ ให้ละเอียด เทเก็บใส่ในกระปุกที่ปากกว้าง-สะดวกเวลาตักใช้ค่ะ

KitchenPage-07

ตู้ฟรีซเซ่อร์จิ๋วของยิ๋งทด ขนาดกระทัดรัด ซื้อมาแล้วถูกใจ เจอใครก็อวดเค้าไปหมด โดยเฉพาะไอ้พวกที่มี Chest Freezer มาเห็นแล้วก็เจ็บใจ ฮิฮิ เพราะแบบนั้นต้องขุดเอา อะไรๆ ที่เก็บอยู่ข้างล่าง จะเอาออกมาใช้ก็ไม่สะดวกเท่าแบบนี้ 5555 คุณนายแม่ของอิชั้นที่เมืองไทยก็มีแบบนั้นแหละ 5555

KitchenPage-08

ตู้ในครัวบ้านหลังปัจจุบัน ชอบที่บ้านนี้มีตู้เยอะ เห็นถ้วยจานชาม แล้วอย่าไปแอบขำ นะคะคู้นนนนน…. ยังใช้เมลามีนและปั๊ดกะติกเป็นหลัก 5555 เพราะมีลูกเล็ก (ไอ้ตี้) งอกมาอีกคน กะว่าจะได้ใช้ถ้วย จาน ชาม แก้วน้ำสวยๆ เหมือนบ้านอื่นก็คงต้องรอไปอีก จะว่าไป ที่ใช้ๆ อยู่ไอ้เมลามีนพวกนี้ก็แพงมาก จะทิ้งมันก็เสียดาย ใช้แล้วก็รักแหละ ส่วนอาหารแห้ง เพียบบบบบ…. ดูกันเอาเอง เด้อค่ะเด้อ

KitchenPage-09

เมื่อวานแม่ผัวเข้าโรงบาลด่วน ฮ๊าดแอ๊ดแท๊กกกกกก…แล้วก็สะโตรกกกกกก… พร้อมๆ กัน ไม่รู้งานนี้จะเป็นไปตามคาดหมายหรือป่าว 5555 งานก่อนๆ เห็นรอดแบกกลับมาบ้านทุกที หลอกให้เตรียมตัวเก้อ (เตรียมออกงานน่ะ 555 ยอดคนจริงๆ กรู 555)

Tuesday, May 12, 2009

Thomas & Friends

เก็บข้าวของย้ายบ้าน ยิ่งรื้อก็ยิ่งเจออะไรต่อมิอะไรมากมาย วันนี้ขอยกตัวอย่างไอ้รถไฟจิ๋วของไอ้ก๊อตตี้ เก็บรื้อบ้านไปก็เจอที่ตกหล่นหายไป บางอันไม่ได้เล่นเสียนานเพราะหาไม่เจอ บางอันหายไปหาไม่เจอก็คร่ำครวญเศร้าเสียใจมากมาย พ่อแม่ทนไม่ได้ก็ไปล่าซื้อหามาให้ใหม่ พอหาเจอ (บางส่วน ไอ้ที่ยังหาไม่เจอยังมีอีกเยอะเลยค่ะคุณๆ) เลยเหมือนมีซ้ำมากมาย เอาเท่าที่เห็นๆ อยู่มาถ่ายรูปแบ่งๆ กันดู เห็นแล้วไม่อยากคิดค่าเสียหาย ของมีลิขสิทธิ์แบบนี้ราคาค่อนข้างแพงงงงงง….. ไอ้ของเล่นพวกนี้ราคาต่างกัน ขนาดต่างกัน ดูจากไอ้ธอมัสกระจุกนี้ บางอันมีไฟ มีเสีย บางอันมีรีโหมตบังคับ บางอัน moterized ใช้แบตเตอรี่ มีสวิชเปิดปิด บางอันก็เอาไว้ดูๆ เข็นๆ เล่นแค่นั้น

ToysPage-02

รูปชุดนี้มีที่โปรดๆ อยู่ 3 อัน ไอ้เพอซี่ ต้องถือติดมือประจำ เล่นมากมายจนสีกระเทาะหลุด ไอ้โทบี้ก็รักเหลือเกิน ไปไหนต้องเอาไปด้วย หาไม่เจออยู่พักนึง นอนก็ไม่ได้ เดินวนขุดคุ้ยหารอบบ้านทุกวันทุกคืน น่าสงสาร หาซื้อให้ใหม่ก็ไม่มีแล้ว สุดท้ายเพิ่งไปเจอว่ามันทิ้งไว้ในโรงรถ ส่วนเจมส์-เคยรักนักหนาอันแรกหายไป ไปหาซื้อมาแทน แต่ตอนนี้ไม่ค่อยโปรดเท่าไหร่ มอลลี่กับกอร์ดอนเป็นรุ่นใหญ่ (ในเรื่องน่ะนะ) ดูจากล้อ ใครมีล้อเยอะก็เป็นเอนจิ้นใหญ่ ใครมีแค่ 4 ล้อก็เป็นเอนจิ้นรุ่นจิ๋ว ไอ้ตัวของเล่นก็ขนาดพอๆ กันแหละ แต่ในหนังตามท้องเรื่อง (555 ตามท้องเรื่อง…เหมือนหมอลำเลย…555) จะขนาดต่างกันพละกำลังความสามารถและหน้าที่ต่างกัน นอนดูกับลูกจนเบื่อเซ็งและจำได้หมดแหล่ว

ToysPage-04

ไอ้พวกนี้รุ่นจิ๋ว พอได้มาเห่ออยู่พักนึง แล้วก็กลับไปถือแต่ไอ้โทบี้กับเพอซี่เหมือนเดิม ถ้าไอ้สองตัวนั้นหายไปก็อวสาร เพราะไม่เห็นมีขายที่ไหนเลย

ToysPage-01

ไอ้คาร์บู้สทั้งสามอัน รถถังน้ำมัน และไอ้มังกรจีนนั่นเป็นพวกที่ทำด้วยไม้ ซื้อมาพร้อมชุดรางไม้ Thomas & Friends Wooden Railway ชุดรางไม้จะแพงกว่าชุดรางพลาสติก Thomas Trackmaster เยอะเลย ส่วนไอ้ไม้ตี้แม๊คนั่น เป็นเหล็ก เป็นเอนจิ้นประหลาดมี 2 หัว

ToysPage-06

ไอ้พวกนี้ เป็นหัวรถจักรดีเซล ในเรื่องจะเป็นพวกเครื่องแรง แต่ไอ้ตัวร้ายคือ ไอ้ดีเซล คอยระรานคนอื่นเค้า

ToysPage-03

รูปไอ้คนเป็นเจ้าของ กับ Train Depot ของมัน เมื่อวานนายสถานีก๊อตตี้วิ่งเล่นล้มหัวเข่า ร้องแงๆ ยิ่งตอนจับโยนใส่อ่าแศบผลซะ ร้องจ๊ากเลย…555 สมน้ำหน้า

ToysPage-05