Sunday, October 30, 2011

สิ่งรองรับใช้ใต้เบื้องบาทา - เกือกของอิชั้น

จริงๆ แล้วว่าจะมาเม้าท์เรื่องฮัลโลวีนซะหน่อย แต่วุ่นกับลูกๆ ไม่ใช่เรื่องคอสตูมหรอกค่ะ เพราะซื้อให้ตั้งแต่ต้นเดือนแล้ว (ส่วนรอมมี่ไม่ได้คอสตูมใหม่ค่ะ เพราะถูกลงโทษที่พูดจาไม่ดีกับแม่ - สงสารเหมือนกันค่ะ แต่ก็ต้องดัดนิสัยกันบ้าง) ที่ว่าวุ่นๆ คือ วิ่งรับวิ่งส่งรอมมี่ รับส่งกับข้าวกับปลาให้ที่ทำงานขอพ่อบ้าน 2 รอบ เซ็งมาก แล้วรอมมี่ต้องไปค้างบ้านเพื่อน มีปาร์ตี้วันเกิด มีไป Haunted House กับเพื่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ต้องไป Raymond เพื่อไป Trick or Treat กับเพื่อนๆ (เรย์มอนด์เป็นเมืองเล็กๆ กลางหุบเขา เมืองนี้น่ารักมากๆ อิชั้นก็ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะขับรถตามเค้าไปหรือ พาไอ้ตี้เดินแถวๆ ละแวกบ้าน หรือ พาไปที่โบสถ์ที่เค้าจัดงานดี ผลออกมายังไงจะเอามาเล่าให้ฟังค่ะ) เหมือนกับว่าวีคเอนด์นี้ไม่มีเวลาว่างๆ ให้นั่ง “ตาน-บูด” ที่หน้าคอมพ์เลยค่ะ ว่าจะขับรถตะเวลนถ่ายรูปตามบ้านช่องที่เค้าตกแต่ประดับประดาสำหรับฮัลโลวีนก็เลยเหนื่อยๆ แล้วไปกับก๊อตตี้ตามลำพัง เหนื่อยค่ะ ถ้าหนูดีอยู่ด้วยก็ง่ายขึ้นนิดนึง

เมื่อยังไม่เล่าเรื่องฮัลโลวีน ก็ขอเอารูปรองเท้าส่วนนึงที่ทำเก็บไว้นานแล้วมาเล่าค่ะ ไม่ได้มีอะไรแปลกประหลาดมหัศจรรย์หรอกค่ะ เพียงแต่เปลี่ยนฤดู เปลี่ยน closet ก็ต้องเปลี่ยนโขยงรองเท้าด้วย อิชั้นก็เหมือนผู้หญิงทั่วๆ ไป ชอบรองเท้า และมีรองเท้าเยอะ จากเมื่อก่อนชอบซื้อรองเท้าแพงๆ คุณภาพเริ่ด แต่พอใส่แล้วใครๆ ก็ไม่รู้หรอกค่ะ เพราะเหยียบยี่ห้อเอาไว้ (คุณหญิงแม่อิชั้นออกปากชมไว้อย่างนั้นหลายครั้ง 555) เดี๋ยวนี้อะไรก็ได้ค่ะ ยิ่งถูกยิ่งดี เน่า พัง ก็โยนทิ้งไป จะได้ ซื้อใหม่ ซื้อใหม่ ซื้อใหม่ ถูกใจจริงๆ 555 แต่รองเท้าฝูงนี้เที่เอาพูดถึง กลับกลายเป็นรองเท้าที่อยู่กันนาน หลายปีดีดัก ไม่ได้ซื้อใหม่ซักที 5555 มาดูกันค่ะ

ShoesPage-29

พออากาศเย็นๆ เดินเหินในบ้าน ก็ต้องใส่รองเท้านุ่มๆ หนาๆ กว่าปกติหน่อยนึง รองเท้าพวกนี้เรียกว่า Booties, Slippers และอื่นๆ อีกมากมายค่ะ 3 คู่บนเป็นรองเท้าที่ใส่ในบ้านของอิชั้น อยู่กันมาหลายปีแล้วค่ะ จะมีก็คู่กลางแดงดำนั้นที่ใหม่กว่าเพื่อน ซื้อมาได้ 3 ปีเท่านั้น รองเท้าพวกนี้พอใส่ไปไม่เท่าไหร่ พื้นก็จะแบนบาง เดินไม่สบาย อิชั้นก็จะหาซื้อพวก Insole หรือเรียกว่า Sole Inserts มาสอดใส่เพิ่มความหนานุ่ม อันล่างซ้ายซื้อมาคู่ละ 1 เหรียญ ถูกและนุ่มพอใช้ พอได้มาก็มาตัดให้ได้ขนาดกับ Booties อย่าตัดตามไซ้ส์รองเท้าปกติของเรานะคะ เพราะพวกรองเท้าบู้ทตี้เวลาใส่ๆ ไปมันจะยืดย้วยออกค่ะ ส่วนอันกลางสีเงินๆ เป็นของ Crocs รักชอบมากเป็นพิเศษ นุ่มสบายดี ใช้มานานแล้ว ก็ยังดูเหมือนเดิม พอไม่หนาวอิชั้นก็จะเอามาใส่คู่สีน้ำตาลดอกชมพู ทำให้เท้าไม่ร้อน ไม่เหนียว หากเลอะเทอะก็เอามาล้างน้ำทำความสะอาดได้ง่าย ไอ้คู็ะ 1 เหรียญนั่น พอแบนๆ ไปหน่อย ก็เอาโยนทิ้งไปค่ะ หรือไม่ก็เอาอันใหม่ใส่ทับลงไปก็ได้ บู้ทตี้ 2 คู่แรกใส่แล้วก็อุ่นตาตุ่มข้อเท้าดี ส่วยคู่ดอกไม้นั่นอิชั้นจะใส่เกือบตลอดปี นอกเสียจากช่วงที่ร้อยแบบพีคๆ ก็ขอเดิน “ติงเป๋า” ดีกว่าค่ะ พอหนาวๆ หน่อย อิชั้นก็จะเอาอินเสิร์ทสีเงินนั่นมาใส่บู้ทตี้คู่ที่เลือกจะใช้บ่อยๆ ค่ะ อ้อ..รองเท้าพวกนี้ อิชั้นจะโยนใส่เครื่องซักผ้า ทุกๆ เดือนค่ะ พอหมดหนาวก็ซัก ตากให้แห้ง เอาใส่ถุงพลาสติกเก็บ พร้อมเอากลับมาใช้หนาวต่อไปค่ะ

ShoesPage-30

ข้างบนเป็นส่วนหนึ่งของรองเท้าสำหรับใส่ในบ้านของอิชั้น จริงๆ มีเยอะกว่านี้มาก แต่ยังอยู่ในลังค่ะ เพราะตั้งแต่ย้ายบ้านไปมาก็ยังมีข้างของอยู่ในกล่องในลังอีกเยอะเลย (ขนาดยังไม่ขนของรกบ้านออกมาจนหมด บ้านยังรกซะขนาดนี้ 5555) 3 คู่นี้ ก็เก่ามากๆ จะไม่ให้เก่าได้ไง เพราะคู่ที่ 1 กับ คู่ที่ 3 อิชั้นหอบมาจากเมืองไทย เป็นของที่อิชั้นใช้อยู่ก่อนแล้ว จะทิ้งก็เสียดาย ที่เอาเฉพาะ 3 คู่นี้มาให้ดู เพราะพื้นรองเท้าที่แตกต่างกันค่ะคู่แรก ก็เหมือนกัน slippers ที่หาซื้อได้ทั่วๆ ไปที่เมืองไทย พื้นเป็นผ้าพลาสติกพิมพ์ลายกันลื่นบางๆ พอใส่ไปไม่นานฟองน้ำด้านในก็แบบแต๋ เวลาสวมใส่เดินไปมาเหมือนเดินบนกระดาษแกกๆ ความนุ่มไม่มีเหลือแล้วค่ะ ส่วนคู่ดำ อิชั้นซื้อมาเป็น 10 ปีได้แล้ว คู่นี้พื้นเป็นยาง ทนทานกว่า ใส่เดินสบายเพราะพื้นยางล่างสุดค่อนข้างแข็ง มีฟองน้ำและพื้นผ้าขนหนูนุ่มๆ ทับอีก ด้านบนก็เป็นผ้าขนหนูบุนุ่มๆ ยืดหยุ่นได้ คู่นี้จะอยู่ที่ชั้นรองเท้าตลอดปีค่ะ หยิบมาใช้ได้ตลอดเวลา (ถ้านึกออก 555) ส่วนคู่สุดท้าย…เอามาจากเมืองไทยเหมือนค่ะ ทนทานมาก ๆ อายุ น่าจะเกิน 15 ปี พื้นด้านบนเป็นเสื่อ ด้านล่างเป็นโฟม ถ้าถามว่าใส่สบายมั๊ย ต้องบอกว่า …(แค่) โอเคค่ะ พื้นไม่มีความนุ่ม ด้านบนไม่ยืดหยุ่น พื้นเสื่อเดินแล้วลื่นไหลออกจากเท้านิดหน่อย แต่พื้นโฟมด้านล่างทนทานดีค่ะ คู่นี้เหมาะมากสำหรับช่วงร้อนจัดๆ เพราะรองเท้าไม่ดูดซับเหงื่อและไม่อบอ้าวดีค่ะ เอ๊ะ.ไฉน.ไง.เหมือนบล็อกรีวิวรองเท้าแตะ 5555

ShoesPage-22

คราวนี้มาดู รองเท้าที่ใส่บ่อยๆ หน้าหนาวบ้างค่ะ บู้ท…ค่ะ บู้ทที่อิชั้นใส่บ่อยๆ ก็มีเท่าที่เห็นนี่แหละค่ะ ไม่ขอพูดถึงพวกบู้ท Dress-Up ส้นสูงที่มีอยู่ 3 คู่ เพราะซื้อมาแล้วใส่นับครั้งได้ (โคตร) ไม่คุ้มเลยค่ะ 4 คู่นี้สวมใส่สบาย ไม่รู้จะบอกว่าใสคู่ไหนบ่อยกว่ากัน 555 ขึ้นอยู่กับเสื้อผ้าที่สวมใส่ สถานที่และโอกาศ ด้วยค่ะ คู่สีแทนราคาถูกมากๆ เพราะเป็นหนังเทียม แต่ใส่แล้วสบายมากค่ะ มีซิปสะดวกสวมและถอด แต่ต้องบอกว่า เท้าไม่อุ่นเลยค่ะ ห้ามใส่ไปที่เฉอะแฉะเด็ดขาด เพราะอัพเปอร์ดูไม่ทนทาน ใช้มา 7-8 แล้วค่ะ

ต่อมาเป็นคู่พูม่าแสนรัก บู้ทคู่นี้เป็นแบบ Pull Up พื้นเหมือนรองเท้ากีฬาของพูม่าทั่วๆ ไป สวมใส่สบาย น้ำหนักเบา เป็นหนังกลับสีดำ ปักลาย ต้องใส่กับเลคกิ้งหรือสกินนี่เท่านั้นค่ะ เพราะช่วงบนค่อนข้างแคบ ใส่มา 4-5 ปี แล้วยังเนี๊ยบอยู่ หนูดีขอยืมบ่อยๆ ต้องย้ำห้ามทำเลอะ แต่ปีนี้คงไม่ขอยืมแล้วค่ะ เพราะ ลูกติงโตกว่าแล้ว อิอิอิ เป็นอีกคู๋ที่ไม่อุ่นค่ะ แต่หล่อมาก….ขอบอก

EMU ด้านนอกเป็น suede พิมพ์ลาย บุด้านในด้วย sheepskin fleece ซื้อมาหลายปีมากๆ แล้ว จำได้ไม่แม่น น่าจะ 7-8 ปีได้แล้วค่ะ เห็นทีแรก อยากเป็นลมตาย อยากด้ายยยยยย…… (โปรดดูรูปด้านล่าง) เป็นรูปในเว๊บไซ้ต์ที่เซฟค่ะ แจ่มแมวมาก เหมือน แท๊ตทู เหมือน Biker พอได้ตัวเป็นๆ มาโคตรผิดหวัง สีซีดดดดดด…. แต่ไม่กล้าบ่น เดี๋ยวคนซื้อให้จะเสียใจ ราคาไม่ใช่น้อย ตอนนั้นมี UGG Classic Short สีน้ำตาลอ่อน อยู่แล้วคู่นึงด้วย (ตอนนี้ยังอยู่ในลังเลยค่ะ 55) เป็นคู่ที่ใส่บ่อย เพราะ “ใส่-ถอด” สบาย วิ่งเข้าวิ่งออกรับลูก ก็คู่นี้แหละค่ะ  ไอ้พวกรองเท้า sheepskin หนังแกะ นี่มันเหมือนเป็น staples สำหรับหน้าหนาวเลยนะคะ สาวๆ ต้องมีกันอย่างน้อยคนละ 1 คู่ อยากซื้อใหม่ ไอ้นี่ก็ไม่พัง ไม่เก่า ราคาก็ไม่เบาด้วย หนูดีเกลียดบู้ทคู่นี้มากค่ะ 555 So…ugg….ugly 555 บู้ทแบบนี้อุ่นมากกกก…. ถึงมากที่สุดค่ะ เวลาใส่คู่นี้ตอนต้นๆ หนาว จะขับรถยากนิดนึง เพราะมันบาน 555 แต่แป๊บๆ ก็เข้าที่เข้าทางค่ะ

Emu Australia Women's Limited Edition Silver Star Suede Boots

มาถึงอีกคู่นึงที่ใส่บ่อย คือ  Timberland คู่นี้ค่ะ (รูปล่าง) เป็นหนังสีดำ มีซิป เป็นบู้ทที่หล่อมากๆ อีกคู่นึง คู่นี้อายุน้อยกว่าเพื่อน แค่ 3 ขวบค่ะ เคยใส่ไปเดินมอลล์ ได้รับคำชมหลายครั้ง และเคยเจอสาวสวยมาดึงแขนแล้วถาม สวยจัง ซื้อที่ไหน เลยนะคะ มันดูเรียบๆ (มีตังค์น้อย ก็จะไม่ซื้ออะไรหวือหวา ต้องซื้อที่มันคลาสสิค ใส่ได้เรื่อยๆ เน๊าะๆๆๆ) คู่นี้ถ้าเป็นหนาวมากๆ กลางคืน เอ้าท์ดอร์ ก็สู้ไม่ไหวค่ะ เกิดอาการ “ติง-เย็ง” ได้ค่ะ 5555

มาดูวิธการดูแลรักษารองเท้าของอิชั้นกันค่ะ รองเท้าของอิชั้นจะสภาพดีและอยู่นานมากๆ ไม่ได้โม้นะคะ เป็นเรื่องจิงๆ เมื่อก่อนซื้อรองเท้าคู่เป็นหลายๆ พัน ถึงกว่าห้าหลัก จุ๊ๆๆ อย่าเอ็ดไป 555 เดินออกจากร้านก็ตรงไปที่ Mister Minit เลยค่ะ เปลี่ยนพื้นด้านล่างเป็นแบบกันลื่น เปลี่ยนนางรองปลายส้น ราคาค่าทำก็ไม่น้อย เคยไปซื้อรองเท้ากับน้องคนนึง พอเห็นเค้าถู ไถ ถาก ดึง กลึง เหลา น้องคนนั้น เฮ้ย… ยังไม่ได้ใส่เดินเลยนะพี่ ซื้อมาตั้งแพง เสียดายจัง ก็เลยบอกไป ว่านี่แหละคือเคล็ดลับของอิชั้น ที่ทำให้รองเท้าไม่เคยส้นโยกเยก ใส่วิ่งได้ และอยู่กับเราไป นานแสนนาน ดีกว่ารอให้รองเท้าพังแล้วค่อยเอาไปซ่อมค่ะ

ShoesPage-21

ปกติวิธีเก็บรองเท้าที่คิดว่าจะไม่เอาอกมาใช้ในระยะเวลาอันใกล้ ก็คือ เก็บเช็ด ทำความสะอาด ด้วยผ้าชุบน้ำหมาด เช็ดเอาฝุ่น รอยเปลื้อนต่างๆ ออก ผึ่งให้แห้ง ถ้าเป็นหนังธรรมดา ก็เอา Mink Oil ทาให้ชุ่มๆ นิดนึง แล้วผึ่งไว้ค้างคืน พอวันรุ่งขึ้นก็เอาแปรงขัดรองเท้าขัดให้สะอาด ไม่ต้องขัดจนเหมือนชักเงานะคะ แล้วเอาถุงเท้าเก่าๆ เช็ดๆ ถูๆ จนดูว่าสะอาดดีแล้ว ถ้าเป็นบู้ทก็เอาหุ่นใส่ เก็บเข้ากล่องไปค่ะ พอจะนำออกมาใช้ก็เอาแปรงขัดชักเงาซักนิดนึง

ถ้าหากเป็นหนังกลับ ก็ใช้แปรงสำหรับหนังกลับโอยเฉพาะ (ฮ่วย…ลืมถ่ายรูป) ปัดๆ แปรงๆ ที่เประเปื้อนสกปรกออกให้หมด เสร็จแล้วก็เอาสเปรย์สำหรับหนังกลับพ่นให้ทั่ว แล้วก็ใส่หุ่น (shoe trees จะเป็นพลาสติก หรือเป็นไม้ก็ได้ค่ะ อิชั้นมีพาสติกมากกว่า เพราะถูกกว่าเยอะเลย 555) เก็บเข้ากล่องค่ะ

ShoesPage-31

มาดู Shoes Essentials ของอิชั้นกันค่ะ (ของอิชั้น มิใช่ของใครเน้อ)

ซองกันชื้น เอาโยนใส่กล่องรองเท้าที่เราเก็บไว้ไม่ได้ใช้ค่ะ ซื้อข้าวของอะไรมา เจอไอ้ซองพวกนี้ อย่าโยนทิ้งค่ะ เก็บเอาไว้ใช้ดี มีประโยชน์

CEDAR BALLS ทำมาจากไม้สนน่ะค่ะ เค้าทำขายหลายรูปแบบ เป็นลูกกลมๆ เป็นแท่ง เป็นฝอยๆ เหมือนขี้เรื่อยแล้วใส่ถุงสวยงาม ราคาไม่แพง หอมแบบไม้ๆ กัน มอด มด แมลง ตามตู้เสื้อผ้า อิชั้นเอามาใส่ในรองเท้า ใส่ในบู้ท ใส่กล่องรองเท้า  เก๊ะ ตู้ เสื้อผ้าต่างๆ สรรพคุณน่าจะเหมือนลูกเหม็นค่ะ แต่อันนี้กลิ่นดีกว่า

ถุงเท้าเก่าๆ เอามาขัด เช็ดรองเท้า บางทีเจอคู่ใหญ่ๆ เอาสวมใส่รองเท้าเวลาแพ๊คกระเป๋าเดินทางได้ด้วยนะคะ

Mink Oil เอาไว้ขัดรองเท้า ใช้ได้กับหนังทุกสีเลยค่ะ อิชั้นใช้เคลือบกระเป๋าหนังต่างๆ ด้วยค่ะ ถ้าใครมีแจ๊คเก็ตหนังก็ใช้ได้ดีนะคะ แต่อิชั้นไม่มีค่ะ

ไม้แขวนเสื้อแบบหนีบอันเล็กๆ อิชั้นเอาไว้หนีบตากรองเท้า หนีบแขวนรองเท้าบู้ท (รูปข้างบนโน้นนน…) ไม่ชอบให้บู้ทล้มพับนอนตะแคงอยู่กับพื้นค่ะ พอถอดออกแล้วก็หนีบแขวนเลย บู้ทจะได้ตั้งเป็นทรงตลอด (ลูกไม่เดินเหยียบไปมาด้วย อิอิ) หนีบง่าย รวดเร็ว ไม่ยุ่งยากอะไรค่ะ เมื่อก่อนมีไม้แขวนแบบนี้แล้วโยนทิ้งไปเสียเยอะเลยค่ะ เพราะไม่เห็นประโยชน์ เดี๋ยวนี้เลือกเก็บไว้หลายอัน แต่คงไม่มีมีมาเพิ่มแล้วค่ะ เพราะลูกๆ โตกันแล้ว ไม้แขวนแบบนี้ที่ได้มาจะมีแต่อันใหญ่ๆ แล้วค่ะ

ปลอกหมอนเก่าๆ ไม่ต้องเก่าขาดมีรูเหมือนอิชั้นก็ได้นะคะ 5555 จากรูปข้างบนที่เห็นเอาบู้ทใส่กล่อง นั่นยังไม่เต็มยศค่ะ 555 จริงๆ อิชั้นเอารองเท้าใส่ปลอกหมอนก่อนใส่กล่องค่ะ และเอาไว้คลุมรองเท้าบู้ทที่เอาไม้หนีบแล้วแขวนไว้ด้วยค่ะ กันฝุ่นดีนักแล

ไว้นึกอะไรออกจะมาเพิ่มเติมค่ะ

802

Friday, October 28, 2011

ลูก ไม่ใช่ น้อง – น้อง ไม่ใช่ ลูก

อยากพูดเรื่องนี้นานแล้ว …. อิชั้นไม่ใช่คนขวางโลก และไม่นิยมวัฒนธรรม “อวย” ค่ะ …. แต่วันนี้จะขอพูดเรื่องขัดหู ขัดตา ขัดใจ ของคำว่า ลูก กับคำว่า น้อง

เข้าเรื่องเลย คือ หลายปีให้หลังมานี้ จะได้ยินคนเรียกลูกของตัวเอง คือ แม่ๆ ส่วนใหญ่น่ะค่ะ ชอบเรียกลูกของตัวเองว่า “น้อง” ถ้าหากว่ามีลูกมากกว่า 1 แล้วเรียก คนที่ 2 –3  โดยใช้คำว่า “น้อง” นำหน้าชื่อ ก็จะไม่แปลก เพื่อสอนให้ลูกที่เกิดก่อนและโตกว่า รัก เอ็นดู รวมถึงสุภาพต่อน้อง เช่น พี่หนึ่งกับน้องสอง อะไรทำนองนั้น ไม่ใช่ ไอ้-อี 5555 อันนั้นก็เกินไป พ่อแม่ไม่พึงกระทำ 555

เมื่อหลายปีมาแล้ว ขณะที่อิชั้นจะต้องกลับบ้าน (ที่เมกา 555 คือ จากบ้านที่เมืองไทย กลับบ้านที่เมกา 555 ตลกและงงดี) รอมมี่เกิดเป็นไข้ไม่สบาย ช่วงนั้นไข้หวัด ไก่ นก เป็ด ห่าน กำลังรุนแรง ถ้าลูกไข้สูง เค้าก็จะไม่ให้ขึ้นเครื่อง แล้วเหลือเวลาแค่ 2-3 วัน จะเปลี่ยน จะคืน ตั๋ว ก็ทำได้ค่อนข้างยาก เลยพาลูกไปหาหมอที่ รพ. เวชธานี  ตอนแรกเจอพยาบาล ถามว่า น้องเป็นอะไรมาคะ อิชั้นก็บอก ไม่ใช่น้องค่ะ ลูกค่ะ ลูกสาวค่ะ นังพยาบางมองหน้าอิชั้นแบบค้อนๆ ซักพักพอหมอเข้ามา ก็ถามอีกว่า น้องเป็นอะไรมา อิชั้นก็ต้องเรียนย้ำไปว่า ไม่ใช่น้องค่ะ แต่เป็นลูกสาวของอิชั้นค่ะ หมอก็ค้อนอีก หลายคนอาจะคิดว่า คำว่า “น้อง” ฟังดูน่ารัก สำหรับอิชั้น…อืม …ฟัง แล้วมันค่อนข้างปัญญาอ่อน กระแดะ และไม่ถูกต้อง ถ้าเป็นภาษาอังกฤษ คงจะง่ายกว่า เพราะเค้าไม่มีคำเยอะเหลือเฟือเหมือนภาษาไทยของเรา สรรพนาม บุรุษที่ 1 และ 2 ก็มีแค่ I กับ You ไม่มี คุณ เธอ แก ชั้น ข้า เอ็ง กู มึง 5555 เวลาพาลูกไปหาหมอ เจ้าหน้าที่จะเรียกเด็กเล็กๆ ว่า Baby, your baby หรือ เบบี้แล้วต่อด้วยชื่อ เช่น …baby Scott พอโตมาหน่อย ก็ your son, your daughter ถ้าเป็นรุ่นหนูดีพรีทีน เค้าก็เรียกชื่อไปเลย

เมื่อก่อนพ่อๆ แม่ๆ จะเรียกลูกของตัวเอง ว่าน้องนั่น น้องนี่ เพื่อความน่าเอ็นดู แต่จะไม่ค่อยใช้คำแทนตัวลูก (เวลาคุยกับบุคคลที่ 3) ว่า “น้อง” มักจะใช้คำว่า “ลูก” กันเป็นปกติ เช่น จะพาพี่หนึ่งกับน้องสองไปซื้อชุดนักเรียน แต่ลูกๆ อยากไปแวะทานไอติมก่อน คงไม่มีใครพูดว่า น้องๆ อยากแวะทานไอติม หรอกค่ะ มันทะแม่งๆ หลังๆ มาใช้ คำว่า น้อง แทนคำว่า ลูก กันจนเป็นปกติ เรียกลูกว่าน้อง น้อง น้อง อ้าว เฮ้ย ข้านึกว่าลูกเอ็งซะอีก น้องหรอกเหรอ 55555

อิชั้นอาจจะเชยเกินไป .เฮ้อ... ตามโซเชี่ยลเน็ทเวิร์ค เว็บบอร์ดต่างๆ จะได้อ่าน ได้เห็น ว่าคุณแม่ๆ ส่วนใหญ๋มักจะเรียกลูกของตัวเองว่าน้องกันจนเป็นปกติ เวลาไปซื้อข้าวของ ไปทานอาหารตามที่ต่างๆ บริกร เจ้าหน้าที่ต่างๆ มักจะเรียกเด็กๆ ว่า น้อง น้อง น้องๆๆๆๆๆ อิชั้นว่าไม่แปลกค่ะ เพราะเค้าไม่ใช่ญาติพี่น้องของเรา ไม่รู้จักมักจี่กัน ไม่รู้จักชื่อลูกเรา อันนี้พอรับได้ ถึงแม้ว่าใครจะเรียกลูกเราว่า “น้อง” แล้วช่างขัดหู ขัดใจ ไปบ้าง คำที่เหมาะสมมีให้เรียกเด็กๆ หลายคำค่ะ เลือกมาใช้กันให้เหมาะสมจะดีกว่า มาเหมาเรียก น้องๆๆๆๆ กันจนพร่ำเพรื่อ สับสนค่ะ ลำดับญาติกันไม่ถูก เอ๊ะ.. หรือว่าเราเกี่ยวดองกัน หรือว่าเธอเป็นเมียเก็บของลูกชายชั้นถึงมาเรียกลูกสาวชั้นว่าน้อง แต่ลูกชายชั้นเพิ่ง 5 ขวบเองนะ ฮึ ฮึ ฮึ 55555 ดูอย่างแม่ชีทศพร นะลูกนะ 5555555

296421_206888316047275_136499293086178_489468_1241471847_n

แต่ที่แย่ๆ ไปกว่านั้น หรือแย่ที่สุด worse of the worse คือ คนเป็นพ่อเป็นแม่เรียกลูกตัวเองว่า น้อง น้องงงงง…… คนตัวเล็กๆ ที่เราเบ่งออกมา หรือ หมอควักออกมาจากเรานั่น เรียกว่า ลูกค่ะ ลูกๆๆๆๆ ท่องไว้ให้ขึ้นใจ อย่าสับสน

อิชั้นไปก๊อป ความหมายของทั้ง 2 คำ มาแปะ เผื่อว่าใครๆ ที่สับสน ไม่เข้าใจ 2 คำนี้อย่างถูกต้อง จะได้เข้าใจกันให้ถูกต้องเสียที บล็อกนี้ไม่ใช่รายการภาษาไทยวันละ 2 คำ เป็นเพียงความ “ไม่ชอบ” ของคนๆ เดียว คือ อิชั้นนั่นเองค่ะ อ่านแล้วโกรธเกลียดกันก็ไม่เป็นไรค่ะ แต่อิชั้นไม่โกรธน้องหรอกค่ะ เพราะอิชั้นไม่มีน้อง อิชั้นเป็นลูกคนสุดท้อง มีแต่พี่ 55555

A-Loukที่มา > > http://goo.gl/UWzwH

A-nongที่มา > > http://goo.gl/MZ1l5

มาเช็คอุณภูมิแถวที่อิชั้นอยู่กันหน่อย อากาศกำลังสบายค่ะ ไม่หนาว ไม่ร้อน ไม่ต้องเปิดแอร์หรือฮีทเตอร์ ชอบๆๆๆๆๆ

page-751

tumblr_lk8lquYaSt1qby6rio1_500

Catching Up with the INGLEs – October 2011

มาแร้ววววว….. ห่างหายไปนาน ไม่ขอพูดพล่ามทำเพลง เอารูปเล่าเรื่องเลยดีกว่า

page-731

ไอ้ตี้กับแมว “พัฟฟ์” Puff หรือ อีพลับ รักกันจริง กอดกันได้บ่อยๆ เสร็จแล้วก็โยนตุ้บ อย่างไม่ใยดี แมวเลยซวยไปตามระเบียบ อีแมวตัวนี้ไม่รู้ว่ามันจะกลายพันธุ์เป็นหมูหรือปล่าว อ้วนเอา อ้วนเอา เหมือนใครหว่า…555

page-733

อันนี้ก็รูปพ่น้อง “ยามรัก” และรูปคุณก๊อตตี้นั่งปลง ไม่ยอมเข้านอน

page-734

ลูกๆ บ้านนี้ต้องทำงาน ปกติเป็นหน้าที่หนูดี ที่คอยเอาขยะออก แต่ไอ้ตี้เป็นคนดีมีน้ำใจเสมอ ชอบช่วยพี่ตอนเอาถังเข้าไปเก็บทุกครั้ง เพิ่งจะนึกถ่ายรูปก็ครั้งนี้ค่ะ

page-735

พี่น้องกับแมวๆ โปรดสังเกตขนาดของเฟร้นช์ฟรายส์ 555 เหมาะสมกับขนาดของผู้บริโภคมากค่ะ

page-736

ช่วงนี้แม๊คโดเน่า แฮ้ปปี้มีลจะใส่มาในกระถังแบบนี้ (จะเป็นแบบนี้ทุกปีช่วงฮัลโลวีนค่ะ แต่ละปีก็จะมีดีไซน์แตกต่างกันไปค่ะ) ดูรูปที่ 3 ไอ้แผ่นสติกเกอร์ อีคนหีบห่อบรรจุ ช่างไม่ดูอะไรเลย ดันเอาด้านสติกเกอร์ลง พอปิดมาบนอาหาร ไอน้ำ และความร้อน ติกเกอร์เลยพอง รูปที่ 4 คือ ผลงานของคุณตี้เค้าค่ะ

page-737

เมื่อกลางเดือน โรงเรียนไอ้ตี้ พาเด็กๆ ชั้นคินเด้อร์ไป fieldtrip ภาษาไทยเรียกว่าไรว้า… ทัศนศึกษา เน๊าะๆๆๆ เด็กๆ ไป pumpkin patch กันค่ะ ซึ่งมันก็คือฟาร์ม สวน ที่เค้าปลูกฟักทอง ดอกทานตะวัน ข้าวโพด ฯลฯ เพื่อการค้าขาย อะไรๆ ก็ว่ากันไป แต่เค้าจะ “กั๊ก” ไร่ไว้ส่วนนึง จัด ปลูก ทำพื้นที่ให้เข้าชม เดินท่องสวน (บางส่วน) ซื้อหาสินค้ากัน เก็บค่าเข้า เด็กเท่าไหร่ไม่รู้ แต่ผู้ใหญ่คนละ 3 เหรียญค่ะ จริงๆ วันนั้นไม่อยากไปเลยค่ะ แต่ว่าลูกอิชั้นดื้อมาก เกรงใจครูเค้า และแม่ๆ คนอื่นๆ อิชั้นไม่ยอม car-pool ค่ะ ขับรถตามรถโรงเรียนไปเดี่ยวๆ เลย เพราะไม่อยาก “ฝืน” ยิ้ม คุยเจ๊าะแจะ มันทารุณมากค่ะ เวลาเราไม่อยู่ใน “mode” นั้น ไอ้ไร่ที่ไปก็ไกลพอประมาณ ขับรถไปเกือบครึ่งชั่วโมง พอจ่ายตังค์เค้าก็ปั๊มหลังมือ เด็กๆ ครู และผู้ปกครองก็เดินตามๆ กันไป วิทยากรของเค้าก็จะมาเล่านั่น นี่ อ่านนิทานให้ฟัง เช่น ฟักทองปลูกจากเมล็ด ออกใบ กิ่งก้าน ดอก ผล บลาๆๆ วันนั้นแดดแรง ดีที่อากาศไม่ค่อยร้อน

page-738

ไอ้ตี้จะเป็นคนที่กลัวเลอะเปรอะเปื้อนดินโคลนมากๆ ไม่เคยเดินเท้าเปล่าที่สนาม มันคง แหยงๆ มั๊ง วันนั้นพื้นชื้นแฉะ เด็กคนอื่นนั่งลงไปเลย กางเกงตูดเปียกกันหมด ไอ้ตี้อึด นั่งท่าเจ๊กขาดทุนตลอด 5555 มีตอนที่เค้าให้เด็กๆ ลองเอาเม็ดข้าวสาลี ข้าวโพด แห้ง บดๆ ตำๆ ในหิน เพื่อให้รู้ว่าชาวอินเดียนพื้นเมืองสมัยโบราณทำอาหารกันอย่างไร ไอ้ตี้ได้ให้ความสนใจอยู่แป๊บนึง ก็มีสิ่งดึงดูดความสนใจอย่างแรง ไอ้ตี้เริ่มไม่มอง ไม่สน ว่าจะตำ จำโขลก กันยังไง ถึงคิวตัวเองหรือยัง ได้แต่จับจ้องไปที่วิทยากรคนนึงที่นั่งอยู่ใกล้ๆ 555 ขอขำก่อน 555 เค้าเป็นหญิงวัยกลางคน ผอมๆ พูดจาเสียงดังฟังชัด แต่มีแขนข้างเดียว 5555 อีกข้าง เป็นติ่งๆ กิ่งๆ เล็กๆ ซึ่งแกเอาหนีบข้าวโพดแห้งๆ ไว้ 2-3 ฝัก พอเด็กๆ ตำๆ กระเด็น หกเรี่ยราดหมด แกก็จะค่อยๆ เอามือไปปลิดเอาเม็ดข้าวโพดจากฝักที่แกใช้ “กิ่ง” หนีบไว้ แล้วเอามาโยนใส่ครกหินให้เด็กๆ ได้ตำกัน ไอ้ตี้เลิกตำ จ้อง “กิ่ง” เค้าตลอดเวลา 5555 เด็กคนอื่นไม่สนไจ “กิ่ง” ของป้าคนนั้นเลย 555 สุดท้ายไอ้ตี้ก็อดรนทนไม่ได้..อ้าปากถาม What happened to your arm? ก็พอดีกับเป็นจังหวะที่ป้าแกตะโกนส่งสัญญานให้กรุ๊ปเด็กๆ ย้ายไปสเตชั่นต่อไป แกเลยไม่ได้ยินที่ไอ้ตี้ถาม และเดินจากไป 555 แต่ไอ้ตี้ก็ไม่เลิกตามไปจดจ้องกิ่งของป้าคนนั้นทุกๆ สเตชั่นเลยค่ะ ส่วนรูปล่างซ้ายเป็นคุณแม่คนนึงที่ช่วยๆ เจ้าหน้าที่ของฟาร์มระบายสีบนหน้าเด็กๆ ให้เหมือนชนเผ่าอินเดียนแดง จริงๆ จะพยายามแอบถ่าย อยากให้เห็นผมตีโป่งสุดฤทธิ์และเมคอัพของเธอ อิชั้นก็เหมือนไอ้ตี้ จ้องคนนี้ทุกวันเวลาไปรับลูก 5555 เพราะผมของเธอและขอบตาที่เขียนไว้ ดำ หนา ทั้งบนและล่าง ทรงผมเธอ..ตีโป่งได้เก่งมาก ถ้ามองหน้าตรงๆ จะเป็นรูปหัวใจ คือมันบานออกข้างๆ เยอะ 555 วันนั้นถ่ายรูปได้มุมไม่ดี จะไปจ้องถ่ายตรงๆ ก็ยังไงอยู่ 555

page-739

รูปนี้ไม่มีอะไรพิเศษ แต่เบื้องหลังรูปหมู่ของเด็กๆ นี่ มันช่างวุ่นวายยุ่งยาก ที่เค้าเรียกว่า “จับปูใส่กะด้ง” ยังไง อย่างงั้นเลยค่ะ เอารูปสิวหัวช้างและคางสองชั้นของอิชั้นมาอวดด้วยค่ะ ไม่ค่อยมีรูปตัวเอง เพราะเป็นคนที่ถือกล้องตลอดเวลา นานๆ มีรูปกับเค้าซะที ก็เลยเอามาแปะให้ดูค่ะ

page-740

ไอ้ตี้กับฟักทอง

page-741

ฟักทองพันธ์ต่างๆ ที่เค้าขายค่ะ จริงๆ มีเยอะแยกมากมาย แต่ลูกซนมาก วิ่งไล่กวดจนอายเค้า เลยถ่ายมาได้แค่นี้ค่ะ

page-742

ระหว่างทางที่เดินตามกลุ่มเด็กๆ ถ่ายรูปมาเยอะแยะ มีดอกทานตะวัน (เค้าปลูกเอาเมล็ดค่ะ ใช้สกัดน้ำมัน ทานเป็นสแน๊ค และปรุงอาหารค่ะ) ดอกบัวตอง คอสมอส ฯลฯ หลายสี หลายขนาด ข้าวโพดออกฝักเต็มไปหมด ฟักทองหลายไซ้ส์ หลายอายุ ตั้งต่เป็นดอก เป็นลูกอ่อนๆ ไปจนถึงลูกใหญ่ยักษ์ กิจกรรมนี้อิชั้นเคยทำแล้วเมื่อสมัยรอมมี่เรียนพรีสคูลและอนุบาลค่ะ แต่เค้าไปฟาร์มอื่น สมัยโน้นยังไม่มีกล้องดิจิตัลกัน กล้องใช้ฟิล์ม จะถ่ายก็ต้องแอ๊ค ต้องคิดเยอะ เดี๋ยวฟิล์มไมด 555 เดี๋๋ยวนี้ ยกแล้วยิง เล็งแล้วยิง ดีก็ดีไป เสียก็ช่างมัน ถ่ายไปเยอะๆ ไม่รู้จะขอบคุณเทคโนโลยีเท่าไหร่ถึงจะพอ เพราะซาบซึ้งจริงๆ จากใจค่ะ 5555 ป.ล. …มีพัมพ์กิ้นท้าวแสนปมด้วย

page-743

เมื่อไม่กี่วันโรงเรียนไอ้ตี้ก็มีงาน carnival อีก คือเค้าหาเงินเข้าโรงเรียน แต่ละชั้นเรียนก็จะจัดบู้ทเกมส์ บ้างก็ขายงานศิลปะ อิชั้นซื้อไอ้ดอกไม้ยักษ์นั่นมาค่ะ ราคา 1 เหรียญ โรงอาหารก็ขายพิซซ่า เครื่องดื่ม ขนม ข้าวโพดคั่ว พอเราเข้างานก็ไปซ์้อคูปอง ใช้แลกอาหาร เล่นเกมส์ บู้ทของชั้นไอ้ตี้ เตะบอลโกล์เล็ก อิชั้นก็ไปช่วยเค้าเก็บคูปอง ส่วนคุณตี้ก็คอยวิ่งไล่เก็บลูกบอลให้ลูกค้า พ่อกับพี่ก็ไปนั่งเฝ้า เบื่อ เซ็ง ตามปกติ แต่ละครอบครัวก็ผัดกันมาเฝ้าบู้ท คนละ 1-2 ชั่วโมง จากนั้นก็พาลูกๆ ตะเวนเล่นเกมส์ และกินกันนิดหน่อย

page-744

ไอ้ตี้เล่นเกมส์สนุกสนานตามวัย พ่อ แม่ พี่ เดินตามแบบเซ็งๆ 555 มีร้านเกมส์ของเกรด 6 ที่สนุกสนาน เสียงดังกว่าใคร เพราะเป็นเด็กโต เล่นกันแรง คือเด็กๆ ก็จะผัดกันเอาหน้าไปโผล่ตรงช่อง แล้วลูกค้าก็จะได้กระถังน้ำที่มีฟองน้ำแช่อยู่ พวกเด็กโตๆ ปากันสุดแรง เปียกปอนกันไปหมด รอมมี่ก็พ่อบ้านอยากเล่น แต่คูปองหมด เลยไปหาอะไรหม่ำกันต่อค่ะ

page-745

เดือนตุลเป็นวันเกิดของพ่อบ้านกับไอ้ตี้ ส่วนมากเราก็ไม่ได้ทำอะไรมากมาย ไปหาอะไรทานกันนิดๆ หน่อยๆ ซื้อของขวัญให้ลูกนิดนึง ร้านที่ไปกันประจำ ไม่ว่าวันเกิดของใครคือ John's Incredible Pizza Co. เพราะอาเขตเกมส์เค้าใหญ่ และมีของเล่นเยอะ บุพเฟ่ต์ก็คุณภาพดี ราคาพอทนได้ เจ้าของวันเกิดทานฟรีค่ะ วันนั้นเดินวน..กินแล้วไปเล่น เล่นเสร็จกลับไปกิน กันหลายรอบเลยค่ะ ไอ้ 2 คนหน้าแปลกคือ อีว่ากับไรอั้น หน้ามันชักเหมือนอัลไคด้าเข้าไปทุกวัน 555 ส่วนพ่อบ้านตั้งแต่ป่วยก็ไม่โกนหนวดเครา คริสต์มาสนี้เรามีแซนต้าเองค่ะ 5555

page-746

รูปบนซ้าย 3 คน กำลังเป็นห่วงไอ้ตี้เพราะนั่งก้มหน้า อีว่าเลยบอกให้เค้าหยุดเครื่อง..แล้วเอาไอ้ตี้ลง เลยต้องมาเกาะรั้วดู เด็กเล่นเกมส์กันหลายอย่าง แต่ที่อิชั้นเห็นพากันกลับมาเล่นอยู่นั่นก็คือ Virtual Roller Coaster ว่าจะลองดูบ้าง แต่วันนั้นปวดหัวหนึบๆ อยู่ เลยฝากไว้ก่อนค่ะ

page-747

พอกลับถึงบ้านประมาณสี่ทุ่ม ไล่กวดลูกๆ ไปอาบน้ำเตรียมเข้านอน เพราะวันรุ่งขึ้นเป็นเช้าวันจันทร์ ไอ้ตี้ที่เป็นไข้ตัวรุมๆ มาตั้งแต่คืนก่อน ป้อนยากันมา 24 ชม. ไข้ก็ไม่ลง ตอนไปกินไปเล่น ก็มีเบรคมาป้อนยากันนะคะ พอจะเอาลูกใส่อ่าง ฮ่วย ผื่นแดงเต็มหน้าเต็มตัวเลย หมออู๋กลัวว่าจะวินิจฉัยโรคผิด เลยขับรถพาลูกลูกแจ้นไปโรงบาลเด็กกลางดึกอีก พ่อบ้านต้องอยู่บ้านเพราะรอมมี่นอนแล้ว ขับรถไป ใจก็ไม่ดี กลัวลูกเป็นอะไรเยอะ โรงบาลก็ไกล เกือบๆ 30 ไมล์ แต่คืนนั้นโชคดี ที่โรงพยาบาลไม่มีคนเลย แปลกประหลาดมาก เกิดมาไม่เคยเจอ อุตส่าห์ทำใจว่าต้องนั่นรอเง่กกก…รอคิวลงทะเบียน ..รอข้างนอก ..รอข้างใน ..รอ ..รอ ปรากฏว่า เดินเข้าไป ลงทะเบียนได้เลย พยาบาลซักประวัติ วัดไข้ ชั่งน้ำหรักปั๊บ อีกคนมารอพาเข้ไปห้องตรวจด้านในเลยปุ๊บ รอจิ๊ดนึง หมอเดินมาตรวจ สะว๊อพเอากระพุ้งแก้มคอหอยไอ้ตี้ไปตรวจ รออีกไม่นาน หมอกลับมาพร้อมกับผลว่าเป็น strep throat (คือ ติดเชื้อ Streptococcus ที่คอ (หอย 555) มีไข้ผื่นแดง มีอาการบวมของช่องคอ และต่อมทอนซิลหลายต่อม อักเสบทำให้ต่อมทอนซิลหลายต่อมที่เป็นสีแดงและบวมกับการระคายเคือง) แล้วหมอก็สั่งยาแก้อักเสบให้ไปซื้อหาเองเอง แต่จะให้โดสนึงที่โรงบาลเลย รอแป๊บนึงพยาบาลก็เอายามาป้อนลูก 2 หลอด จากนั้นก็รออีกแป๊บพยาบาลก็เอาใบปล่อยตัวและเอกสารการดูแลคนไข้ที่บ้าน แม่ลูกก็แจ้นกลับบ้านเลย จำได้ว่าเข้าไปนั่งในรถเวลาเที่ยงคืนครึ่งพอดี ตอนมาทำใจไว้เลยว่า กว่าจะได้กลับถึงบ้านก็คงสว่างพอดี

page-732

อันนี้เป็นรอมมี่กับแจ๊คเก๊ตมีแดงที่รบเร้าให้ซื้ออยู่พักนึงแล้ว แต่มันหาไม่ได้ เพราะลูกอยากได้แบบเพลนๆ เรียบๆ สุดท้ายก็ไปเจอที่ Target แผนกเสื้อผ้าเด็กผู้ชาย ส่วนฮู้ดดี้ปีกค้างคาวนั่น แม่เอาที่รัดข้อมือไปคืน (ปวดข้อมืออีกแล้วค่ะ) เค้าคืนให้เป็นกิ๊ฟการ์ดมา รอมมี่เลยจัดการซะอย่าให้เสีย 555

page-748

แจ๊คเก๊ตสีแดงตัวจากรูปข้างบน อีหนูดีจัดการเพ้นท์แล้วเป็นอย่างในรูปค่ะ ระยะหลังมาจะขีดหน้าตาแบบนี้ไปโรงเรียน อะไรของมันไม่รู้ แม่ตามไม่ทัน ส่วนรูปสุดท้ายลูกไม่ได้ใส่เลนส์อะไรหรอกนะคะ พอทำการตรวจลาดตะเวนคอมพ์หลังลูกใช้ เจอรูปนี้ค่ะ 5555 รอมมี่ใส่เลนส์โฟโต้เฉาะ 555

page-749

ไอ้ตี้ตาแหกอีกแล้วค่ะ ตาซ้ายที่เก่าที่เดิม ไปดูรูปเก่าตรงนี้ค่ะ http://goo.gl/Egtru ตอนที่ไปดูบ้าน (ที่อยากจะซื้อ) ไอ้ตี้ก็วิ่งๆๆ สุดท้ายก็สะดุดบันได ล้มหน้าฟาดลงไป ต่อหน้าพ่อบ้านเลย ก็วิ่งไปอุ้มโอ๋กันซะ ถ้าพ่อบ้านไม่อยู่ตรงนั้น เชอะ ไอ้ตี้โดนแม่มันตีซ้ำแน่นอน ล้มฟาดลงไปที่ขั้นบันไดเลยนะคะ โชคดีไม่โดนลูกตา ฮึ่ม โมโหจริงๆ ดื้อมากๆ เดินไม่เป็น ต้องวิ่งๆๆๆ

page-750

รูปสุดท้ายสำหรับบล็อกนี้ รูปซ้ายคือสเตชั่นที่อิชั้นใช้ติดตามข่าวน้ำท่วมที่เมืองไทยค่ะ เปิดแล่ปท้อปในครัวไว้เกือบตลอดวันตลอดคือ ส่วนรูปขวาเป็นแซมเปิ้ลแก้วจิ๋วน่ารักจากสตาร์บั๊ค คือระหว่างไปเดินท่องช้อปปอ้งแบบลมๆ ที่ทาร์เก็ต ตอนรอรับยาของไอ้ตี้น่ะค่ะ ง่วงๆ เบลอๆ เดินเกาะรถเข็นไปเรื่อยๆ หนุ่มน้อยสุดหล่อคนนึงเดินตามหลังมา แมมๆ.. แมมๆ.. ก็ตกใจ ไรวะ นึกว่าเข็นรถชนอะไรเค้าหักพัง พอหันไป ไอ้หนุ่มแบกถาดแซมเปิ้ลมามีเหลืออยู่ไม่กี่แก้ว แล้วก็บอกชื่ออันยาวเหยียด จำไม่ได้หรอกค่ะว่าชื่ออะไร เต้ เฟ่ แต๊บ แฟร๊บ เลยคว้ามาแก้วนึง แต๊งส์เค้าไป พอดวดเข้าไปเต็มแรง โหหหห….. ข้อย สิ ฮาก 555 ทั้งกล้วย ทั้งซินนาม่อน 2 ตัวที่เกลียดเลย 5555 เดินหาถังขยะอยู่นานเลยค่ะ ที่เดินง่วงๆ สะลืมสะลืออยู่ ไอ้แก้วจิ๋มนั่น ทำเอาตาสว่างเลยค่ะ สุดท้ายต้องวนไปซื้อกาแฟร้อนของมันนั่นแหละ ล้างปากซะหน่อย ถึงค่อยยังชั่ว เอวัง…

The strength of a family,

like the strength of an army,

is in its loyalty to each other.

Thursday, October 20, 2011

Hospital emergency codes


Hospital Emergency Codes are used in hospitals worldwide to alert staff to various emergency situations. The use of codes is intended to convey essential information quickly and with a minimum of misunderstanding to staff, while preventing stress or panic among visitors to the hospital. These codes may be posted on placards throughout the hospital, or printed on employee/staff identification badges for ready reference.
File:WBH-Troy disaster codes.jpgBack of a hospital ID Badge showing disaster codes.
Hospital emergency codes may denote different events at different hospitals, even nearby ones. Since many physicians have privileges at more than one facility, this may lead to confusion in emergencies, so uniform systems have been proposed.

Codes by color

Note: Different codes are used in different hospitals.
[edit]Code Blue
[edit]Cardiac arrest
"Code Blue" is generally used to indicate a patient requiring resuscitation or otherwise in need of immediate medical attention, most often as the result of a respiratory arrest or cardiac arrest. When called overhead, the page takes the form of "Code Blue, (floor, (room)" to alert the resuscitation team where to respond. Every hospital, as a part of its disaster plans, sets a policy to determine which units provide personnel for code coverage. In theory any medical professional may respond to a code, but in practice the team makeup is limited to those with Advanced Cardiac Life Support or other equivalent resuscitation training. Frequently these teams are staffed by emergency department and intensive care unit physicians, respiratory therapists, and nurses, in addition to at least one attending physician, who directs the resuscitation effort and is said to "run the code." This phrase was coined at Bethany Medical Center in Kansas City, Kansas.[5] The term "code" by itself is commonly used by medical professionals as a slang term for this type of emergency, as in "calling a code" or describing a patient as "coding".
    • Australian Standard[1]
    • Californian Standard[2]
[edit]Variations
  • "Plan Blue" is used at St. Vincent's Hospital in New York City to indicate arrival of a trauma patient so critically injured that even the short delay of a stop in the ER for evaluation could be fatal; the "Plan Blue" is called out to alert the surgeon on call to immediately proceed to the ER entrance and take the patient upstairs for immediate surgery. This was illustrated in an episode of Trauma: Life in the ER entitled "West Side Stories".

[edit]Other codes

[edit]"Doctor" Codes
"Doctor" codes are often used in hospital settings for announcements over a general loudspeaker or paging system that might cause panic or endanger a patient's privacy. Most often, "Doctor" codes take the form of "Paging Dr. _____", where the doctor's "name" is a code word for a dangerous situation or a patient in crisis. e.g.: "Paging Doctor Firestone, third floor," to indicate a possible fire in the location specified.

[edit]Codes by emergency

[edit]Bomb threat
[edit]Child abduction/missing person
[edit]Combative person/assault
  • Code North: Stanford University Medical Center
  • Code Grey: Combative Person with no weapon (HASC)
  • Code Silver: Combative Person with a weapon (HASC)
  • Code Black: Personal Attack (Australian Standard Code)
  • Code White: Violent Patient (Markham Stouffville Hospital), Quebec and Ontario
  • Code Atlas: Virginia Healthcare System
  • Security Stat: Heartland Regional Medical Center
  • "Mr. Strong" to (location), at other hospitals
  • "Dr. Armstrong" to (location), at other hospitals
  • Code Yellow: Park Nicollet Methodist Hospital
  • Code Yellow: Cheyenne Regional Medical Center
  • Yellow Alert: Health Partners Regions Hospital
[edit]Evacuation
  • Code White: Texas Tech University Health Sciences Center.
  • Code Orange: Australian Standard.
  • Code Green: Quebec and Ontario
[edit]Fire
  • Usually Code Red.
    • Australian Standard.[1]
    • California Standard.[2]
  • Sometimes Dr. Red, Dr. Pyro, or Dr. Firestone.
  • Sometimes "Evacuation Bell"
Code Red. Park Nicollet Methodist Hospital
  • Dr. Red Cheyenne Regional Medical Center
    • Long Grass Health Partners Regions Hospital
Code F
  • University of Michigan Hospitals
[edit]Internal disaster
  • Code Green: Texas Tech University Health Sciences Center.
  • Code Grey: University Health Network, Toronto
  • Code Yellow: Stanford University Medical Center (old system), Australian Standard
  • Code Triage - Internal: HACS
  • Code Alert sometimes denotes disaster.
[edit]Lockdown/limited access
  • Code Orange: Ontario Used in Ontario hospitals to indicate an external disaster with mass casualties. Lockdown or controlled facility access is often used as part of the response. Volunteers, Families and Students were denied access during SARS Outbreak of 2003.
  • Code Red: Most commonly used by schools to indicate that a dangerous and/or harmful person is on campus.
[edit]Mass casualty incident
  • Code Yellow: Texas Tech University Health Sciences Center
  • "MASCAL" may also be used
  • Code 10, Code 20, or Code 99: Heartland Regional Medical Center
  • Code Orange: Calgary Health Region, Quebec and Ontario
  • Code Triage: Scripps Healthcare San Diego; Hoag Hospital Newport Beach; Seton Medical Center, Daly City, California.
  • Code 1000: Fletcher Allen Medical Center; Burlington, VT
  • Code Orange: Park Nicollet Methodist Hospital
  • Code Orange: Cheyenne Regional Medical Center
  • Orange Alert: Health Partners Regions Hospital
[edit]Severe weather
[edit]Theft/armed robbery
  • Code Amber: Texas Tech University Health Sciences Center
  • Code Amber: New Jersey Hospital Association
[edit]Total divert
  • A status sometimes called "Critical Care Bypass" (Ontario),[6] "Total Divert", "triage situation", "Saturation Alert" or "High Occupancy" (University of Michigan Health System).
  • Generally used by hospitals as a status indicator for EMS/ambulance services denoting that the issuing ER/trauma facility has reached maximum patient capacity and should not receive any more new patients if at all possible.
  • A variation on "Total Divert", called "Bypass", is used at many U.S. hospitals to indicate emergency facilities at or over maximum capacity; this variation was featured in the "Road Warriors" episode of Trauma: Life in the E.R.. As explained by a trauma nurse in the episode, the status change does not always keep new patients from arriving.
  • Can be denoted as Code Purple or Code Yellow in some hospitals.


Thank you > > http://en.wikipedia.org/wiki/Hospital_emergency_codes

10-4 ทราบแล้วเปลี่ยน : Radio Codes & Signals

ใครอยากเป็นตำรวจ ท่องโค้ดข้างล่างเข้า 5555 นี่แค่เอตัวอย่างมาให้ดูนะคะ 


http://www.bearcat1.com/radioca.htm


=============================================================================

BREVITY PATROL CODES:
10-3   Change Channels               11-10  Take A Report
10-10  Off Duty                      11-12  Loose Livestock
10-11  Idenify Mobile Freq.          11-24  Abandoned Vehicle
10-12  Computer Delay Your           11-25  Traffic Hazard
       10-29, 11-27, or 11-28        11-27  DDL Check Driver Held
10-14  Provide Escort                11-28  Registration Check, Driver Held
10-15  Prisoner in Custody           11-41  Ambulance Required
10-17  Relay Papers, Supplies, etc.  11-42  Paramedic Required (E M T)
10-23  Stand By                      11-44  Possible Fatality
10-29  Check For Wanted(person,      11-48  Provide Transportation
       Vehicle Or Object)            11-66  Defective Traffic Signals
10-37  What Time Is It?              11-78  Paramedics Dispatched
10-39  Message Or Item Delivered     11-79  Accident- Ambulance Rolling
10-97  Arrived At Scene              11-98  Officer Requires Help, Emergency
10-98  Assignment Completed          11-99  Emergency At Office

Accident- Major Injury               Code 2  Urgent
Accident- Minor Injury               Code 3  Emergency
Accident- Property Damage            Code 4  Cancel backup
Accident- No Details                 Code 20 Notify Press
Direct Traffic                       Code 33 Clear Radio Channels For
Tow Truck Required                           Emergency Traffic
Bomb Threat                "X" Used With Any Code Denotes Female Is Involved
Bomb Found                 "A" May Be Used To Designate An Abandoned Vehicle
Meet_____


California Highway Patrol Radio System Photos

=============================================================================

CONTRA COSTA COUNTY CODES:
Also used by Antioch, Concord, Pleasant Hill and Walnut Creek

Phonetic Alphabet:
A  Adam                              N  Nora
B  Boy                               O  Ocean
C  Charles                           P  Paul
D  David                             Q  Queen
E  Edward                            R  Robert
F  Frank                             S  Sam
G  George                            T  Tom
H  Henry                             U  Union
I  Ida                               V  Victor
J  John                              W  William
K  King                              X  X-Ray
L  Lincoln                           Y  Yellow
M  Mary                              Z  Zebra

Ten Codes:
10-1   Unable to copy, relocate      10-35  Current time
10-2   Signals good                  10-36  Confidential information
10-3   Stop transmitting             10-37  Identify operator
10-4   Acknowledgement               10-38  Stopping suspicious vehicle
10-5   Relay                         10-39  Current status
10-6   Busy, stand-by                10-40  Is____available for a call?
10-7   Out of service                10-41  Beginning tour of duty
10-7B  Out, personal                 10-42  Call doctor
10-7OD Off duty                      10-43  Call doctor
10-7X  Out on portable               10-44  Request permission to leave
10-8   In service                    10-45  Condition of patient
10-9   Repeat                        10-45A Condition good
10-10  Home                          10-45B Condition serious
10-11  Dog case                      10-45C Condition critical
10-12  Visitors present              10-45D Condition deceased
10-13  Weather and road report       10-48  Traffic standard repair
10-14  Report of prowler             10-49  Proceed on route to_______
10-15  Prisoner in custody           10-50  Traffic addicent - F, PI, PD
10-15X Female prisoner in custody    10-51  Drunk
10-16  Pick up                       10-52  Drunk
10-17  Meet complainant              10-53  Person down
10-18  Complete assignment quickly   10-54  Possible dead body
10-19  Return to station             10-55  Coroner's case
10-20  Location                      10-56  Suicide
10-21  Telephone                     10-56A Attempt suicide
10-22  Disregard                     10-57  HIt & Run -- F, PI, PD
10-23  Stand-by                      10-58  Direct traffic
10-24  Assignment completed          10-59  Security check
10-25  Report in person to_______    10-61  Personnel in area
10-26  Clear                         10-62  Meet a citizen
10-27  Wanted                        10-63  Copy a message
10-27V Vehicle code warrant          10-64  Message for local delivery
10-27M Misdemeanor warrant           10-65  Net message assignment
10-27F Felony warrant                10-66  Suspicious person
10-28  Vehicle registration          10-67  Person yelling for help
10-29  Warrant/wanted check          10-68  Dispatch information
10-30  Illegal use of radio          10-69  Message received
10-31  Crime in progress             10-70  Prowler
10-32  Man with gun                  10-71  Shooting
10-33  Alarm sounding                10-72  Knifing
10-34  Open door/window              10-73  How do you copy
                                     10-74  Negative

Welfare & Instution Codes:
601  Incorrigible
602  Delinquent
5150  Mental Case
5170  Alcoholic

General Codes:

Code 1   Your convenience
Code 2   Urgent
Code 3   Emergency
Code 4   No further assistance
Code 5   Steakout
Code 6   Foot patrol
Code 7   Mealtime
Code 9   Roadblock
Code 10  Bomb threat
Code 21  Jail emergency
Code 33  Clear radio channel - Emergency traffic only
Code 666 Countywide emergency felony roadblock

=============================================================================

CRIMINAL CODES:
Penal Code Numbers (often used across CA as dispatch codes)

148    Resisting Arrest              459   Burglary
148.1  Making A False Bomb Threat    466   Possession Of Burglary Tools
148.4  Tampering With Fire Alarms    470   Forgery
148.5  Making A False Police Report  476a  Check Fraud
187    Homicide                     484b-i Credit Card Fraud (various)
192    Manslaughter                  487   Grand Theft (exceeding $400)
203    Mayhem                        488   Petty Theft
207    Kidnapping                    496   Receiving Stolen Property
211    Robbery                       502   Computer Fraud
240    Assault                       503   Embezzlement
242    Battery                       537   Defrauding An Innkeeper
244    Assault W/Caution Chemicals  538d-e Impersonating Police/Fire officer
245    Assault W/Deadly Weapon       594   Malicious Mischief
246    Shooting At A Dwelling        597   Cruelty To Animals
261    Rape                          602   Trespass / Fraud
266H   Pimping                       603   Forcible Entry
266I   Pandering                    636.5  Illegal Use Of Scanner To
272    Contributing To The Delin-          Commit Crime
       quency Of A Minor             647   Disorderly Conduct
288    Lewd Acts With A Minor       647f   Intoxication
314    Indecent Exposure            653m   Obscene Phone Calls
374a-e Littering                  12022.5  Use Of Weapon To Commit Crime
402    Impeding Rescue Effects     12031   Carrying A Loaded Firearm
415    Disturbing The Peace
417    Brandishing A Weapon
451    Arson

Health & Safety Code (H & S)          Welfare & Institutions Code

11351   Possession Of Drugs For Sale  11359  Marijuana For Sale
11357   Possession Of Drugs           11500  Narcotics Violations
11358   Culivation                    11590  Registrant
                                      223489 Maximum Speed Limit, 55 Mph
Vehicle Codes (V C)                   22350  Unsafe Speed For Prevailing
                                             Conditions
10851   Stolen Vehicle                23112  Littering
10852   Tampering With Vehicle        23122  Possession Of Open Container
12500   Driving Without A License     23123  Storage Of Open Container
12951a  Driver's License not In Poss. 23152a Misdemeanor
                                      23153a Felony
12951b  Driver's License Refusal      40508  Failure To Appear (F T A)
        To Display
20001   Hit & Run Injury (felony)
20002a  Hit & Run Property Damage
21703   Following Too Closely
21706   Following Emergency Vehicles
22500ak Illegal Parking


California Highway Patrol Radio System Photos

=============================================================================

HIGHWAY PATROL CHP CODES:

31     False Info To Officer         22348A Exceeding Max Speed
4000A  Uregistered Vehicle           22350  Unsafe Speed
40302B Refusing To Sign              22450  Running Stop Sign
       Promise To Appear             22500  Illegal Parking
10851  Auto Theft                    23103  Reckless Driving
10852  Tampering W/ Vehicle          23109A Speed Contest
12500A Unlicensed Driver             23109B Exhibition Of Speed
14601  Driving On Suspended          23110  Person Throwing Objects
       License                              At Vehicles
20001  Hit & Run Causing             23152  Driving While Intox
       Bodily Injury                 23153  Felony Drunk-Driving, Injury
20002A Hit & Run Causing                    Involved
       Property Damage               23222  Open Liquor Container In
21453A Running Red Light                    Vehicle
21650  Driving On Wrong Side         23224  Person Under 21 With Open
       Of Roadway                           Liquor Caontainer
21658A Unsafe Land Change            23225  Driver W/ Open Container




CHP 10 CODES:

10-1    Reception good               10-36F  Confidential info - poss armed
10-2    Reception poor               10-36M  Confidential info - Misd. Warrant
10-4    Message received             10-37   What time is it?
10-5    Relay message                10-39   Message/item delivered
10-6    Busy; stand-by               10-97   Arrived on scene
10-7    In service                   10-98   Assignment completed
10-8    In service                   11-10   Take a report
10-9    Repeat last transmission     11-24   Disabled vehicle
10-10   Off duty                     11-25   Roadway hazard
10-11   Identify mobile frequency    11-26   Disabled vehcile; occupied
10-13   Advise road/weather cond.    11-27   DDL (License Check)
10-14   Provide escort               11-41   Ambulance requested
10-15   In custody                   11-44   Possible fatality
10-17   Relay papers                 11-66   Defective traffic signals
10-19   Returning or return to_____  11-79   Accident, ambulance rolling
10-20   Location requested           11-80   Accident, major injuries
10-21   Telephone ________           11-81   Accident, minor injuries
10-22   Disregard                    11-82   Accident, property damage
10-23   Stand-by                     11-83   Accident, no details
10-28   Request for registration     11-84   Direct traffic
10-29   Check for wanted             11-85   Tow truck requested
10-30   Improper radio traffic       11-86   Bomb threat
10-31   Attempted suicide            11-87   Bomb found
10-35   Code 2 backup                11-98   Meet at ________
10-36   Confidential information     11-99   Officer requires help, emergency
                                     Code 2  Urgent
                                     Code 3  Emergency
                                     Code 5  Stake-out
                                     Code 20 Notify press
                                     Code 33 Radio clearance





ขนมโตเกียว

ไปอ่านเจอมา น่าสนใจมากๆ เลยเอามาแบ่งกันอ่านค่ะ
ขอขอบคุณ > > http://lamb.exteen.com/20090802/entry


*คำเตือน ข้อความต่อไปนี้เป็นการใช้ข้อมูล ผนวกกับพลังจินตนาการแบบพยายามใช้เหตุผลประกอบ (แปลเป็นไทยแบบง่ายๆ ว่า “มั่ว”) ดังนั้น อย่าไปเชื่อถือให้มากนักเด้อ q(- - )p
"ขนมโตเกียว" ชาวญี่ปุ่นมาเมืองไทยก็คงงงและประหลาดใจเมื่อเจอกับขนมชื่อนี้ ส่วนชาวไทยไปญี่ปุ่นถามหาขนมชนิดนี้เท่าไหร่ก็ไม่มีวันเจอ
แล้วตกลงมันขนมไทยหรือญี่ปุ่นกันฟะนี่??
ขอแยกข้อสันนิษฐานการเกิดขนมโตเกียวเป็น 2 ข้อครับ
1. เป็นขนมไทย
เป็นขนมที่คนไทยประดิษฐ์คิดค้นขึ้นมาเอง แล้วตั้งชื่อตามเหตุการณ์ หรือสถานที่ที่กำลังโด่งดัง ยกตัวอย่างเช่น กรณีลอดช่องสิงคโปร์ ขายที่หน้าโรงหนังสิงคโปร์ แต่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับประเทศสิงคโปร์เลย หรือกรณีรถสามล้อเครื่องสกายแลปของทางภาคอีสาน ก็ได้ชื่อมาจากการส่งสถานีอวกาศ Skylab ของ NASA ขึ้นสู่อวกาศในช่วง พ.ศ. 2522 ทั้งๆ ที่รูปร่างก็ไม่ได้เหมือน Skylab เลย
ดังนั้น ช่วงที่ทำขนมนี้ขึ้นมา อาจมีเหตุการณ์อะไรเกี่ยวกับโตเกียวที่กำลังโด่งดัง เลยหยิบยกมาตั้งเป็นชื่อขนมจะได้แปลกใหม่และติดหู
โดยส่วนตัวคิดว่าไม่น่าใช่ข้อนี้ น่าจะเป็นข้อต่อไปมากกว่า...
2. เป็นขนมญี่ปุ่น แต่ดัดแปลงให้ถูกปากคนไทย
เมืองเกียวโต... นอกจากเป็นเมืองหลวงเก่าแล้ว ยังเป็นแหล่งขึ้นชื่อเรื่องขนมญี่ปุ่นอีกด้วย เมื่อหลายปีก่อนได้ดูรายการท่องเที่ยวของญี่ปุ่นพาไปกินขนมในเมืองเกียวโต ก็พบกับขนมที่มีรูปร่างและวิธีทำคล้ายกับขนมโตเกียวของไทย ประมาณนี้...
ไอ้นี่แหละ ใช่เลย!!
จากการสืบค้นข้อมูลเท่าที่ทำได้ พบว่าเกียวโตมีขนมที่มีส่วนประกอบเป็นแผ่นแป้งคล้ายแพนเค้กแบบนี้หลากหลายชนิด ส่วนใหญ่เป็นแป้งแผ่นเดียวแล้วพับหรือม้วน ข้างในยัดไส้ถั่วแดงกวน ไม่ก็เผือกมันตามสไตล์ญี่ปุ่น

ขนมปลา Ayu

ขนมจากย่าน Gion
ที่มา: http://kyoto-wagasi.com/
ส่วนชนิดที่พวกเรารู้จักกันดีจะมีแผ่นแป้ง 2 แผ่นประกบติดกัน นั่นคือ โดรายาคินั่นเอง~~
(โดราเอม่อน~~ ขอของวิเศษไปแก้แค้นไจแอนท์หน่อย~~ )
คาดว่าในช่วงที่การค้าไทย-ญี่ปุ่นกำลังเฟื่องฟูมีห้างไดมารุและบันไดเลื่อนแห่งแรกในไทย (พ.ศ. 2507) ขนมเหล่านี้คงหลั่งไหลเข้ามาพร้อมกับสินค้าญี่ปุ่น ต่อมาชาวไทยที่ได้เห็นขนมโก้หรูจากเมืองนอกก็ลองไปทำเลียนแบบ หะแรก คงตั้งชื่อว่าขนมเกียวโตตามแหล่งผลิตขนมที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น ภายหลังเพี้ยนมาเป็นขนมโตเกียว (เพราะคนไทยรู้จักแต่โตเกียว)
ในการลองทำช่วงแรกๆ ได้ดัดแปลงใช้สังขยาและครีมคัสตาร์ทเป็นไส้แทนถั่วแดงกวนเพื่อให้ถูกปากคนไทย ต่อมาจึงริเริ่มใส่ไส้กรอก* และไข่นกกระทาเข้าไปจนกลายมาเป็นขนมโตเกียวของไทยเราทุกวันนี้

ที่มา: http://topicstock.pantip.com
*คาดว่าไส้ไส้กรอกมาทีหลัง เพราะห้างหุ้นส่วนจำกัด ไทยซอสเซส (ตราหมูสองตัว) ก่อตั้งเมื่อพ.ศ. 2506  และกว่าที่ไส้กรอกบ้าน ๆ ถูก ๆ สีแดงสดจะเป็นที่แพร่หลายก็คงกินเวลาอีกหลายปี นอกจากนี้ สมัยแรกที่เห็นขนมโตเกียวจำได้เลาๆ ว่ามีขายเฉพาะไส้สังขยาสีส้ม สีเขียวเท่านั้น
ถ้าถามอีกทีว่าเป็นขนมของประเทศไหน ? ก็คงตอบว่าของไทยเราเองนี่แหละ!! แต่ได้รับอิทธิพลมาจากขนมญี่ปุ่นและแต่งเนื้อแต่งตัวจนกลายเป็นขนมไทยเต็มตัว
---------------------------------------------
อันที่จริงแล้ว... ขนมญี่ปุ่นประเภทนี้ก็ไม่ได้เป็นของญี่ปุ่นดั้งเดิมแต่อย่างไร เป็นขนมที่ได้รับอิทธิพลมาจากชาวโปรตุเกส (แบบเดียวกับขนมเบื้อง ทองหยิบ ฝอยทองของไทยเรา) การเข้ามาของชาวโปรตุเกสในยุค Muromachi (ค.ศ. 1543) ได้นำวัฒนธรรมต่างๆ เข้ามาเผยแพร่มากมาย รวมไปถึงอาหารและขนมตะวันตก เช่น เทมปุระ ขนมปัง คุกกี้
ขนมญี่ปุ่นดั้งเดิม (和菓子 - wagashi) มีส่วนผสมหลักคือ แป้ง ถั่ว วุ้น น้ำตาล ส่วนขนมหวานสไตล์ตะวันตก (南蛮菓子 - nanbangashi) มีจุดกำเนิดในแถบนางาซากิซึ่งเป็นเมืองท่าแห่งเดียวที่เปิดให้ชาวต่างชาติเข้ามาค้าขาย ขนมหวานสไตล์ตะวันตกที่มีชื่อเสียง คือ ขนม Castella มาจากภาษาโปรตุเกสว่า Pao de Castela (หมายถึง ขนมปังจาก Castile) ทำจากแป้งสาลี น้ำตาล ไข่ เป็นหลัก ต่อมาจึงได้มีการปรับเปลี่ยนรสชาติให้เข้ากับชาวญี่ปุ่นมากขึ้น
สำหรับโดรายาคิ จัดเป็นขนมเกิดใหม่ที่ยังมีอายุน้อย โดยมีจุดกำเนิดในยุค Taisho ปีค.ศ. 1914 ชื่อของโดรายาคิ (銅鑼焼き) ได้ชื่อมาจากรูปร่างที่เหมือนกับฆ้อง (銅鑼 = ฆ้อง) แต่ในแถบเกียวโตขนมชนิดนี้มีชื่อว่ามิคะซะ (三笠) เพราะมีรูปร่างเหมือนภูเขามิคะซะในเมืองนารา

ว่ากันว่า แป้งของโดรายาคิและขนมประเภทนี้ดัดแปลงสูตรมาจากขนม Castella นอกจากนี้วิธีการทำขนมที่ต้องใช้กระทะแบนขนาดใหญ่ (Griddle) ก็ไม่ใช่วัฒนธรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่น เหล่านี้เองเป็นสิ่งที่บ่งชี้ได้อย่างดีว่าขนมญี่ปุ่นหลายชนิด ได้อิทธิพลมาจากชาวตะวันตก
ไหงมาออกเรื่องโดรายาคิได้ล่ะเนี่ย...
ปล. จะว่าไป.. ตอนที่เห็นขนมโตเกียวครั้งแรก ๆ ก็ช่วง ป.6 - ม. ต้นนี่หว่า... แสดงว่ามันอาจจะไม่ได้เก่าแก่มากมากมายอย่างที่ผมมั่วก็ได้ เหอะๆๆ
ปล.2 ถ้าใครมีข้อมูลอะไรเพิ่มเติมก็ comment มาได้นะครับ จะได้เป็นเบาะแสเพิ่มเติม
ปล.3 อย่าลืมอ่านคำเตือนน่อ :P


วิตามินไม่ต้องกินทุกวัน

วิตามินไม่ต้องกินทุกวัน
วิตามินไม่ต้องกินทุกวัน (หมอชาวบ้าน) ที่มา kapook.com

คุยกับหมอ 3 บาท นพ.พินิจ ลิ้มสุคนธ์
 
           วิตามินเป็นสารอาหารที่มีความจำเป็นต่อชีวิต แต่ต้องการปริมาณน้อยเป็นมิลลิกรัมหรือไมโครกรัมต่อวัน ร่างกายจะนำวิตามินแต่ละชนิดไปสร้างสารช่วยเร่งปฏิกิริยาเคมีต่าง ๆ ในร่างกาย
           ปกติแล้วสิ่งมีชีวิตสามารถสังเคราะห์วิตามินบางชนิดได้อย่างเพียงพอ ขณะที่บางชนิดก็จำเป็นต้องได้รับจากอาหาร คนและสัตว์ต้องการวิตามินอย่างน้อย 13 ชนิดจากอาหารเพื่อการเจริญเติบโตและการทำงานที่ปกติ เราจำแนกวิตามินออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ วิตามินที่ละลายได้ในน้ำ และวิตามินที่ละลายได้ในไขมัน (มีอยู่ 4 ชนิดเท่านั้นคือ วิตามินเอ ดี อี และ เค)
วิตามินกลุ่มที่ละลายได้ใน "น้ำ"
วิตามินที่ละลายได้ในน้ำ ได้แก่ วิตามินบีต่าง ๆ และวิตามินซี
วิตามินบี 1 พบมากในธัญพืช ข้าวซ้อมมือ นม และเนื้อสัตว์
ถ้าขาด จะทำให้เป็นโรคเหน็บชา มือเท้าอาจจะบวม อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร วิงเวียน ไม่มีแรง และอาจทำให้เกิดภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน
วิตามินบี 2 พบมากในนม เนื้อสัตว์และพืชผักใบเขียว
ถ้าขาดจะเป็นโรคปากนกกระจอก คือมีแผลที่มุมปาก ลิ้นอักเสบ เยื่อบุตาอักเสบ เจริญเติบโตช้า
วิตามินบี 3 (ไนอาซิน) พบมากในนม ไข่ เนื้อสัตว์
ถ้าขาด จะทำให้ผิวหนังอักเสบ ท้องเดิน และสมองเสื่อม
วิตามินบี 4 (กรดแพนโทรเทนิก) ช่วยในการสร้างเซลล์และลดความเครียดพบในอาหารเกือบทุกชนิดทั้งจากพืชและสัตว์ จึงไม่ค่อยพบการขาดวิตามินชนิดนี้
วิตามินบี 6 พบมากในเนื้อสัตว์ ถั่วลิสง จมูกข้าวสาลี ผักและผลไม้ ช่วยการทำงานของระบบประสาทและการสร้างเม็ดเลือด
ถ้าขาด จะอ่อนเพลีย โลหิตจาง ชาปลายมือ ปลายเท้า
วิตามินบี 12 ช่วยทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง พบได้ทั่วไปในผลิตภัณฑ์อาหารจากสัตว์ทุกชนิด (เนื้อสัตว์ นม เนย) ร่างกายมีความต้องการในวันหนึ่งๆ ต่ำมากในระดับไมโครกรัม จึงมีเก็บสะสมไว้ที่ตับเป็นจำนวนมาก เพียงพอที่จะใช้ได้นาน
           คนปกติมักไม่ขาดวิตามินนี้ แต่คนที่เป็นโรคบางอย่างจะทำให้ดูดซึมวิตามินนี้ไม่ได้ เมื่อขาดจะทำให้เกิดโลหิตจางที่รุนแรง อาจทำให้สมองและไขสันหลังพิการ
ไบไอทิน ช่วยในการเจริญเติบโต แบคทีเรียในลำไส้ของเราสามารถสังเคราะห์วิตามินนี้ได้อย่างเพียงพอต่อความต้องของร่างกาย จึงไม่ค่อยพบการขาดวิตามินชนิดนี้
กรดโฟลิก แบคทีเรียในลำไส้ก็สามารถสังเคราะห์ได้เพียงพอกับความต้องการ
วิตามินซี วิตามินยอดนิยมโดยเฉพาะบรรดาวัยรุ่นเพราะมุ่งผลด้านผิวพรรณ ซึ่งวิตามินซีมีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และยังช่วยเสริมภูมิต้านทาน ช่วยในการสร้างผิวหนัง กระดูก ฟัน และหลอดเลือด
ถ้าขาด จะเป็นโรคลักปิดลักเปิดหรือเลือดออกตามไรฟัน เหงือกบวม ฟันหลุดง่ายๆ ปวดข้อ ข้อบวม แผลหายช้า ร่างกายติดเชื้อง่าย
วิตามินกลุ่มที่ละลายได้ใน "ไขมัน"
วิตามินเอ พบมากในนม ตับ-ไข่แดง ผักใบเขียวและใบเหลืองรวมทั้งผลไม้ที่มีสีเหลืองหรือส้ม ช่วยในด้านการมองเห็นและการสร้างเนื้อเยื่อผิวหนัง
ถ้าขาด จะเป็นโรคตาบอดกลางคืน เยื่อบุตาและกระจกตาอักเสบ ตาแห้ง ผิวแห้งแข็ง ถ้าได้รับมากเกินไปจะเป็นพิษทำให้ปวดศีรษะ ปวดในกระดูก ผิวหนัง หลุดลอกและผมร่วง
วิตามินดี พบมากในตับ นม ไข่ เนื้อสัตว์ ร่างกายสามารถสังเคราะห์ได้เพียงพอกับความต้องการใช้ ถ้าผิวหนังได้รับแสงแดดที่พอเหมาะเป็นประจำ
ถ้าขาด จะเป็นโรคกระดูกอ่อน ชักและกล้ามเนื้อเกร็ง ถ้าได้รับมากเกินไปจะเป็นพิษ ทำให้วิงเวียน เบื่ออาหาร ปัสสาวะบ่อย ท้องเดิน ระดับแคลเซียมในเลือดสูงซึ่งอาจเกาะกับเนื้อเยื่อต่างๆ เช่น หลอดเลือด หลอดลม ไต
วิตามินอี พบมากในน้ำมันพืช เนยเทียม ถั่ว และผักใบเขียว
ถ้าขาด จะเกิดผลเสียต่อระบบกล้ามเนื้อ ระบบประสาท หัวใจแหลอดเลือดเกิดโลหิตจาง กล้ามเนื้อลีบ ถ้าได้รับมากเกินไปจะทำให้ปวดศีรษะ กล้ามเนื้ออ่อนล้าตาพร่ามัว ท้องเดิน
วิตามินเค พบมากใน ผัก ไข่แดง โยเกิร์ต ช่วยในการแข็งตัวของเลือดและบำรุงกระดูกและฟัน ปกติแล้วเชื้อแบคทีเรียในลำไส้สามารถสังเคราะห์ได้อย่างเพียงพอ
           เหตุที่ต้องบรรยายยืดยาวในเชิงวิชาการเช่นนี้เพราะปัจจุบันพบว่าการตลาดของสินค้าสุขภาพและอาหารเสริมในบ้าน เรามักจะโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้กินวิตามินกันมาก ๆ เพราะมีประโยชน์ ร่างกายจะได้แข็งแรง มีการแข่งขันกันหลายยี่ห้อว่าของตัวเองมีวิตามินเกลือแร่อยู่หลายชนิดแค่อ่านฉลากข้างขวดก็มากมายจนมึนแล้ว การให้ข้อมูลเพียงด้านเดียวคือประโยชน์แต่ไม่ได้กล่าวเน้นถึงปริมาณความต้องการที่เหมาะสมกับร่างกายของแต่ละบุคคล รวมทั้งโทษของการได้รับสารเหล่านี้มากเกินไปอาจทำให้เกิดโทษตามมาได้
นอกจากนี้ วิตามินที่ได้มาจากการสังเคราะห์ย่อมปลอดภัยน้อยกว่าวิตามินที่ได้รับจากอาหารตามธรรมชาติ (ที่ถูกสุขอนามัย) คนทั่วไปที่กินอาหารได้ตามปกติครบทั้ง 5 หมู่ จะได้รับวิตามินต่าง ๆ เพียงพออยู่แล้ว แต่ถ้าอายุมากขึ้น กินอาหารได้น้อย หรือกินอาหารไม่ครบถ้วนเพียงพอ ก็สามารถเสริมวิตามินเพิ่มได้แต่ต้องเป็นปริมาณที่เหมาะสมกับความต้องการของแต่ละบุคคลจึงจะไม่เกิดโทษ เช่น คนปกติทั่วไปที่ส่วนใหญ่ได้อาหารครบอาจกินวิตามินแบบรวมสัปดาห์ละครั้ง หรือวันเว้นวันก็ได้ โดยให้เลือกที่จำเป็นและเหมาะสม
           ถ้าเปรียบร่างกายเป็นรถยนต์ อาหารที่ต้องกินทุกวันก็เหมือนกับเชื้อเพลิงที่ใช้ขับเคลื่อนรถยนต์โดยตรง ซึ่งต้องหมั่นเติมอยู่ตลอด ส่วนวิตามินเปรียบเหมือนน้ำมัน เครื่องช่วยหล่อเลี้ยงเครื่องยนต์ให้ทำงานดีขึ้น จึงไม่สิ้นแปลงมาก นาน ๆ ก็เติมที ดังนั้น ในคนปกติจึงไม่จำเป็นต้องกินวิตามินเสริมมากจนเกินไปเพราะอาจเกิดโทษได้

ขอขอบคุณข้อมูลจาก