Friday, December 3, 2010

ซี่โครงหมู กับ Spice Rack

เมื่อหลายวันก่อนได้โพสต์เกี่ยวกับเนื้อสัตว์ที่พ่อบ้านไปซื้อมาตอนที่เค้าลดราคา วันนี้ก็เลยเอารูปของโปรเจ็คต่อเนื่องมาให้ดูกันค่ะ เวลาจะเอาพวกเนื้อสัตว์ไปเข้าฟรีซเซ่อร์ก็ต้องมีการวางแผนนิดนึง เมื่อก่อน…ถ้าเป็นเนื้อก้อนๆ ชิ้นบึ้มๆ พอจะเอากลับออกมาใช้ ผัด แกง ทอด ก็ต้องรอให้มันละลายหายแข็งโป๊ก แล้วจึงตัด หั่น สับ เท่าที่ต้องการใช้ แล้วก็เอาไอ้ก้อนบึ้มที่เหลือโยนกลับเข้าฟรีซเซ่อร์อีก พอจะใช้อีกก็ทำเหมือนเดิมอีก มันช่างเสียเวลา… ยิ่งตอนหิวและรีบด่วน มันไม่ทันใจเอาเสียเลย จะใส่ไมโครเวฟเพื่อ “ดี-ฟรอสต์” มันก็จะไปทำให้ไอ้ส่วนที่ยังไม่ต้องการใช้กระทบกระเทือนไปด้วย ต่อๆ มา จากบทเรียนอิชั้นก็จะเอาเนื้อสัตว์ที่ได้มา ล้าง หั่น แยกเป็นถุงๆ ให้เพียงพอสำหรับการนำออกมาใช้แต่ละครั้ง ทำมาหลายปีแล้ว…สะดวก ทันใจ และดูเหมือนว่าจะถูกหลักอนามัยดีกว่า เชิญชมได้ที่นี่ค่ะ http://oohsworld.blogspot.com/2009/05/blog-post_13.html

ส่วนไอ้ซี่โครงหมูที่จะเอามาให้ชมนั้น พอล้าง หั่น เสร็จแล้ว ก็ไปจัดการตำกระเทียม พริกไทย รากผักชี โยนตะไคร้ซอยลงไปนิดนึงค่ะ โขลกให้ละเอียด คลุกด้วยซีอิ้วขาว น้ำตาลทรายแดง น้ำมันหอย ชอบแบบไหน ก็สาดๆ เครื่องปรุงรสใส่เข้าไป ไม่ได้ชั่งตวงวัดแต่อย่างใด อร่อยไม่อร่อยขึ้นอยู่กับ “ดวง” เหมือนกันนิ 5555 เมื่อจัดการหมักหมู ถู ทา ขยำ-ขยี้ จนพอใจ ก็เอาไปจัดการแพ๊คสูญญากาศ อิชั้นจะซีลปากถุงและก้นถุงอย่างน้อย 3 ทีเลยค่ะ กันรั่ว กันซึม กันหยดย้อย ใส่วันเดือนปีเกิดซะหน่อย ระบุชนิดของ specimen ซะด้วย เพราะแช่แข็งนานๆ แบบขังลืม… พอกลับมาดูอีกทีมันจะดูเหมือนๆ กัน ..เขียนไว้ซะ จะได้ไม่ต้องมา…อารายวะเนี่ย! 5555 …เคยทำแบบนี้เก็บแช่ไว้ข้ามปี พอเอาออกอบ…ก็ยังอร่อยค่ะ หมักแล้วแพ๊คแบบนี้..รสชาติใช้ได้เชียว…เพราะมันซึมเข้าเนื้อได้ดี

เวลานึกอยากทานเมื่อไหร่ จะทอด ปิ้ง อบ ก็ควักออกมาจัดการได้เลย หรือเอาแช่น้ำอุ่นๆ ทั้งถุงเลยซักแป๊บนึงก็ละลายแล้ว ไม่งั้นก็เอามาใส่ตู้เย็นช่องธรรมาดซัก 1 คืนให้ thawed ซะหน่อย ก่อนจะเอาไปทำให้สุก ที่อิชั้นชอบทำคือ อบค่ะ เปิดเตาอบ 375-400°F โยนเข้าไป 45 นาทีก็ทานได้แล้ว ระหว่างที่รอก็ไปถามสมาชิกในบ้านว่าอยากจะทานแบบไหน ไทยหรือฝรั่ง หรือลาวก็ว่ากันไป 5555 เอาน้ำจิ้มมั๊ย หรือถ้าเป็นฝรั่งก็หาเครื่องเคียงให้เข้าท่า แต่ที่ถูกรีเควสบ่อยสุดคือ ทานกับข้าวเหนียวค่ะ ข้าวเหนียวบ้านนี้ก็หุงอย่างง่ายดายและทันใจ หุงมันในหม้อข้าวเลย 15 นาทีก็เสร็จ ทำแบบนี้..แช่เก็บไว้เยอะๆ เวลาคิดอะไรไม่ออก ก็สะดวกดีค่ะ

page-594

มาดู spice ที่อิชั้นไปซื้อมาเพิ่มเมื่อก่อนที่จะทำอาหารวันแต๊งส์กีฟวิ่ง พอดีร้านที่ไปซื้อเค้ามีซื้อ 2 แถม 1 ก็เลยลากมาซะ 6 ขวด เลือกอยู่นั่น พยายามเลือกเครื่องเทศที่ใช้บ่อยๆ ไอ้ขวดที่เลเบ้วขาวนั่น คือ Sage ค่ะ ทุกขวดราคา 2.99 เหรียญ ที่มีอยู่ก่อนก็เยอะมาก เดี๋ยววันหลังเอามาถ่ายรูปประจาน 5555 ส่วนดินเน่อร์โรลหน้าตาน่ากินนั่น ฝีมือลูกสาวค่ะ อีหนูดี…อยากทำขนมอบมาก ตอนลูกทำก็ช่วยนิดหน่อย หน่วยก้านดีนะคะลูกอิชั้น ปกติก็อบเค้ก+คุ้กกี้จากกล่องกึ่งสำเร็จรูปเลี้ยงน้องและตัวเองรวมทั้งแม่ด้วยอยู่บ่อยๆ ค่ะ แต่คราวนี้กล้าหาญชาญชัยมาก ทำจาก scratch เลยค่ะ เปิดตำรา ชั่ง ตวง วัด ทำเลอะเทอะได้ยอดเยี่ยม ขนมปังดูดี สีสวย แต่มันหนักๆ ไปนิด เจ้าตัวทำหน้าผิดหวัง ก็ปลอบลูกไปว่า ทำครั้งแรกได้แบบนี้ก็เก่งมากแล้ว เดี๋ยวแม่ไปซื้อแป้งมาให้อีก กะว่าคราวหน้าจะสอนลูกทำหนมปังเนยสดซะหน่อยค่ะ

page-595

ProudMommy-01

Wednesday, December 1, 2010

Stuffing with Spinach & Macadamia Nuts

I just want to share the stuffing recipe which I got lots of complement….. although those came from my own family hehehehe…….

page-591

Ingredients:

4 tbsp. butter

3 cups chopped onion

3 cups chopped celery

3 cups reduced sodium chicken broth

4 tsp. poultry seasoning

½ tsp. salt

½ tsp. fresh ground pepper

1 lb. fresh baby spinach

16 cups stuffing cubes

1 cup chopped macadamia nuts, toasted

page-592

1) Heat oven 350°F

2) Coat the baking dish with nonstick spray

3) Heat butter in large skillet

4) Add onion and celery cook until softened ~ 5 minutes

5) Add chicken broth, bring to a boil.

6) Add poultry seasoning, salt, fresh ground pepper.

7) Reduce heat, add spinach; simmer, uncovered.

8) Stir in stuffing cubes and toasted macadamia nuts.

9) Transfer to greased baking pan,

10) Covered, bake at 350°F for 20 minutes.

11) Uncovered, bake for 15 minutes or until browned.

page-593

I posted about this stuffing @ Ooh’s World…..please check it out, thanks for stopping by!

http://oohsworld.blogspot.com/2010/11/i-survived-thanksgiving-2010.html