Saturday, November 21, 2015

อะไรอยู่ในกระเป๋า หนัก ship หาย

แบกไปแบกมา หนักจังเลย ทั้งๆ ที่ช่วงนี้เลือกใช้แต่กระเป๋าที่น้ำหนักเบา คือ กระเป๋าลิง Kipling เป็นหลัก เปลี่ยนไปมาเป็น กระเป๋าลิงตลอด เยิ่นเย้อนะ มาดูกันค่ะ ช่วงนี้แบกอะไรบ้าง

20151119_113032

กระเป๋าที่ใช้คือรุ่น Gabbie หน้าตาและฟังก์ชั่นจะดูคล้ายๆ Europa แต่ขนาดเล็กกว่านิดหน่อยค่ะ

20151119_113945

สิ่งแรกที่รื้ออกมาคือ ถุงมือค่ะ ช่วงนี้อากาศหนาวแล้ว ก็ต้องพกไว้เสียหน่อย เป็นถุงมือแบบไม่หนามาก ขับรถสะดวก ยัดใส่กระเป๋าเสื้อไม่กินที่ ส่วนที่เห็นด้านขวา คือ ..เรียกไรวะ 5555 มันเป็น sleeve สำหรับใส่กระป๋องน้ำอัดลม ขวดเครื่องดื่ม ติดกระเป๋าไว้ เป็นของลูกชายค่ะ เพราะไปไหนมาไหนกับลูกชาย เวลาหนาวๆ ถือกระป๋องเย็นๆ นานๆ มันทารุณ

20151119_114132

เครื่องดื่มและสแน๊ค ที่….น่าจะดีต่อสุขภาพ 5555 คุณสามีจัดหามาให้ค่ะ ถั่วนั่นกินตอนแรก ก็ แหงะ ..ไม่ติดอกติดใจอะไร เซ็งๆ เพราะมันกร่อยๆ ไม่มีเกลือ แต่พอกินนานๆ ไป ก็โอเคเลยนะคะ อร่อย เพลินดี ซื้อทีละถุง 2 ถุง พอค่ะ อย่าตุน มันเก่า สาบ ไม่อร่อย ส่วนน้ำทับทิมขวดนี้ผสมบลูเบอรี่ ชอบค่ะ ชอบรสนี้ กับรสทับทิมเพียวๆ ถ้าไม่ลืม ก็จะตัก Chia Seeds ใส่ลงไปซัก 2 ช้อนโต๊ะ เขย่าๆ แช่ตู้เย็นค้างคืนไว้ ตอนเช้าขับรถไปทำงาน ดื่มไปสดชื่นดี และแก้ท้องร้องจ้อกๆ ได้ด้วย รวมทั้ง สบายท้อง ดีต่อระบบระบบขับถ่ายค่ะ

20151119_121637

ยาที่กิน ณ ปัจจุบัน Tradjenta เป็นยาเบาหวานตัวใหม่ เป็นตัวอย่างที่หมอให้มา ยังไม่ได้ซื้อเอง ยังไม่รู้จะแพงหูขาดขนาดไหน ยังลุ้นอยู่ค่ะ ส่วนกล่องทางซ้ายมือ เป็นยาแบบเคี้ยวที่ช่วยลดแก๊ส เคี้ยวซัก 1 เม็ด เวลารู้สึกอืดๆ กระอักกระอ่วน มวนในท้อง อึดอัด คือ คิดว่าถ้าตดๆๆๆ เรอๆๆๆ 555 คงจะสบายเนื้อสบายตัวขึ้น ยานี้ช่วยได้ค่ะ

20151119_121725

กระเป๋าตังค์ กระเป๋าเหรียญ เพิ่งเปลี่ยนมาใช้กระเป๋าตังค์ใบใหญ่ คือเปลี่ยนไปมา เมื่อนึกอยากเปลี่ยนค่ะ ก่อนหน้านี้ใช้กระเป็นตังค์ใบเล็ก พวกการ์ดต่างๆ ก็ต้องใส่ในกระเป๋าการ์ดต่างหาก พอใช้ใบใหญ่ ทุกๆ อย่างสามารถเข้าไปอยู่รวมกันในใบเดียว แต่เวลาใช้กระเป๋าถือ (สะพาย) ใบเล็ก กระเป๋าตังค์ยาว …ใช่ไม่ได้ค่ะ

20151119_121744

ไอ้สาเหตุที่กระเป๋าหนัก ต้องเป็นเหรียญพวกนี้แน่ๆ เดี๋ยวเอาไปเทใส่กระปุกให้ลูกค่ะ

20151119_122450

หนักสุดก็ไอ้ก้อนนี้แน่นอนค่ะ 15000mAh External Battery Power Bank เฮ่อออออ…. โทรศัพท์เก่าแล้ว แบตหมดเร็ว ก็ต้องพึ่งเจ้านี่แหละค่ะ มีสายเชื่อมต่อ 2 อัน สีเทาของลูกสาว สีขาวของแม่ค่ะ พกไว้ แบ่งกันใช้

20151119_122639

มาถึงหมวด utility 555 ในกระเป๋าซิปนั่นมีที่ตัดเล็บ กรรไกรแหลมเปี๊ยว เทปวัด อะไรๆ อีกนิดหน่อย ลืมเทออกมาถ่ายรูปค่ะ ส่วนข้างบนสีแดงๆ นั่นก็เป็นเทปวัดอีก 5555 แบบเทปโลหะนะคะ สีขาวๆ ติดกันนั่นเป็นที่ขูดล๊อตโต้ แต่พอซื้อล๊อตโต้ ควักเหรียญออกมาขูดทุกที ส่วนอีหน้าประหลาดนั่น เป็นกระเป๋ายางใสเหรียญ ที่เวลาจะเปิดใช้บีบให้มันอ้าปากน่ะค่ะ แต่อิชั้นเอามาใส่ผ้าเช็ดแว่นค่ะ อันเขียวขวาบน เป็นคัตเตอร์ เอาไว้เปิดถุงขนม แกะกล่อง สารพัดให้ลูกค่ะ สีแดงๆ ที่ติดกันเป็นที่เปิดขวด ส่วนสีเขียวตรงกลางด้านล่าง เป็น ที่ตั้งกล้องที่ใช้ครอบปากขวดต่างๆ ได้เลย สะดวกพกพาดีค่ะ

20151119_123611

อันนี้ก็ … เห็นแล้ว เซ็ง ปากก็มีอยู่ปากเดียว พกลิปสติก ตั้ง 4 แท่ง 5555 ทั้งหมดเป็นลิปสติกสีด้วยนะคะ ไม่ใช่ลิปมัน ลิปบาล์ม แล้วก็มีโลชั่นหลอดเล็ฏ กับ dry body oil ของดีราคากูก ทาแล้วไม่เมือกมัน เหมือนเบบี้ออยทั่วๆ ไป สเปรย์ใส่มือ ปิ๊ดๆ 3-4 ที ลูบมือ แป๊บๆ ก็แห้งหายไป ชุ่มชื้นดี ลูบแขนลูบขาก็สะดวกค่ะ ทีแรกไม่ชอบกลิ่น กลิ่นแป้งเด็กที่หอมมากๆ นานๆ ไป ก็เฉยๆ ชิน ชอบค่ะ ซื้อตอนเค้าลดเหลือขวดละเหรียญเดียว เลยตุนมาไว้ครึ่งโหลเลย

page mama 333

ผ้าพันคอผืนใหญ่ เป็นแบบบางนะคะ พับแล้วเหลือนิดเดียว จะหน้าหนาว หน่าร้อน ก็พกไว้ซักผืนนึงค่ะ บางทีไปหาหมอ ไปดูหนัง อากาศเย็นๆ ก็พอช่วยได้ แต่ตอนนี้อากาศเย็นแล้ว It’s a must เลยนะคะ เป็นแบบอุ่นๆ หนาๆ ก็จะดีเลยค่ะ

20151119_130457

อะไร อะไร อาร้ายยย….. อะไรกันมากมาย 5555 กระดาษเช็ดแว่น นอกนั้นก็ไว้เช็ดมือ

20151119_134430

ยา ยา ยา ยาอีกแล้ว หลอดขาวเล็ก ยาทาสิว ปวดๆ หนึบๆ คาดว่าสิวจะขึ้น ก็เอามาแตะๆ ซะหน่อย มีเยอะเลย ตัวอย่างยา เวลาไปหาหมอผิวหนังเค้าให้มา ส่วนหลอดใหญ่ ยักษ์ๆ ซึ่งแพงมาก หมอสั่งให้ ยกให้ลูกสาวใช้ค่ะ สีฟ้าสองอันทั้งขวดและตลับ คือ Alli ยาดักไขมันค่ะ มื้อไหนมูมมามปากมันก็กินเข้าไปพร้อมอาหาร 1 เม็ด Talconex เป็นขนาดตัวอย่างอีกค่ะ เป็นยาทาสะเก็ดเงินค่ะ แพงระยับ ประกันไม่จ่ายอีกเช่นกัน เมื่อก่อนใช้ประกันอีกบริษัทนึง เค้ายอมให้ใช้ยาแพงๆ ทุกอย่าง แต่ประกันอันใหม่ งก ชั่ว ยิว อะไรๆ ก็ไม่ได้ อาศัย คุ้นเคยกับหมอ เค้าก็ขนให้มาทีละ 5-6 ขวด รู้สึกคันๆ เกาแล้วหนังลอก ก็ทาเข้าไป เริ่ดค่ะ Cortizone-10 นั่นก็แจ่มมาก คันๆ ก็ทาเข้าไป เม็ดสีชมพู Benadryl แก้ภูมิแพ้ แก้คัน พกไว้ตลอดเช่นกัน แต่โรคภูมิแพ้ที่เป็นตลอดชีวิตกินยาอย่างอื่นนะคะ ไม่ได้พกพา ติ่งขวาล่างเป็นหมากฝรั่ง เคี้ยวพอหวานๆ เวลามึนๆ น้ำตาลตกค่ะ

20151119_134608

Utility อีกกองนึง ลายๆ นั่นกระจกพับพกพา ตะไบ แหนบ ปากกา ส่วนบัตรสีฟ้านั่นมียางดำๆ คาดอยู่ คือ Stylus สำหรับใช้กับโทรศัพท์ Tablet ค่ะ แบนๆ พกงาย  แล้วก็มีคลิป และพัดขนาดเล็กจากเมืองไทย รักมาก แข็งแรง ทนทาน ส่วนเจ้าพวงเขียวๆ ดำๆ อันนั้น เป็น Bluetooth Wireless Remote Control Shutter ค่ะ

20151119_134819

กุญแจบ้าน กุญแจรถ ส่วนไอ้พวงกุญแจสีชมพู ซื้อมาทำไม งงกับตัวเอง ยังหาประโยชน์ไม่ได้ ยังไม่ได้ใช้ แต่ก็แบกไปมาด้วยทุกวัน 5555

20151119_134944

สีแดง คือซองใส่คูปองต่างๆ กระดาษขาวๆ นั่นเป็นเอกสารจากหมอ เปลือกโทรศัพท์ ซื้อให้น้องสะใภ้ แต่ซื้อผิด ชอบซื้อของจากร้านดอลลาร์ คืออะไรๆ ก็ราคาเท่ากันหมด 1 เหรียญ น้องเค้าฝากซื้อ พอซื้อผิด จะเอาไปคืนก็ไม่ได้ไปซักที จะเอาออกโยนนอกกระเป๋าก็ลืม ก็แบกไปมาอยู่อย่างนี้แหละ

page mama 334

ท้ายสุด สุดท้าย คือ Purse organizer ที่ใช้ประจำ รูปทางขวาคือเอายัดเข้าไปในกระเป๋า ลายจุดเหมือนกันเลย 5555 ที่เล่ามาทั้งหมด สรุป ไม่ได้แก้ปัญหากระเป๋าหนักอะไรเลย บ้าหอบฟางอยู่อย่างนั้น รื้ออกมา จัดเก็บใส่เข้าไปหมดเหมือนเดิม ที่ไม่ได้ถ่ายมาประจานคือ สารพัดขยะ ใบเสร็จต่างๆ ทิชชู่เก่าๆ คือ วันนี้ถือว่าแค่ทำสะอาดกระเป๋า เอาออกมาเท เขย่า กำจัดฝุ่นผง ทั้งหลาย คือสะอาดขึ้นมานิดนึง

Sunday, June 14, 2015

อบเค้กในหม้อหุงข้าวไฟฟ้า

สืบเนื่องมาจาก เมื่อวันก่อนโพสต์รูปเค้กที่อบด้วยหม้อหุงข้าวไฟฟ้าบนเฟซบุ๊ค เพื่อนๆ สนใจอยากลองทำบ้าง แปะรูปให้ดูกันอีกที เค้กที่เห็นไม่ได้แต่งหน้าอะไรเลยนะคะ คือในรูปดูเหมือนโรยผงล็อคโกแล๊ต มันคือเค้กที่คว่ำก้นหม้ออกมาค่ะ บ้านี้ไม่ชอบเค้กที่มีครีมแต่งหน้าอะไร พ่อบ้านกับลูกชายชอบกินเค้กนี้กับไอติมวานิลา ส่วนอิชั้นกับลูกสาวชอบกินเค้กเปล่าๆ แบบนี้ บางทีกินแกล้มกาแฟตอนเช้าๆ ค่ะ

ricecooker cake 1140136

ครั้งนี้…อบด้วยหม้อใบนี้ค่ะ

20150613_223041

เค้กที่มิกซ์ที่ครอบครัวเราชอบ รสนี้ ยี่ห้อนี้ ซื้อตุนไว้ประจำ กล่องละ 1 เหรียญกว่าๆ บางที่เค้าลดราคาเหลือ 99¢ ก็ซื้อเก็บไว้ทีละครึ่งโหลเลยค่ะ รสช็อคโกแล๊ตอื่นๆ ลองมาหมดแล้ว มาจบลงที่ Devil’s Food คือมันเข้มข้น อร่อยถูกใจพวกเรามากกว่ารสอื่นๆค่ะ มีข้อแนะนำอย่างนึงค่ะ เวลาซื้ออาการกระป๋อง กล่อง ถุง ฯลฯ เขียนเดือน/ปี ตัวใหญ่ๆ ไว้ที่กล่องที่ซองทันที ก่อนเก็บนะคะ เวลาจะใช้สะดวกดีนะคะ จะหยิบใช้อันไหนก่อนหลัง หรืออันไหนหมดอายุต้องโยนทิ้ง จะได้มองเห็นง่ายๆ อีกอย่างนึง อาหารสำเร็จรูปทั้งหลาย ถ้าหากหมดอายุแล้วไม่เกิน 6 เดือน ยังใช้ได้นะคะ แต่ถ้าหีบห่อ กระป๋องไม่คงสภาพเดิม ถึงยังไม่หมดอายุ ก็โยนทิ้งเลยค่ะ

20150613_1522411

มีดตัดเค้กที่ใช้ เป็นมีดเลื่อยขนมปังธรรมดาๆ อันนี้ค่ะ

20150613_152241

ดูชื่อเค้ก ใกล้ๆ ชัดๆ อีกทีค่ะ รสนี้อร่อยถูกใจ คอนเฟิร์มค่ะ และรูปฟันของมีดแบบชัดๆ

20150613_152334

เกริ่นยาวย้วยมานาน เข้าเรื่องเลยนะคะ การอบเค้กในหม้อหุงข้าวไฟฟ้า สามารถทำได้กับหม้อหุงข้าวไฟฟ้าทั่วๆ ไป ไม่จำเป็นต้องเป็นหม้อหุงข้าไฟฟ้าระบบไมโครคอมพิวเตอร์ ฟัซซี่โลจิก อะไร ใดๆ เลยค่ะ วิธีที่จะมาแนะนำในวันนี้จะขอข้ามขั้นตอนสูตรการทำเค้ก ส่วนผสม วิธีทำต่างๆ ไปเลยนะคะ คือ เลือกเอาสูตรที่รัก ที่ชอบกันได้เลยค่ะ

ปกติอิชั้นใช้เค้กกล่องค่ะ หรือที่เรียกว่าเค้กมิกซ์กึ่งสำเร็จรูป ตีไข่ เติมไขมัน น้ำ เทแป้งมิกซ์ลงไป คนๆๆๆ เสร็จ เตรียมอบกันได้เลย การอบครั้งล่าสุด อิชั้นให้หม้อหุงข้าวไฟฟ้าพานาโซนิคซึ่งมีฟังค์ชั่น “Cake” มันก็สะดวกดีนะคะ เทส่วนผสมที่พร้อมอบลงหม้อเลย ไม่ต้องทาเนยหรือรองก้นหม้อด้วยกระดาษไข เพราะเป็นหม้อ non-stick เลือกโปรแกรม Cake กด Start ที่หน้าจอจิ๋วๆ โชว์ 40 min. รอกันไปค่ะ พอหม้อข้าวส่งเสียงบิ๊บๆๆ ก็ยกหม้อออกมา คว่ำหม้อใส่ cooling rack รอให้เย็น ถ้ารีบๆ แค่อุ่นๆ ก็ลงมือหั่นๆ เลื่อยๆ เป็นชิ้นใหญ่เล็กตามชอบค่ะ แล้วเก็บใส่พาชนะ ถุงพลาสติก อะไรๆ ก็ว่าไป ตามแต่สะดวกค่ะ เสร็จแระ ง่ายเน๊าะ

แต่ แต่ๆๆๆๆ...

ถ้าหากหม้อหุงข้าวไฟฟ้าที่ใช้อยู่ไม่มีโปรแกรมหรือฟังค์ชั่นสำหรับอบเค้ก... จะทำอย่างไร ตามนี้เลยค่ะ ง่ายๆ แต่ต้องใจเย็นนิดนึง พอผสมเค็กเสร็จ ถ้าหม้อในเป็นหม้ออลูมิเนียมธรรมดา ตัดกระดาษไขขนมอบรองก้นหม้อก็ดีค่ะ หรือจะทาเนย (อันนี้ไม่เคยทำ ซึ่งก็น่าจะโอเคนะคะ) เทส่วนผสมลงไป ปิดฝา กด Cook เหมือนหุงข้าวปกติ พอสวิตช์เด้งปุ๊บ (เหมือนเวลาข้าวสุก) ถอดปลั๊กเลยค่ะรอซัก 2-3 นาที เสียบปลั๊กคืน แล้วกด Cook อีกครั้ง พอสวิตช์เด้งเป็นรอบที่ 2 ลองเปิดฝาดู เอาไม้ลูกชิ้นจิ้มดู ถ้าข้างในยังเหลวติดไม้เป็นลาว่า ก็ถอดปลั๊กพักหม้อซัก 2-3 นาที แล้วกด Cook อีกที พอเสร็จรอบที่ 3 ...เท่าที่เคยทำ เค้กก็จะสุกพอดี แต่การอบเค้กด้วยหม้อหุงข้าวธรรมดาแบบนี้เนื้อเค้กจะออกมาไม่เบาฟู แต่หนักๆ แบบนึ่งๆ นิดนึงนะคะ ถ้าคิดในทางบวก ...มัน moist ดีค่ะ อิอิ ทานได้นะคะ และสะดวกดี ลองทำกันดู รูปด้านล่างเป็นรูปเก่ามากแล้ว คือ ใช้หม้อซันโยในรูปอบเค้กประจำตามวิธีที่บอกค่ะ และหม้อใบนั้นไม่มีฟังค์ชั่นสำหรับอบเค้กค่ะ

page-19-w[ cake rice cooker

อิชั้นมีหม้อหุงข้าวอีกใบที่ไม่มีฟังค์ชั่นอบเค้ก (หม้อใบขวาจากรูปด้านล่าง) แต่มีฟังค์ชั่นหุงข้าวต้ม Porridge ซึ่งก็จะง่ายกว่าหม้อธรรมดาโล้นๆ เลยนิดนึง คือ ใช้ฟังค์ชั่นหุงข้าวต้ม แต่ต้องกดหุง 2 รอบค่ะ คือหม้อซันโยพัง หลังจากใช้งานมาครบ 10 ปี มรณภาพ เลิกหุง งดบริการไปเฉยๆ เลยซื้อหม้อโชจิรุชิมาแทน แพงง่ะ เห็นว่าโปรแกรมอะไรเยอะเยอะ คนรีวิ “5-ดาว” เป็นพันที่ แอมะซอน.คอม เลยลากมา มันก็ดีนะคะ แต่….. อุ่นข้าวไว้เกิน 12 ชั่วโมง ข้าวบูดค่ะ แหงะเลย

20140507_210906-s

บ้านนี้ต้องมีข้าวสวยพร้อมรับทานติดครัว หุงแล้วก็อุ่นไป 2-3 วัน แบบ..หิวเมื่อไหร่ก็แวะมา เปิดหม้อข้าวมีข้าวร้อนๆ ตลอด กินกันจนหมดแล้วก็หุงใหม่ พอเจอโชจิรุชิทำพิษ หาซื้อซันโยเกลอเก่าไม่ได้ เลยซื้อพานาโซนิคราคาย่อมเยามาใช้ ก็โอเคนะคะ ไม่เริ่ด แค่โอเคค่ะ

Friday, May 1, 2015

138 คำอุทานในภาษาอังกฤษ ที่เรามักจะได้ยินบ่อยๆ

หลายๆ คำ อิชั้นเองก็ไม่เคยได้ยิน หลายๆ คำ ก็แปล…แปลกๆ พิจารณากันนะคะ

ขอบคุณที่มา > > http://www.wegointer.com/2015/04/138-interjection/

Well? แล้วยังไง? ต้องการอะไร? มีอะไรพูดอีกไหม?
Well, ก็ตามใจ อย่างนั้นก็ได้ (ยินยอมแบบไม่เต็มใจนัก) หรือ พอกันที (จบเรื่องแล้ว) หรือ เอ (แสดงความไม่แน่ใจ)
Well! อ้าว นึกว่าใคร (แสดงความประหลาดใจ)
Well then ถ้ายังงั้นละก็
O โอ้

Oh! (เสียงสูง) ยังงั้นรึ?, (เสียงต่ำ) โอ (แสดงความประหลาดใจหรือความดีอกดีใจ), (ทอดเสียงสูงขึ้นเป็นลำดับ) แสดงความประหลาดใจ หรือไม่เชื่อว่าจะเป็นไปได้, (เสียงต่ำ) อ้อ (แสดงว่านึกขึ้นได้ว่ามีอะไรจะพูดอีก), (เสียงต่ำ) เอาเถอะ ช่างเถอะ (แสดงความทอดอาลัย)

Hands off! อย่าจับต้อง อย่ามายุ่ง
Hands up! ยกมือขึ้น
Stick’em up! ยกมือขึ้น (ผู้ร้ายสมัยใหม่มักชอบใช้แบบนี้)
For shame! น่าอายจริง

Shame on you! น่าละอายจริง แกนี่!
Easy! เบาๆค่อยๆ (ไม่ใช่ง่ายๆ)
Go easy! ทีละน้อย
No fear! ไม่ได้แน่! ไม่มีทาง! (ไม่ใช่ไม่กลัวหรือไม่ต้องกลัว)
My word! แหม!
Good riddance! เออ ไปเสียก็ดี! พ้นๆไปเสียที!
None of your impudence! อย่าทะลึ่งนักเลย
What cheek! ทะลึ่งจริง
For goodness’ sake! เพื่อเห็นแก่พระเจ้า
a penny for your thought กำลังคิดอะไรง่วนอยู่? (ถ้าบอกมาจะให้สตางค์)

Get a move on! เร็วๆเข้า
Look sharp! เร็วๆเข้า
Look alive! เร่งไม้เร่งมือเข้า
Shut up! หยุดพูดที!
Dry up! (ภาษาสแลง) เงียบเสียที!
Quiet! อย่าเอะอะ! เงียบ!
Hush! เบาๆหน่อย! อย่าพูด!
Hark! ฟัง! (เป็นภาษาค่อนข้างโบราณ)
Tell that to the marines! อย่ามาพูดเลย ไม่มีใครเชื่อหรอก!
Halt! หยุด! (เป็นคำบอกแถวทหาร)

Right oh!, Right you are! ได้ครับ! ได้ซี!
Shoo! เสียงไล่นก ฯลฯ
‘Shun! ย่อมาจาก Attention เทียบกับไทย (แถว) ตรง!
Yum, yum! เป็นเสียงแสดงความอยากกิน เทียบกับเสียงสูดปากของไทย
Lo! (ภาษาโบราณ) ดูซี!
Eh! ใช้แสดงความแปลกใจหรือสงสัยหรือเป็นการซ้อมความเข้าใจหรือดักคอ คล้ายๆกับ ใช่ไหมล่ะ!
Oho! โอ้โฮ!
Ah! โอ! (แสดงความประหลาดใจ) โอ้ (แสดงความสงสาร)
Aha! เออแน่ะ ยังงั้นซี (แสดงความประหลาดใจ ความมีชัย ความพึงพอใจ)
Oh yez เจ้าข้าเอ๊ย (คำนี้เป็นภาษาเก่าแปลว่า ฟัง! ฟัง! เป็นคำที่พนักงานที่มีหน้าที่ประกาศร้องเตือนให้คนทั้งหลายฟังประกาศ)

All together! ทุกคนพร้อมกัน!
Balderdash! Poppycock! Fiddlesticks!, Stuff and nonsense, Bunkum เหลวไหล
No more of your cheek! อย่ามาทะลึ่งอีกเลย!
What a pity! เสียดายจริง! ไม่น่าเลย! ไม่ควรที่เลย!
What a nuisance! น่ารำคาญจริง!
What, again! บ๊ะ เอาอีกแล้วหรือนี่!
Come! Come! นี่พูดจริงๆนะ
Go on! มีสองความหมายคือ 1.ทำต่อไป! 2.อย่าพูดเหลวไหลน่า
Mind! ระวัง!
Come on! เร็วเข้า! ไม่เอาน่า!

Not at all! ไม่เป็นไรมิได้ (ใช้เป็นคำตอบเมื่อมีผู้แสดงความขอบใจ)
Look out! ระวัง! (ไม่ใช่ให้โผล่หน้าต่างออกไป)
Bother! อุบ๊ะ! ยุ่งจริง!
Why yes! อ๋อ ก็ถูกแล้ว (ไม่น่าถามเลย)
Why no! เอ๊ะ อย่างนั้นไม่ได้ ไม่ใช่อย่างนั้น
Believe it or not! เชื่อหรือไม่เชื่อก็ตามใจ
You don’t say so! ยังงั้นเชียวรึนี่!
Let me see! ไหนเรื่องนั้น ขอคิดดูก่อน
Now เอาละทีนี้
Now then เอาละทีนี้

What of it? แล้วยังไงล่ะ
So what! แล้วยังไงล่ะ (ทันสมัยกว่า และเป็นภาษาแบบอเมริกัน)
That’s a dear ต้องยังงั้นคนดี (มักใช้พูดกับเด็ก เป็นการเอาใจให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้)
Oh, dear! พุทโธ่เอ๋ย! อพิโธ่! (แสดงความประหลาดใจ ความพิศวงงงงวย หรือความรำคาญ)
Dear me! อนิจจา
Alas อนิจจา
Alack อนิจจา (เป็นภาษาโบราณและภาษาหนังสือ)
Good Heavens! คุณพระช่วย (คำว่า Heavens ในที่นี้หมายถึง พระเจ้า ไม่ใช่สวรรค์)
Good gracious! ตายจริง
Goodness knows! มีสองความหมาย คือ 1.ฉันไม่รู้เลย 2.ขอให้พระเจ้าทรงเป็นพยาน คำว่า goodness ในที่นี้หมายถึง พระเจ้า

Goodness gracious! คุณพระคุณเจ้า! (คำว่า goodness หมายถึง พระเจ้า คำอุทานนี้ผู้ใช้มักเป็นผู้หญิง)
Capital! วิเศษณ์จริง!
Splendid! วิเศษณ์แท้!
Well done! ดีจริง
Good shot! แม่นจริง!
Well tackled! ต้องจับยังงั้นซี! (ใช้ในการชมกีฬารักบี้)
There! There! โอ๋! โอ๋! (คำปลอบเด็ก)
There you are! นั่นปะไร
Here it is! นี่ยังไงล่ะ! อ้อ มาแล้วรึ!
There’s a good boy! นั่นเด็กดีต้องยังงั้น

Hi! You there! นี่คุณคนนั้นน่ะ!
Hear! Hear! ถูกแล้ว ถูกแล้ว (เป็นเสียงร้องแสดงความเห็นด้วยกับผู้ที่กำลังแสดงสุนทรพจน์ แต่แปลตามตัวว่า ฟัง! ฟัง!)
Look here! นี่แน่ะ!
By the way เออ มีเรื่องอยากจะพูด
Look where you’re going! เอ ไม่มีตาหรือยังไง
Encore! ขอ (ฟัง) อีกที
That’s it ใช่แล้ว! ถูกแล้ว! ต้องยังงั้น!
Let him have it! ล่อมันเข้าสักทีเถอะนะ
Touche’ ถูกเผง
Keep at it! ทำเข้า (อย่าเลิก)

Not on your hair on! ใจเย็นๆนะ
You have me there! ฉันจนตรงนี้เอง
Here goes! เอาล่ะ ฉันจะพูดละ
Here’s to the bride and bridegroom ขอให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวจงมีความสุข (พร้อมยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม)
Very well! ยังงั้นก็ดีแล้ว
Oh well! เออ ทำยังไงได้
Oh no you don’t อ๋อ ทำยังงั้นไม่ได้แน่
Rather! พุทโธ่ ถามได้!
By all means เชิญเลย
Of course แน่นอน ไม่มีปัญหา

Certainly ได้สิ
Certainly not ไม่ได้แน่
No such luck! โชคไม่ดีอย่างนั้นหรอก!
Hard luck! โชคไม่ดีเลย
Just my luck! โชคฉันไม่ดีเอง โทษใครไม่ได้
Really? (เสียงสูง) จริงหรือ? (แสดงความประหลาดใจ)
Really! (เสียงต่ำ) ยังงั้นเรอะ (แสดงการเยาะเย้ย)
Really! (เสียงกลางๆ) ยังงั้นรึ (แสดงความไม่สนใจ)
Mum’s the word! อย่ากระโตกกระตากไป
Mum! เงียบ

Get set! ระวัง (เป็นคำที่ผู้ปล่อยตัวนักวิ่งร้องเตือนก่อนยิงปืน)
Ugh! อืย (แสดงความขยะแขยง)
Ouch! โอ๊ย อุ๊ย
Blah! เฮ้อ (แสดงความเอือมระอา)
Bah! ว้า อุวะ (แสดงความเหยียดหยาม)
Heigh-ho! เฮอ! (แสดงความเหนื่อยอ่อน ความผิดหวัง)
Wow! โอ้โฮ! แม่เจ้าโว้ย!
Go it! เอาเลย
Enough of that! พอที
What did I tell you? บอกแล้วไหมล่ะ

Catch me doing that! ฉันไม่มีวันทำยังงั้นหรอก
Stop thief! ขโมย! ขโมย!
Fire! ไฟไหม้
Who goes there? ใครนั่น? (เป็นคำทักของทหารยาม)
Heave ho! ฮุยเลฮุย! (ใช้เวลาดึงเชือก)
There he (she) goes. เขาเริ่มแล้วไหมล่ะ (แสดงความรำคาญคนพูดมากที่เริ่มพูด)

ข้อมูลจาก: rukenglish

Wednesday, April 22, 2015

หดหู่ ไม่รู้เป็นอะไร

mama_depress

ระยะ 2-3 เดือนที่ผ่านมา เพื่อนบางคนอาจสังเกตได้ว่าอิชั้น ได้ fade away ไปจากโลกโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คบ้าง ไม่มากก็น้อย ถึงแม้จะแวะเวียนมาอ่าน มาตอบ มาโพสต์ บนเฟสบุ๊คบ้าง แต่ก็เป็นการแวะเวียนมาแบบวูบๆ วาบๆ ไม่ได้มานั่งเฝ้ายาม อยู่โยง เข้ากะ เหมือนเคย สาเหตุคืออะไร หาเหตุผล และคำอธิบายไม่ได้ หาคำตอบให้ตัวเอง…ยังหาไม่ได้เลย

Screenshot_2015-04-18-13-13-09

ส่วน LINE ที่เพื่อนๆ คุยกันครึกโครม สนุกสนาน ก็ไม่ล็อกอินเข้าไปเลย เพราะไม่มีรมณ์ คือไม่อยู่ในมู้ดคุยสด โต้ตอบทันควัน คือ..ไม่สามารถ ที่จะ interact แบบ real time ได้ ไม่ได้โกรธเคืองอะไร ใดๆ กับใครๆ เลย ก็ได้แต่หวังว่าเพื่อนๆ จะเข้าใจ

i-m-in-a-lot-of-pain-emotionally depress

แม้แต่ ทีวีรายการโปรด พวกฆาตรกรรมอำพราง Court TV จากช่อง ID-Investigation Discovery ที่เคยดูแบบไม่หลับไม่นอน พออาการหดหู่คุกคาม อยู่ๆ ก็ทนดูไม่ได้เลย ดูแล้วเครียด คลื่นไส้ แล้วโชว์พวกนี้ ผู้บรรยายส่วนใหญ่จะใช้เสียงโมโนโทน ฟังไม่ได้ อึ้งๆ งงๆ ไม่ชวนติดตาม รายการทีวีต่างๆ เทปไว้จนจะท่วมเครื่อง ว่างๆ ก็นั่งดีลีททิ้ง เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่… ถึงจะมีอารมณ์เอ็นจอยรับชมรับฟังได้เหมือนเดิม

introvert 11

แพร่ดอู๋ก็ไม่ไดนิ่งนอนใจ พยายาม diagnose จากอาการ ซึมเศร้า เหงาจิต อารมณ์ ความรู้สึกต่างๆ นานา แพร่ดอู๋ ใช้วิธีส่งเดชคิดเอาว่าน่าจะเป็น depression attacked เคมีในร่างกายไม่บาล๊านซ์ ฮอร์โมนไม่สมดุลย์ ปกติ…เวลาไปหาหมอ (จริงๆ) เค้าจะถามเป็นรูทีน เครียดมั๊ย stress หรือปล่าว คิดฆ่าตัวตายมั๊ย พอได้ยินได้ฟังทีไร ก็แอบเคืองในใจนะ แม่ง…จะให้กรูกินยาโรคประสาทอีกล่ะสิ แต่ก็จะตอบไปทุกครั้งว่า ก็เครียดนะ เครียดแบบมนุษย์แม่คนนึง เย็นนี้ทำอะไรให้ลูกกินดี ไอ้ตัวเล็กเลิกกี่โมง อีตัวใหญ่มีกิจกรรมซ้อมเลิกดึก ขับรถเข้าออกบ้านวันละ 8-10 รอบ ผ้ายังไม่ซัก บิลต้องจ่าย ฯลฯ ไม่มีอะไร out of ordinary คือทุกอย่างมันก็เป็นปกติ ครอบครัวก็สุข-ทุกข์ เท่าเดิม การเงินก็ไม่ได้ดีขึ้นหรือเลวลง ส่วนคุณผัว เห็นเมียซึมๆ เงียบๆ เครียดๆ ร้องไห้ไร้สาเหตุ ก็พร่ำอยู่นั่น หาหมอเถอะ หาหมอเถิ้ดดด….แม่คุณทูนหัว เค้าจะได้ให้ยามากินคลายเครียด หรือไปพบจิตแพทย์มั๊ย จะไปเป็นเพื่อน บลาๆๆๆ คือรู้นะ ว่า รัก-เป็นห่วง แต่มันไม่ใช่ “วิถีทศ” เลย ก็ได้แต่บ่นๆ ไปว่า ขออยู่นิ่งๆ อยู่เฉยๆ รบรากับลูก จูบ ตบ หอม ฟอด กอด รัด ฟัด ถีบ คือใช้ชีวิตให้เป็นปกติ มันจะต้องดีขึ้นเอง

20140622_165656 fun

แต่จากที่นั่งคิด นอนคิด มีข้อสรุปที่คิดเอาเองได้ว่า งานที่ทำ it's really taking a toll on me. ต้องยอมรับว่าลำบากกาย ลำบากใจกับงานที่ทำ เหนื่อยยากหนักหนาเอาการอยู่ คือมาลำบากตอนแก่แท้ๆ เลยเชียว physical & emotional drained ทุกวัน ลูกค้าเถื่อนๆ เจ้าของร้านคุ้มดีคุ้มร้าย มันทำให้เหนื่อยในหัวจิตหัวใจ ค่าจ้างที่ได้ก็ไม่มากมาย แต่มันก็ช่วยพยุงความเป็นอยู่ของครอบครัวได้บ้างนิดๆ หน่อยๆ อยากเลิกทุกวัน วันละหลายๆ รอบ แต่… แต่… แก่แล้วหางานยาก เมืองที่อยู่เม็กซิกันเป็นมาจอริตี้ พูดสแปนิชไม่ได้ งานดีๆ ก็หายาก แล้วระบบเพื่อนฝูงพี่น้องเม็กซิกันมันก็ช่วยกันก่อน ไปสมัครงานที่ไหน ดูเหมือนโอกาสเป็น “0” ก็คงจะทนอยู่กับอีเจ้บ้านี่ไปเรื่อยๆ งานก็ไม่ได้หยุดหา หยอดโน่น นี่ไปเรื่อยๆ โชคเข้าข้าง มีงานกระโดดจิก อิชั้นก็พร้อมติดปีกบินในทันทีเช่นกัน

depress_updates

พิมพ์บล็อกนี้นานเกือบๆ เดือนเลยนะ นึกออกก็พิมพ์ เซ็งๆ ก็หยุด สับสน จับแพะชนแกะ จับต้นชนปลายไม่ได้ คือ ไม่มีสมาธิ แต่ก็ตอบไม่ได้ว่าวกวนคิดเรื่องอะไร และไม่ได้เป็นบ้า ยังเป็นแม่ ยังเป็นเมีย ยังเป็นคนๆ เดิม รักครอบครัว รักชีวิต เพียงแต่บางโมเม้นต์ทำให้สงสัยว่า เฮ้ยอะไรวะ จากที่เคยเกือบๆ จะเรียกได้ว่าเป็น Social Butterfly เลยนะ 5555 ตอนนี้กลับกลาย Anti-Social Butterfly ไม่ใช่เพิ่งเป็นนะ เป็นมาซัก 4-5 หรือ 6 ปีได้ คือไม่อยากไปไหน สังสรรค์กับใคร โดยเฉพาะคนกลุ่มใหญ่ แต่ยังรักและเป็นสุขที่ไปไหนๆ หรืออยู่ที่บ้านกับครอบครัว ส่วน อาการเครียดๆ introvert เนี่ย อาการระดับโคม่ามาซัก 3 เดือนได้แล้ว ก็ได้แต่ภาวนา ให้มันดีขึ้น หายหดหู่ มีชีวิต ความนึกคิด และอารมณ์เป็นปกติโดยเร็ว เถิ๊ดดดดด…….

introvert10

Tuesday, November 11, 2014

My First Pumpkin Bread

ทุกครั้งที่ไปซื้ออะไรก็แล้วแต่ที่สตาร์บั๊ค จะต้องซื้อขนมปังฟักทองมาด้วยทุกครั้ง (ย้ำ ทุกครั้ง) จากแรก (ครั้งแรกที่ซื้อสิ่งนี้จาก ‘ตาบั๊ก) ชิ้นละ $0.99 กลายเป็น $1.49 ไม่นานนักขึ้นราคาเป็น $1.99 ล่าสุดชิ้นละ $2.59 ค่ะ ชักแพงไปนะ ต้องยอมรับว่าชอบมากๆ เพราะเป็นขนมปังที่เนื้อหนักๆ ไม่ชอบขนมเค้ก ขนมปัง ที่เนื้อเบาๆ กลวงๆ ร่วงๆ คือติดใจ แพงก็ต้องสู้ ซื้อยี่ห้ออื่น จากหลากหลายที่ หลายแห่ง แหงะ เสียตังค์ ผิดหวังทุกที เลยต้อง…เอาวะ แพงหน่อย แต่ไม่ผิดหวัง…ชัวร์

pumpkin-bread-starbucks

คิดจะอบหนมปังฟักทองหลายครั้งหลายหน ทั้งแบบจาก scratch และเค้กมิกซ์สำเร็จรูปเป็นกล่องๆ (ถ้าเป็นที่เมืองไทย คงจะไม่เรียกขนมอบเนื้อนี้ว่า ขนมปัง คงเรียกว่าเค้ก มัฟฟิ่น มากกว่า เหมือนเค้กกล้วยหอม ที่นี่ก็เรียก banana bread คงเนื่องจากเค้าอบใน ถาด Loaf pan พอสุก เสร็จ พร้อมรับทาน ก็หั่น เลื่อย เป็นแผ่นๆ เหมือนขนมปัง เลยเรียกว่า ขนมปังมังคะ) ติดที่ “ว่าจะ ว่าจะ” เลยไม่ได้ทำซักที จนเมื่อคืนก่อน ไปวอลมาร์ทกับพ่อบ้านตอนตีหนึ่ง 555 เดินผ่านไอ้สิ่งนี้ ซึ่งเห็นมา โกฏิ-ปี-ชาติ แต่ไม่เคยซื้อมา แต่ครั้งนี้ พ่อบ้านจับโยนใส่รถเข็นเลย เพราะคงเบื่อ พูดอยู่นั่น ทุกครั้งที่เห็น อยากอบอันนี้ อยากอบอันนี้ 555 ตัดรำคาญไปซะ ให้เสร็จๆ กล่องละ $4.98 ค่ะ ดูแล้วคงไม่ยากเย็น และ ไม่ต่างจากเค้กกล่องที่อบเลี้ยงลูกผัวอยู่เสมอๆ มาค่ะ มาทำหนมปังฟักทองกันค่ะ

page-pumpkin bread-01

เริ่มจาก เปิดเตาอบไว้ที่ 350°F แล้วตีไข่ 4 ฟอง ไม่ได้ลากสแตนด์มิกเซอร์ หรือ hand mixer อะไรออกมาเลยค่ะ ใช้ whisk หรือ ตะกร้อมือ เนี่ยแหละค่ะ ไม่ยุ่งยากตอนล้าง ตอนเก็บ ตีไข่พอเนียนๆ ไม่ให้ขึ้นฟูนะคะ เติมน้ำมันพืช 1/2 ถ้วยตวง ตีไปเบาๆ พอให้เข้ากันดี เนียนสวย เติ่มน้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง ตีต่อไปเบาๆ ให้เข้ากันค่ะ

page-pumpkin bread-02

จากนั้นเทเนื้อฟักทองบด หรือที่เค้าเรียกว่า puree ใส่ลงไปหมดทั้งกระป๋องที่เค้าให้มาเลยค่ะ คนๆๆๆ ให้เข้ากัน คงเรียกว่าตีไม่ได้แล้ว เพราะเริ่ม หนัก หนืด ขึ้นมาหน่อยๆ แล้ว

page-pumpkin bread-03

แล้วเทแป้ง (ส่วนผสมแห้ง) ที่เค้าให้มา ใส่ลงไปหมดทั้งถุงเลย คนยากขึ้นมาอีกนิด เพราะหนัก เหนียว หนืดมากเลยค่ะ คนๆๆๆๆ ไปให้เข้ากันดี จนแน่ใจไม่มีก้อนแป้งเป็นเม็ดๆ แบชนี้ ได้ 2 ถาดเลยนะคะ

page-pumpkin bread-04

เอาขนมเข้าอบ 40 - 45 นาที พอสุก พักไว้ที่ cooling racks ให้เย็น แล้วค่อยเอามาหั่น เก็บใส่กล่อง ไว้รับทานได้หลายวันค่ะ บ้านเราไม่ชอบ frosting โรยหน้าค่ะ ซึ่งเค้าก็ให้มา ใส่ถุงมาให้ใช้ได้อย่างสะดวกเลยนะคะ คือ ขลิบมุม แล้ว บีบ โรย ได้เลย เนื้อเค้ก (หนมปัง) อร่อยมาก ถูกใจ หนัก rich แน่น ดีค่ะ อยากบอกว่า ไม่ใช่ ก็ ใกล้เคียง กับ ของ ’ตาบั๊ก มากๆ ลูกๆ ชอบ พ่อบ้านก็ชอบค่ะ

page-pumpkin bread-05

ขอ “ติ” อย่างนึงคือ มันได้เยอะมากๆ 2 โล๊ฟ นี่เยอะไปค่ะ อยากอบทีละถาด ให้มันสดๆ ทานกัน 1 – 2 วันหมด พอล่วงเลยไป 3-4-5 วัน แล้ว มันก็คงไม่อร่อยเท่ากับที่เราอบใหม่ๆ คราวหน้าจะลองแบ่งครึ่ง ชั่งตวงให้ดี แล้วอบทีละถาด คาดว่าน่าจะโอเคนะคะ สรุปได้ว่า พอใจมากๆ ค่ะ ราคาไม่แพง จากนี้ ‘ตาบั๊ก คงได้กินเงินเจ้น้อยลง อิอิ

Sunday, October 26, 2014

บอกเล่าเรื่อง รองเท้า กระเป๋า Shoes & Purses

 

1503859shoes s _cover

สาวๆ สมัยนี้เก่งนะ เพราะเดี๋ยวนี้ใส่ส้นสูงกันสูงปรี๊ด 6-7 นิ้ว กันเลยเขียว ส่วนตัวเอง..เก่งสุดได้แค่ 4 นิ้ว แต่เดี๋ยวนี้ก็ไม่ได้ใส่นานแล้ว เพราะข้อเท้าพลิกซ้ำซ้อนหลายครั้ง แต่ละครั้งไม่ใช่จากส้นสูงเลย เหตุเกิดตอนใส่อีเตี้ยอีแตะตลอด เกิดจากตกหลุมตกร่อง หกคะเมนตีลังกาทุกครั้ง จะพูดเรื่องคนอื่น กลายเป็นเม้าตัวเองซะงั้น

shoes df67

คือได้พบได้เห็นสาวๆ เค้าใส่ส้นสูง สูงมาก ตลอดเวลา เรื่องแต่งตัว ไม่เข้า ไม่แมช ก็เรื่องนึง คือ อิชั้นเนี่ย old school นะคะ แต่จะไม่พูดเรื่องแต่งเนื้อแต่งตัวของใครหรอกค่ะ เพราะ หลายปีให้หลังมานี้ my style, my taste …down grade ลงเยอะ ไม่ค่อยได้แต่งเนื้อแต่งตัว หน้าตาก็ไม่ว่างแต่ง หนักไปทางขี้เกียจ เอาเร็วเข้าว่า พอแก่และอ้วน หมดรมณ์ประดิษฐ์แล้วค่ะ แต่วันนี้จะมาทำตัวเป็น รองเท้า กระเป๋าโปลิศ นิดนึง

police-woman-high-heels-shoes

ได้เห็น ได้พบ ได้เจอ สาวๆ ที่ หน้าเป๊ะ ผมเป๊ะ เสื้อผ้าเป๊ะ แต่เวลาเดินกระย่องกระแย่ง ทุเรศทุรัง อยู่บนรองเท้าส้นสูงปรี๊ด ถามนิดนึง ใส่ทำไมคะ ทรมาน อันตราย แทนที่จะดูสวย …กลายเป็น แหงะ ดูแย่มากๆ ใส่ flats สวยๆ เก๋ๆ ดูดีกว่าเป็นร้อยเท่า หรือส้นซัก 2-3 นิ้ว เดินเฉิ่บๆ มาดมั่น ดูเริ่ด สง่างามกว่าเป็นกอง ส่วนใหญ่ใส่ผิดงาน ส้นสูงสวย น่าจะเป็นงานกลางคืน งานหรู ถ้าใส่ถูก เหมาะแก่กาละเทศะ ก็จะสวยงามสง่ายิ่งนัก (และต้องเดินเป็น เดินสวยด้วยนะคะ) ถ้าใส่ผิดงาน …ไม่อยากพูดเลย แต่ขอนิดนึงนะคะ hooker ข้างถนนดีๆ นี่เอง ส้นสูงมากๆ นี่ไม่ใช่สำหรับ daily life หรืองานออฟฟิซนะคะ มันเป็นพร๊อพเฉพาะกิจจริงๆ เห็นใส่ขึ้นรถเมล์ กระย่องกระแย่งกันตามฟุตบาทหลุมๆ ลุ่มๆ ดอนๆ แต่เข้าออฟฟิซลากแตะ ไม่ขำ แต่สงสารแกมสมเพศค่ะ

High heels shoes

เวลาสาวแต่งเนื้อแต่งตัว เสื้อผ้า หน้า ผม รวมถึงกระเป๋าและรองเท้า คำนึงถึงความสะอาดไว้เป็นอันดับแรกๆ ด้วยนะคะ ข้าวของที่เราใช้ จะถูก จะแพง ไม่สำคุญ ถ้ามันสะอาดก็ดูดีแล้วค่ะ กลับถึงบ้าน เช็ดรองเท้ากระเป๋าที่ใช้ให้สะอาด พร้อมใช้ในวันรุ่งขึ้นและวันต่อๆ ไป ทำ 2-3 วันครั้ง หรือ อาทิตย์ละครั้งก็ได้ค่ะ หากจะเปลี่ยนกระเป๋า ก่อนเอาใบเก่าเก็บ เช็ดให้สะอาดทั้งด้านใน-นอก หาอะไรยัดให้กระเป๋าคง “ทรง และ รูปร่าง” ไว้ค่ะ กระเป๋าราคสูงๆ เค้าก็จะมีหมอนให้มาด้วย ถ้าหากไม่มี ทำดังนี้ค่ะ วัสดุหาง่ายๆ คือ หนังสือพิมพ์ค่ะ ขยำ ยี ให้พองๆ เอาใส่ถุงก๊อปแป๊ป ผูกปากซะหน่อย ก่อนยัดลงกระเป๋า ถุงพลาสติกจะช่วยไม่ให้หมึกพิมพ์เปื้อนด้านในของกระเป๋าค่ะ ถ้าเป็นกระเป๋าหนัง ทาครีมถนอมหนัง (if needed นะคะ) จากนั้นจากนั้นก็นำใส่พวก dust bag ที่เค้ามีให้มาด้วยตอนซื้อกระเป๋า ถ้าไม่มีก็หาปลโอกหมอนเก่าๆ สะอาดๆ เอากระเป๋าใส่ลงไป พับ ม้วน ผูก ปากถุง แล้วแต่ขนาดของกระเป๋าค่ะ อย่าเอากระเป๋าใส่ถุงพลาสติกนะคะ in the long run มัน damage กระเป๋า มากกว่า รักษากระเป๋านะคะ โดยเฉพาะกระเป๋าที่เป็นหนัง it needs to breathe ค่ะ

sebastain-errazuriz-12-shoes-for-12-lovers-7

ส่วนรองเท้า หลังจากเช็กทำสะอาดถ้วนทั่ว top to bottom …inside & out แล้ว ถ้าเป็นหนัง ทาครีมถนอมหนัง (if needed ถ้าจำเป็น) รอให้ครีมแห้ง เก็บใส่กล่อง หรือใส่ถุงผ้า ถุงปลอกหมอนก่อนนำใส่กล่องก็จะดีมากค่ะ

Image shoes

บางคนทุ่มทุน ซื้อข้าวของราคาแพงมาใช้ แต่ไม่รักษา ดูแล ใส่ๆๆๆ ใช้ๆๆๆ จากรูปข้างบน มันแย่มากๆ น่าหยะแหยง ดูแลรักษาของ ให้ของที่เรารัก อยู่กับเราในสภาพดีๆ ไปนานๆ แต่งตัวสวยใส่รองเท้าสกปรก ส้นถลอก หมกค่ะ หมดกัน พอมันถลอกนิดๆ รีบส่งซ่อมค่ะ เพราะเป็นเยอะๆ แล้วเยียวยายาก เสียดายตังค์

page shoes

กระเป๋าก็เหมือนกัน (เจอรูปนี้ ถึงไม่ใช่กระเป๋าราคาแพง แต่ก็เล่าเรื่องได้เยอะ) บางคนกระเป๋าสกปรกมากกกก…. เวลาเลือกซื้อ ก็คิดเยอะๆ ค่ะ ว่างานของเราเป็นแบบไหน อย่างเช่น กระเป๋าจะมีโอกาสเปื้อนหมึกปากกามั๊ย ก็เลือกซื้อกระเป๋าสีเข้มๆ เราต้องขึ้นรถเมล์เบียดเสียดผู้คนมั๊ย ถ้าใช่..ก็เลือกที่ทะมัดทะแมง มีซิป มีฝา ปิดมิดชิด รัดกุม ไม่รุงรังรุ่มร่าม ไม่เลอะเทอะง่าย crossbody ให้กระเป๋าอยู่ด้านหน้า ก็จะดีมาก กระเป๋าถูกแพง ก็ต้องหมั่นเช็ดทำสะอาดค่ะ ถ้ามันเหมือนในรูป ก็ไม่ต้องเสียเวลาคิดค่ะ โยนทิ้งไป เก็บไว้เป็นบทเรียน กระเป๋าเนื้อผ้า สีอ่อน มันเน่าเร็วมาก ถ้ามีรถขับ ก็ prolong ได้นานอีกนิดนึง นิดนึงจริงๆ ค่ะ หรือถ้าเรามีลูกเล็กๆ คิดถึงเพื้นที่สำหรับ ขนม ของเล่น มือเหนอะ เหนียวๆ เลือกกันให้เหมาะค่ะ

Pink Coach purse before cleaning2

อย่างที่ คริสเตียน ลูบูทอน กล่าวไว้ ……

image41 shoes

Sunday, June 29, 2014

แคมรี่ลูกรักตัวโต แม่ได้เป็นหนี้สมใจ

2014_toyota_camry-pic-4521087175571737994

คิดเรื่องซื้อรถใหม่กันมานานแล้ว แต่ด้วยสภาพเศรษฐกิจของครอบครัว …การซื้อรถใหม่เป็นเรื่องใหญ่มาก เราไม่มีเงินเก็บที่จะไปชี้นิ้วเอารถคันนั้น คันนี้ ได้ตามใจชอบ มีหนี้บ้านต้องผ่อน ค่าใช้จ่ายอื่นๆ มากมาย ถ้ามีหนี้ผ่อนรถเพิ่ม มันต้องคิดกันเยอะเลย รถคันเก่าที่ใช้อยู่เป็น โตโยต้า โคโรลล่า ปี 2000 ซึ่ง 2–3 เดือนที่ผ่านมาเริ่มป่วยกระเซาะกระแซะ ซ่อมเล็ก ซ่อมน้อย นั่นนิด นี่หน่อย ขับๆ ไปสะอึกกึกกัก ให้ใจหายใจคว่ำอยู่บ่อยๆ แต่แม่หนู “โข่โหล่” ก็พาแม่กลับบ้านปลอดภัยเรื่อยมาค่ะ

แต่เมื่อ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา อิหนูโขโหล่เริ่มอาการหนัก ไปธุระนั่นนี่แถวๆ ในเมือง (ไม่กล้าขับข้ามเมืองมาซักพักแล้ว แต่เมื่อสงกรานต์ อิหนูโข่โหล่พาครอบครัวข้ามรัฐไปลาสเวกัสโน่น เที่ยวกันสนุก เดินทางกลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพดีค่ะ) ครั้งแรกที่โรงพยาบาล อิชั้นไปแวะเอาผลเลือด พอออกมารถสตาร์ทไม่ติด เป็นครั้งแรกที่ต้องโทรตาม tow truck มายกรถไปส่งซ่อม เบ็ดเสร็จ รถยก+ค่าซ่อม จ่ายไป $265.- ค่ะ

อิหนูโข่โหล่ก็ยังมีอาการแปลกๆ อืดๆ ฝืดๆ วึ่นวืน แต่ก็ขับไปมาทำงานกลับบ้านได้ ต่อมาอีก 4-5 วัน แวะไปซื้อยาที่หมอสั่ง พอออกมา อิหนูโข่โหล่ของแม่ ใจขาดตาย นิ่งสนิท ไม่หือ ไม่อือ สตาร์ทไม่ติดอีก โทรตามรถยกมาเอาไปซ่อมอีก เห็นบอกว่า เปลี่ยน alternator ก็หาย เอ้า…จัดไป หมดไปอีกเกือบๆ $300.- เลยนะคะ ตังค์ก็ยิ่งหายาก เซ็งมาก

พอเมื่อวันก่อน เกิ๊ดดดดด…… อยากแดกมะม่วงดิบค่ะ ขับรถไปร้านใกล้ๆ บ้าน ดั๊นนน…. เจือก..ไม่มี เลยขับไปอีกฝั่งของเมือง พอครึ่งทางอิหนู่โข่โหล่เกิดสะอึกนิดนึง แต่ก็ไปต่อได้ พอได้มะม่วงออกมา สตาร์ทไม่ติดอีก โทรตามรถยกอีก และโทรตามคุณผัวมารับกลับบ้านเช่นเคย วันรุ่งขึ้นช่างมันบอกเปลี่ยนแบตเตอรี่อันใหม่แล้ว ไม่น่าจะมีปัญหาแล้ว เออว่ะ สาธุ จ่ายค่าแบตเตอรี่+ค่ารถยก ไปอีก $115.- อิ๊บอ๋ายละ ไม่ไหวแล้ว ทะเลาะก็ทะเลาะละ กูจะไปซื้อรถใหม่แล้ว 55555

2014-toyota-camry-se-cockpit

ที่บอกว่าต้องทะเลาะ ..ก็คือ คุณผัวบอกว่า รออีกหน่อยนะ สิ้นปีค่อยซื้อ แต่ไม่รอแล้ว ไม่ไหวแล้ว โง่หรือบ้าวะคะ ซ่อมนั่นนี่ หมดไปเท่าไหร่แล้ว เมื่อวานพอเลิกจากร้าน ก็เดินไปโตโยต้าดีลเลอร์ใหญ่ข้างร้านที่ทำงานอยู่ โทรบอกผัวว่า เดี๋ยวจะไปซื้อรถแระ มาเซ็นเอกสารด้วย นี่เป็นคำสั่ง 55555 อิหนวดขำ นึกว่าล้อเล่น 5555

จริงๆ เราเริ่มๆ แวะดูรถกันแล้ว รถในฝันก็เก็บไว้ในฝัน อย่าไปดูมัน ไม่มีปัญญา ideal คือ อยากได้รถ Midsize Sedan หรือ Compact SUV ราคาพอทน อึด โสหุ้ยต่ำ ซ่อมบำรุงไม่ยุ่งยาก ฯลฯ รถในใจของอิชั้นเลยคือ 1. Toyota Venza 2. Toyota Camry 3. Nissan Altima 4. Subaru Forester ไอ้เวนซ่า ตัดไปเลย เพราะแพงเกิน price range

แคมรี่ อัลติม่า ฟอเรสเต้อร์ 3 คันนี้ ราคาพอๆ กัน ไอ้ฟอร์เรสเตอร์เข้าข่ายเป็น suv ภาษีสูงกว่า ซีดาน เพราะเค้าจัดเป็นรถฟุ่มเฟือย และศูนย์บริการอยู่ที่เฟสโน่ ตัดออกไปอีก เหลือแคมรี่กับอัลติม่า ทั้ง 2 ยี่ห้อ มีศูนย์ที่มาเดร่า ราคาพอๆ กัน ขนาดห้องโดยสาร เครื่องยนต์ พอๆ กัน แต่ นิสสันมัน hold market value แค่ 7 ปี โตโยต้า เจ๋งกว่านิดนึง โฮลด์ราคาตลาดได้ถืง 10 ปี ซึ่งก็ไม่ได้คิดซื้อมาเทรดหรือเทิร์นอะไรหรอก เพราะไม่ได้มีปัญญาซื้อรถบ่อยๆ อีกทั้งศูนย์โตโยต้าอยู่ติดกับร้านที่ทำงานอยู่ สะดวกกว่า สรุปว่า แคมรี่ จบ

พอเข้าไปในโชว์รูป เจอเซลคนที่มากินข้าวที่ร้านบ่อยๆ ก็บอก เฮ้ย นี่ แก ชั้นจะซื้อแคมรี่ สีซิลเวอร์ บลาๆ พล่ามไป แล้วก็พากันไปเดินดู เจอคันที่ถูกใจ แม่งงงง….. งามจริง อุปกรณ์ครบ เบาะหนัง มูนรูฟ อื่นๆ อีกมากมาย ไมโครเวฟ ตู้เย็น เครื่องดูดฝุ่น เครื่องซักผ้า ฯลฯ 555 ล้อเล่น เข้าไปนั่งขย่มๆ สนุกสนาน อิเซลก็บอก ขับๆๆๆ เอาไปขับลองดู ฮ่วย แม่งแพง ไม่มีปัญญา น้ำลายย้วย หมาเห่าเรือบินตัวจริงเสียงจริง 555 ก็ดูเรื่อยมาจากรุ่นท๊อป ดีเกรดลงมาเรื่อยๆ สุดท้ายมาเจอลูกสาวคนสวยตัวโต สี-ใช่ trim-ใช่ ราคาพอไหว เป็น Camry SE (2014.5) เพิ่งรู้ว่ามี จุดห้าด้วย 5555 เข้าไปนั่งปุ๊บก็รักเลย อิผัวมาถึงพอดี เลยไปเทสไดร้ฟ์ แม๊ แม๊ แม๋ มัน..นุ่ม มาก ขอบอก 555 (ไม่นุ่มได้ไงเน๊าะ อิโข่โหล่มันก็ป่วยหนักซะขนาดหนัก ชักแง่กๆ 5555 ไปไหนกันก็เขย่าหัวใจแม่มาก 555 กลัวมันขาดใจตาย) รถคันที่ซื้อมา ไม่มีอะไรพิเศษเวิ่นเว้อ มีล้อ มีพวงมาลัย 555 คือรถมันเบสิคจริงๆ ถามคนขายไปว่า นี่ๆ แก แกะเอาปุ่มนั่น นี่ ออกไปบ้างก็ได้ ใช้ไม่เป็นหรอก แล้วลดราคามาเยอะๆ มันโดดล๊อคคอเลย 555

สรุปเอาคันนี้แหละ ถึงเวลาเปเป้อเวิ๊กกกก…. อิ๊บอ๋ายละ เกลียดจัง นังเซลคนสวย ก็เฮ้ย แกจะวางเงินดาวน์เท่าไหร่ อิชั้นตอบไปว่า มะมี มีแต่รอยยิ้ม 5555 ฮากันตรึม ผัวหน้าจ๋อย ยิ้มอมหนวดแบบอยากเบิ๊ดโหลกเมีย อ๊ะ ก็ไม่มีตังค์จริงๆ นะ แต่มัน need รถใหม่จริงๆ นะ สรุปว่า ไม่มีเงินดาวน์ รถราคาเกือบๆ $24,000.- หย่อนไม่กี่บาท กู้แบบดอกเบี้ย 0% ได้ส่วนลดฉลองวันชาติอีก $1,500 บวกภาษี บวกค่าทะเบียน บวกๆๆๆ +++ ห่าไรต่อมิอะไรอีก สรุป $27,200.- out the door จากนี้ก็ผ่อนตาเหลือกไปอีก 5 ปี คิดแล้ว..เหนื่อยว่ะ เฮ้ออออออ….

เมื่อวานตอนไปซื้อรถ พอเสร็จขั้นตอนทั้งหลาย (ปาเข้าไปตั้ง 3 ชั่วโมง) วิ่งแจ้นกลับมาทำงานต่อที่ร้าน เค้าบอกเดี๋ยวเอารถไปล้าง เติมน้ำมันให้เต็มถัง (ถามเค้าว่า 10 ถังไม่ได้เหรอ 5555) แล้วจะเอามาส่งที่ร้าน คุณผัวไปรับลูกๆ มากินข้าวที่ร้าน กะว่าจะเซอไพร้ส์เด็กๆ เพราะไม่รู้หรอกว่าแม่ซื้อรถใหม่ อิชั้นก็รอ ร๊อ รอ เมื่อไหร่มันจะเอารถมาส่ง ไปเติมน้ำมันที่นิวยอร์คเหรอวะ รออยู่นานไม่มาซักที เลยวิ่งไปตาม บอกกรูจะขับไปเองแระ สรุปว่าอิเซลมันยุ่ง ขายรถได้อีกคันนึง พอขับมาจอดหน้าร้านตรงโต๊ะที่ลูกๆ นั่งกินข้าวพอดี ตาโต อ้าปากค้างกันเลย หนูดีมากอดแม่ น้ำตาซึม ดีใจ สงสารแม่ แม่ขับรถเก่ามานานแล้ว เป็นโมเม้นต์ที่ไม่มีบ่อยๆ ลูกๆ อยากให้แม่ขับรถพาไปวนๆ แถวๆ นั้น อิพ่อออกมาเลย โน่ๆๆๆๆ รถไม่มีประกัน 5555 วันจันทร์โน่น ถึงจะย้ายประกันจากรถคันเดิมมาสวมคันใหม่ อิหนวดเฮี๊ยบมาก ขอบอก 555 เด็กๆ เข้าไปนั่งในรถ ไอ้ตี้เริ่มปีนป่าย เหยียบเบาะ ไปมา อิเจ้เจ้าของร้านกับอาแปะ ออกมาจ๊ากกก…ว๊ากๆๆ โน่ๆๆๆ รถมาม่าใหม่เอี่ยมเลย อย่าทำสกปรก เห่อกันทั้งตำบล 555 ลูกค้ามากอด Congrats! You deserve it. เลยถามไป .. จะช่วยผ่อนซักคนละเดือน สองเดือนมั๊ย 5555

ตอนที่รอเซ็นเปเป้อเวิร์คที่ผ่านอนุมัติกู้ ทั้งศูนย์เลยนะ แวะมา Congrats! กันใหญ่ เอ๊ะ หรือเค้าให้ฟรีวะ 5555 คือศูนย์นี้เป็นดีลเลอร์ใหญ่มาก lot และ โชว์รูมเค้าใหญ่ มีรถหลายร้อยคัน ศูนย์บริการเค้าก็ใหญ่มาก พนักงานมากินข้าวที่ร้านกันเป็นประจำ ลืมบอกไป ว่าซื้อรถคนนี้ ได้บริการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องฟรี 2 ปี ล้างรถฟรี 2 ปี เช็คฟรีทุกๆ หมื่นไมล์ อะไรไม่รู้อีกเยอะแยะ

ยังไมได้ถ่ายรถคันจริงๆ เลยขโมยรูปมากจากกูเกิ้ล เอามาแปะไว้ก่อนนะคะ

Sunday, April 20, 2014

Las Vegas Trip

บล็อกนี้รูปเยอะ คลิกที่รูปเพื่อดูรูปที่ใหญ่ขึ้นได้นะคะ
เมื่อช่วงสงกรานต์ เด็กๆ หยุดสปริงเบรคพอเดี แม่เลยวางแผนพากันไปเที่ยวนอกรัฐเป็นครั้งแรก คือ ลาสเวกัส รัฐเนวาด้า จองโรงแรมไว้เป็นเดือน เพราะเป็นช่วงวันหยุดยาว peakๆ ถ้าไม่จองล่วงหน้า อาจไม่ได้ หรือแพงมาก หากจองในเวลากระชั้นชิด  ตอนแรกตั้งใจว่าจะเช่ารถ แต่ว่า จน งก และงบมีน้อย เลยเอาอีหนูโข่โหล่ล่าไปกัน ประหยัดไปได้ 4-500 เหรียญ เราไปกัน 6 วัน 5 คืนค่ะ ออกเดินทางกันเลยค่ะ
Vegas - 001
รูปบนนี้เป็นทิวท้ศน์ข้างทาง และ พักรถรอบแรก ที่ Denny’s เพื่อกิน brunch และเข้าห้องน้ำ รวมทั้งแด้ดดี้กับหนูดีวางแผนการเดินทาง ทริปนี้หนูดีเป็น navigator แด้ดดี้กับแม่ผลัดกันขับ เพราะต้องขับยาวเกือบ 8 ชั่วโมง เวลาใครไม่ได้ขับก็ไปนั่งด้านหลังกับสก๊อตตี้ค่ะ
 Vegas - 002
จากนั้นเราก็แวะเข้าห้องน้ำกันอีกรอบนึง ตรงที่พักรถที่เค้ามีเป็นระยะ ที่พักรถในประเทศนี้ สะอาด สะดวก สบาย มีห้องน้ำเยอะแยะ เครื่องดื่มหยอดเหรียญ ที่ที่เราแวะพักรถ มีพาร์คเล็กๆ ด้วย แต่ก็หยุดกันไม่นานหรอกค่ะ เพราะหนทางยังอีกยาวไกล
Vegas - 003
ในที่สุดก็เห็นลาสเวกัสอยู่ลิบๆ โรงแรม ตึกรามบ้านช่องชวนตื่นตาตื่นใจสำหรับบ้านนอกอย่างพวกเรามากค่ะ
Vegas - 004
หนูดีหอบการบ้านมาด้วย และเป็นรูปวิว day & night ที่มองเห็นจากหน้าต่างห้องพักของพวกเราค่ะ เราไม่ลืมเอา surge-protected power strip เตรียมไปด้วย เพราะ gadgets ต้องชาร์จทั้งนั้น
Vegas - 006
เช้าวันแรก กองทัพเดินด้วยท้อง แวะกินเช้าหันที่ IHOPS ค่ะ
Vegas - 007
พอเสร็จสรรพจากมื้อเช้า ก็ขับรถชมเมืองกันค่ะ
Vegas - 008
จุดแรกที่เราแวะคือ โรงแรมและคาสิโน The Venetian ค่ะ ก่อนเดินทางไม่กี่วัน อิชั้นหกล้มบาดเจ็บหนักหนาอยู่คะ แต่ยกเลิกไม่ได้ ก็เป๋ๆ เดี็ยงๆ ไปแบบนั้นเลยค่ะ เลยต้องเอา Zuca (กระเป๋าลากที่มีที่นั่งค่ะ) โยนใส่ไว้ท้ายรถ แวะเดินที่ไหนก็ลากไปด้วยค่ะ
Vegas - 009
แวะกินไอติม ซื้อขนมกันเบาๆ
Vegas - 010
ยังร่อนเร่กันอยู่ใน The Venetian ค่ะ

Vegas - 011
ข้าวของสวยงาม สิ่งต่างๆ รอบตัว น่าดูไปหมดค่ะ
Vegas - 012
วุ่นวาย วื่นวือมากครอบครัวนี้
Vegas - 013
ทุกอย่างสวยงาม น่าสนใจมากค่ะ
Vegas - 014
เพ่นพ่านข้างในเสร็จ เราก็พากันออกมาข้างนอก
Vegas - 015
เราจอกรถทิ้งไว้ที่ เดอะวินิเชี่ยน แล้วก็เดินชมโน่นนี่ ที่มีให้ดูมากมายตลอดข้างทาง ที่จอดรถฟรีทั้งเมืองค่ะ ทุกโรงแรมมีบริการที่จอดรถ สะดวกสบายดีค่ะ  รูปข้างบนนี้เป็น โรงแรมและคาสิโน Treasure Island จากนั้นก็เดินแวะดูโชว์มากมายที่เค้ามีให้ชมกันฟรีๆ ตลอดสตริป โชว์ไฟ โชวน้ำพุ ฯลฯ
Vegas - 016
หมดแรงก็พากันกลับโรงแรมที่พัก เราพักกันที่โรงแรมและคสิโน Circus Circus ค่ะ ราคาห้องที่เราจองได้คืนละ $32 ค่ะ ห้องน้ำห้องนอนสะอาด เตียงควีน 2 เตียง ไม่หรูหรามากมาย ที่เราจองที่นี่เพราะถูก และคิดว่าเพียงพักนอน-อาบน้ำ ถือว่าถูกใจค่ะ วันแรกๆ มีปัญหานิดหน่อย คือ โรงแรมที่เวกัสจะเป็นโรงแรมใหญ่ยักษ์ มีเป็นร้อยเป็นพันห้อง Circus Circus ก็เหมือนกันค่ะ มีหลายตึก ต้องขึ้นลิฟต์ตัวนี้ ไปต่อลิฟต์ชั้นโน้น ต้องเดินผ่านอาเชต ทะลุช้อปปิ้งมอลล์เล็กๆ เหมือนต่อรถเมล์เลยค่ะ วันแรกๆ ก็แย่เหมือนกัน โรงแรมใหญ่ คนเยอะ พลุกพล่าน จะเข้าจะออกไปห้องพักหรือไปที่รถ มี quest ให้ต้องพิชิตทุกวัน แต่พอวันที่ 2 ที่ 3 เริ่มจำได้ ก็โอเคแล้วค่ะ
Vegas - 017
วันที่ 2 หนูดีกับแม่ไปขึ้น Double-decker, Big Bus, Open Top ทัวร์เมืองเวกัสกันค่ะ แด้ดดี้ขี้เกียจเป็นปกติ นอนกินบ้านกินเมืองเหมือนเคย แล้วอ้างว่าจะพาก๊อตตี้ไปว่ายน้ำ สรุปว่าพากันไปที่สระ เห็นแล้วหยะแหยง คนเยอะ สระเล็กๆ เลยพากันไปนอนเซ็งดูทีวีในห้องนอน สมน้ำหน้าจริง หนูดีกับแม่สนุกมาก
Vegas - 018
ไกด์ทัวร์ของเรา ชื่อซาแมนต้า เก่งมาก บรรยายสนุกสนาน ถามลูกทัวร์คนนั้นคนนี้มาจากไหนกัน ทักทายพูดคุย ไม่น่าเบื่อ แล้วก็ชี้ถามหนูดีว่า มาจากเกาหลีเหรอ หนูดีตอบมาจากเฟสโน่ ถามต่อเรียนอะไรอยู่ เฟสโน่คนเอเชียเยอะนี่นะ บลาๆ ถามโน่นนี่ มาลงเอยว่าเป็นคนไทย เกิดเมืองไทย มาโตที่นี่เท่านั้นแหละ แม่นางแซมพูดไทยแบบลูกครึ่งเลย เกิดเมืองไทย โตที่นี่เหมือนกัน แม่ทาย พ่อฟะหล่าง คุยโน่นนี่ใหญ่ ก่อนลงรถเลยขอถ่ายรูปกัน ลืมบอกไปค่ะ บริการของ Big Bus Tour สามารถ Hop-On Hop-Off ขึ้นลงตามจุดต่างๆ ที่เค้าจัดไว้ได้ทั้งวัน ถ้าซื้อออนไลน์ ซื้อ 1 วัน แถม 1 วัน ซื้อ 2 วัน แถม อะไรๆ ว่าไป ลองกูเกิ้ลดูค่ะ รูปแขนบวมๆ นั่น คือ รถไม่มีหลังคา แดดเดือนเมษาที่ว่าร้อนไม่มาก ก็แผดเผาจนเกือบจะได้กินแคบหมูกันเลยค่ะ
Vegas - 019
จากนั้นเราก็โต๋เต็ไปที่ ARIA Resort & Casino ไปหาบุฟเฟ่ต์เลื่องชื่อ สุดท้าย แหงะ ไม่ประทับใจค่ะ สถานที่เค้าสวยงาม ส่วนช้อปปิ้งมอลล์ประดับตกแต่งสวยงามมาก ข้าวของที่ขายเป็นไฮเอนด์แบรนด์ทั้งหมด เราแม่ลูกไม่เสียเวลาแวะดู windows shopping ร้านไหนๆ เลย เพราะไม่ได้มีทรัพย์และเจตนาที่จะไปซื้อข้าวของเกรดนั้น เห็นแล้วเฉยๆ
Vegas - 020
พอออกมาจาก เอเรีย เราก็เดินทะลุ Bellagio Resort & Casino ระหว่างทางที่เดินไป เห็นเค้ามีดิสเพลย์ที่เอาเรือแคนูเยอะแยะมากระจุกรวมกัน แปลกตาดีค่ะ ที่เบลลาจิโอ้เนี่ย ได้รู้มาว่าเค้ามีสวนไม้ดอกไม้ประดับเห็นคนโน้นคนนี้ถ่ายรูปโพสต์มาเยอะแยะ สวยมาก ต้องเห็นให้ได้ พอเดินเข้าไป โห เนี่ยนะ Conservatory & Botanical Gardens มีอยู่จิ๊ดนึงเอง จากนั้นก็เดินทะลุไปส่วนหน้าของโรงแรม ตามลายแทงที่ต้องพิชิต Dale Chihuly glass sculpture ที่ล๊อบบี้ เพดานที่ประดับด้วยแก้วเป่าหลากสีโดยศิลปินชื่อดัง ก็สวยดีค่ะ ลองกูเกิ้ลดูรูปที่สวยๆ ดูนะคะ อิชั้นถ่ายมาแล้ว ดูงั้นๆ เลยขอโชว์แต่รูปครอบครัวค่ะ
Vegas - 021
เดินวกไปวนมา ก็มาโผล่ที่หน้าโรงแรม ก็เดินเรื่อยมา ไม่ได้สังเกตเห็นว่ามีอะไร พอเดินๆ มาตามริมน้ำ เค้ามีลำโพงซ่อนอยู่ตามทางเดิน จากเงียบๆ ก็ได้ยินเพลงของ แฟร๊ง ซินาต้า จากเบาๆ ค่อยๆ ดังขึ้น ซักพักน้ำพุพุ่งกระฉุด สูงมาก โห… มัน spectacular dancing waters อย่างที่เค้าเลื่องลือ สวยดีค่ะ แต่เป็นตอนกลางวัน เลยดูไม่อลังการเท่าตอนกลางคืนที่มีโชว์ไฟด้วย แต่ของเค้าเจิด เริ่ดจริงๆ ค่ะ ในรูปจะเห็นว่าแม่ลูกไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไร ถ่ายรูปกับหอไอเฟลฝั่งตรงข้ามถนนเฉยเลย
Vegas - 022
พอกลับมาถึงโรงแรม แวะดูใจ 2 ชาย หงอยเงือกน่าสงสารแกมสมน้ำหน้า เลยพากันไปหาร้านโกรเซอรี่ญี่ปุ่นที่แม่ทำการบ้านมา พอไปเจอร้าน ร้านกระจุ๊ดนึง ข้าวของราคาแพง เลยพากันไปแวะกินเฝอร้านเวียดนามใกล้ๆ แม่ได้ลองกาแฟหยดเวียดนามเป็นครั้งแรก ปลื้มมาก ถึงมากที่สุด ถึงกับซื้อไอ้ที่หยดนั่นกลับมาด้วยเลย จากนั้นไล่ลูกอาบน้ำอาบท่า ให้เข้านอน หนูดีทาการบ้านกองพะเนิน ก๊อตตี้ไม่ยอมนอนเล่นเกมส์จนดึกดื่น พ่อกับแม่แว๊บไปคาสิโนในโรงแรม แม่ปลื้มมาการิต้าแก้วยักษ์ ฟาดไป 2 เป๋เหมือนกันนะคะ คืนนั้นอิชั้น “เฮง” นิดๆ ได้มารวมแล้ว 100 เหรียญค่ะ คืนต่อๆ มา ก็ได้คืนละ ร้อย-สองร้อย ทุกคืน เกิดมาไม่เคยชนะการพนันอะไรเลย ปริ่มเปรมมากค่ะ
Vegas - 023
วันต่อมาเราพากันไป Hoover Dam ก่อนออกจากโรงแรม เกรงว่าอิหนู่โข่โหล่ล่าของแม่จะไปไม่รอด เพราะต้องขึ้นเขาๆ เลยแวะถามเช่ารถที่ล๊อบบี้ Avis พระเจ้าช่วย กล้วยตาก ฟอร์ดโฟกัสคันจิ๋วจอกสุด ค่ะเช่าวันละ $99 ค่ะ รวมภาษีนั่นนี่ก็ไม่หนี $140 จะบ้าเร๊อะ ราคาตามท้องถิ่นจริงๆ โหดมาก เลยขับอิหนูโข่โหล่ไปกัน รูปบนขวา-หนูดีกับแม่เพร๊พปิ้ง ทาครีมกันแดดกันค่ะ พอไปถึงที่อาคารจอดรถที่เขื่อนเจอรถราคาแพงเยอะแยะ เลยแอบเต๊ะท่าซะหน่อย
Vegas - 024
เขื่อนฮูเวอร์เคยติดอันดับสิ่งก่อสร้างมหัศจรรย์ของโลก และ เป็นเขื่อนที่มีโครงสร้างคอนกรีตขนาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่ตอนนี้โดนลบสถิติไปแล้วค่ะ สูญเสียเลือดเนื้อและชีวิตไปกับการสร้างเขื่อนนี้เยอะเลยค่ะ ลองหาอ่านดูนะคะ อิชั้นไม่ได้แปะรูปโชว์ความยิ่งใหญ่ของเขื่อนเลย อยากให้ทุกคนกูเกิ้ลดูค่ะ มันใหญ่ มโหฬาร ลึกมาก มองมุมกดลง ใจหวิวเลยค่ะ ครอบครัวเราแวะซื้อขนมเครื่องดื่มที่ร้านขายของที่ระลึก เลยเอาแว่นเอเลียนมาถ่ายรูปเล่น ไม่ได้ซื้อค่ะ เพราะของแพงมาก (อย่าเอาเป็นเยี่ยงอย่างนะคะ)
Vegas - 025
เราเดินข้ามฝั่งจากสันเขื่อนด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง ตรงกึ่งกลางเขื่อนมีป้ายเขียนว่าเป็นอีกรัฐนึง คือ Hoover Dam เป็นเขื่อนที่สร้างกั้นแม่น้ำโคโลราโดระหว่างรัฐเนวาด้ากับอริโซน่า สรุปว่าทริปนี้เราได้เที่ยว 2 รัฐเลยนะคะ 5555 

Vegas - 026
จากนั้นเราก็มาเกลือกกลิ้งกันที่พิพิธภัณฑ์ของเขื่อน ถ่ายรูปเล่นสนุกสนาน ก่อนกลับเข้าเวกัสค่ะ
Vegas - 027
ระหว่างทาง แด้ดดี้พยายามอย่างมากที่จะโชว์ลูกๆ โรงแรมของครอบครัว คือโรงแรมของปู่ย่าของแด้ดดี้ค่ะ พ่อของแด้ดดี้ก็เกิด เติบโต และตายอยู่ที่นี่ แต่ตอนนี้โรงแรมได้ตกทอดไปหลายทอดแล้ว แต่ยังคงใช้ชื่อเดิมค่ะ จริงๆ ไม่น่าเรียกโรงแรมนะคะ เป็นโรงเตี๊ยมจะเหมาะกว่า 555 อิชั้นก็แซวลูกๆ ว่า เป็น The Heir & Heiress แต่ไม่โชคดีเหมือน แพริส ฮิลตั้น ดั๊น..ได้เป็นทายาทโรงเตี๊ยม 5555
Vegas - 028
หลังจากเจ็บใจบุพเฟ่ต์ที่เอเรียวันก่อนโน้น คืนนั้นเลยมาล้างแค้นกันที่บุพเฟ่ต์ที่ Treasure Island ตามที่เพื่อนรักแนะนำ ก็โอเคนะคะ ราคาถูกกว่าเยอะ อาหารหลากหลาย อิ่มท้อง เป็นสุขสนุกสนานกันตามปกติค่ะ
Vegas - 0229
ในวันกลับ เราแวะพักรถกลางทะเลทราย ถ่ายรูปกันนิดนึง แวะกินเที่ยง และดินเนอร์อีก 2 รอบ สรุปว่าทริปนี้ครอบครัวเรามีความสุข สนุกสนานมากมาย ตามอัตภาพค่ะ เดือนเมษาอากาศยังไม่ร้อน สบายๆ แนะนำว่าอย่าไปหน้าร้อนนะคะ เพราะร้อนมากตามแบบฉบับของดินแดนทะเลทราย ถ้าหากว่าพวกเราได้ไปลาสเวกัสอีก ก็คงจองโรงแรมเดิม (เก็บเงินไว้กินเที่ยวดีกว่า) แล้วคงจองอะไรล่วงหน้าออนไลน์ วางแผนให้มากกว่านี้ค่ะ ใครจะไปเที่ยวเวกัสก็วางแผนกันล่วงหน้า ประหยัดและได้ประโยชน์กว่าไปคิดไปซื้อกันตรงหน้าค่ะ
What happens in Vegas,
stays in Vegas.