Friday, December 3, 2010

ซี่โครงหมู กับ Spice Rack

เมื่อหลายวันก่อนได้โพสต์เกี่ยวกับเนื้อสัตว์ที่พ่อบ้านไปซื้อมาตอนที่เค้าลดราคา วันนี้ก็เลยเอารูปของโปรเจ็คต่อเนื่องมาให้ดูกันค่ะ เวลาจะเอาพวกเนื้อสัตว์ไปเข้าฟรีซเซ่อร์ก็ต้องมีการวางแผนนิดนึง เมื่อก่อน…ถ้าเป็นเนื้อก้อนๆ ชิ้นบึ้มๆ พอจะเอากลับออกมาใช้ ผัด แกง ทอด ก็ต้องรอให้มันละลายหายแข็งโป๊ก แล้วจึงตัด หั่น สับ เท่าที่ต้องการใช้ แล้วก็เอาไอ้ก้อนบึ้มที่เหลือโยนกลับเข้าฟรีซเซ่อร์อีก พอจะใช้อีกก็ทำเหมือนเดิมอีก มันช่างเสียเวลา… ยิ่งตอนหิวและรีบด่วน มันไม่ทันใจเอาเสียเลย จะใส่ไมโครเวฟเพื่อ “ดี-ฟรอสต์” มันก็จะไปทำให้ไอ้ส่วนที่ยังไม่ต้องการใช้กระทบกระเทือนไปด้วย ต่อๆ มา จากบทเรียนอิชั้นก็จะเอาเนื้อสัตว์ที่ได้มา ล้าง หั่น แยกเป็นถุงๆ ให้เพียงพอสำหรับการนำออกมาใช้แต่ละครั้ง ทำมาหลายปีแล้ว…สะดวก ทันใจ และดูเหมือนว่าจะถูกหลักอนามัยดีกว่า เชิญชมได้ที่นี่ค่ะ http://oohsworld.blogspot.com/2009/05/blog-post_13.html

ส่วนไอ้ซี่โครงหมูที่จะเอามาให้ชมนั้น พอล้าง หั่น เสร็จแล้ว ก็ไปจัดการตำกระเทียม พริกไทย รากผักชี โยนตะไคร้ซอยลงไปนิดนึงค่ะ โขลกให้ละเอียด คลุกด้วยซีอิ้วขาว น้ำตาลทรายแดง น้ำมันหอย ชอบแบบไหน ก็สาดๆ เครื่องปรุงรสใส่เข้าไป ไม่ได้ชั่งตวงวัดแต่อย่างใด อร่อยไม่อร่อยขึ้นอยู่กับ “ดวง” เหมือนกันนิ 5555 เมื่อจัดการหมักหมู ถู ทา ขยำ-ขยี้ จนพอใจ ก็เอาไปจัดการแพ๊คสูญญากาศ อิชั้นจะซีลปากถุงและก้นถุงอย่างน้อย 3 ทีเลยค่ะ กันรั่ว กันซึม กันหยดย้อย ใส่วันเดือนปีเกิดซะหน่อย ระบุชนิดของ specimen ซะด้วย เพราะแช่แข็งนานๆ แบบขังลืม… พอกลับมาดูอีกทีมันจะดูเหมือนๆ กัน ..เขียนไว้ซะ จะได้ไม่ต้องมา…อารายวะเนี่ย! 5555 …เคยทำแบบนี้เก็บแช่ไว้ข้ามปี พอเอาออกอบ…ก็ยังอร่อยค่ะ หมักแล้วแพ๊คแบบนี้..รสชาติใช้ได้เชียว…เพราะมันซึมเข้าเนื้อได้ดี

เวลานึกอยากทานเมื่อไหร่ จะทอด ปิ้ง อบ ก็ควักออกมาจัดการได้เลย หรือเอาแช่น้ำอุ่นๆ ทั้งถุงเลยซักแป๊บนึงก็ละลายแล้ว ไม่งั้นก็เอามาใส่ตู้เย็นช่องธรรมาดซัก 1 คืนให้ thawed ซะหน่อย ก่อนจะเอาไปทำให้สุก ที่อิชั้นชอบทำคือ อบค่ะ เปิดเตาอบ 375-400°F โยนเข้าไป 45 นาทีก็ทานได้แล้ว ระหว่างที่รอก็ไปถามสมาชิกในบ้านว่าอยากจะทานแบบไหน ไทยหรือฝรั่ง หรือลาวก็ว่ากันไป 5555 เอาน้ำจิ้มมั๊ย หรือถ้าเป็นฝรั่งก็หาเครื่องเคียงให้เข้าท่า แต่ที่ถูกรีเควสบ่อยสุดคือ ทานกับข้าวเหนียวค่ะ ข้าวเหนียวบ้านนี้ก็หุงอย่างง่ายดายและทันใจ หุงมันในหม้อข้าวเลย 15 นาทีก็เสร็จ ทำแบบนี้..แช่เก็บไว้เยอะๆ เวลาคิดอะไรไม่ออก ก็สะดวกดีค่ะ

page-594

มาดู spice ที่อิชั้นไปซื้อมาเพิ่มเมื่อก่อนที่จะทำอาหารวันแต๊งส์กีฟวิ่ง พอดีร้านที่ไปซื้อเค้ามีซื้อ 2 แถม 1 ก็เลยลากมาซะ 6 ขวด เลือกอยู่นั่น พยายามเลือกเครื่องเทศที่ใช้บ่อยๆ ไอ้ขวดที่เลเบ้วขาวนั่น คือ Sage ค่ะ ทุกขวดราคา 2.99 เหรียญ ที่มีอยู่ก่อนก็เยอะมาก เดี๋ยววันหลังเอามาถ่ายรูปประจาน 5555 ส่วนดินเน่อร์โรลหน้าตาน่ากินนั่น ฝีมือลูกสาวค่ะ อีหนูดี…อยากทำขนมอบมาก ตอนลูกทำก็ช่วยนิดหน่อย หน่วยก้านดีนะคะลูกอิชั้น ปกติก็อบเค้ก+คุ้กกี้จากกล่องกึ่งสำเร็จรูปเลี้ยงน้องและตัวเองรวมทั้งแม่ด้วยอยู่บ่อยๆ ค่ะ แต่คราวนี้กล้าหาญชาญชัยมาก ทำจาก scratch เลยค่ะ เปิดตำรา ชั่ง ตวง วัด ทำเลอะเทอะได้ยอดเยี่ยม ขนมปังดูดี สีสวย แต่มันหนักๆ ไปนิด เจ้าตัวทำหน้าผิดหวัง ก็ปลอบลูกไปว่า ทำครั้งแรกได้แบบนี้ก็เก่งมากแล้ว เดี๋ยวแม่ไปซื้อแป้งมาให้อีก กะว่าคราวหน้าจะสอนลูกทำหนมปังเนยสดซะหน่อยค่ะ

page-595

ProudMommy-01

Wednesday, December 1, 2010

Stuffing with Spinach & Macadamia Nuts

I just want to share the stuffing recipe which I got lots of complement….. although those came from my own family hehehehe…….

page-591

Ingredients:

4 tbsp. butter

3 cups chopped onion

3 cups chopped celery

3 cups reduced sodium chicken broth

4 tsp. poultry seasoning

½ tsp. salt

½ tsp. fresh ground pepper

1 lb. fresh baby spinach

16 cups stuffing cubes

1 cup chopped macadamia nuts, toasted

page-592

1) Heat oven 350°F

2) Coat the baking dish with nonstick spray

3) Heat butter in large skillet

4) Add onion and celery cook until softened ~ 5 minutes

5) Add chicken broth, bring to a boil.

6) Add poultry seasoning, salt, fresh ground pepper.

7) Reduce heat, add spinach; simmer, uncovered.

8) Stir in stuffing cubes and toasted macadamia nuts.

9) Transfer to greased baking pan,

10) Covered, bake at 350°F for 20 minutes.

11) Uncovered, bake for 15 minutes or until browned.

page-593

I posted about this stuffing @ Ooh’s World…..please check it out, thanks for stopping by!

http://oohsworld.blogspot.com/2010/11/i-survived-thanksgiving-2010.html

Tuesday, November 9, 2010

My (Real) Low-Life White Trash Friend..!

เนื้อเรื่องอันนี้เป็นแบบ draft แรกๆ เลย ขาดหายไปเยอะ เดี๋ยวว่างๆ มา edit ใหม่ค่ะ

tumblr_kurcq6DFFW1qawc0po1_500

นานมาแล้ว 9-10 ปี ประมาณนั้น รอมมี่ยังเป็น toddler (almost rooster) อิชั้นใช้ชีวิตอยู่ไปวันๆ กับลูก ไม่ได้ทำงาน ไม่ค่อยไปไหน ไม่มีเพื่อน พอนานๆ เข้าก็สงสารลูกที่ลูกไม่มีเพื่อน ไม่ได้เล่นกับเด็กๆ รุ่นราวคราวเดียวกัน ก่อนที่จะจัดการพาหนูดีไปเข้าเรียนชั้น preschool อิชั้นได้พยายามจะ take course อะไรก็ได้ที่สามารถทำกิจกรรมร่วมกับลูก หรือ พาลูกไปด้วยได้ (ไม่รู้จะไปฝากลูกไว้ที่ไหน) โปรเจ็คที่จะเรียนอะไรเป็นเรื่องเป็นราวสำหรับอิชั้นเอง ทำได้ยากมาก ก็เพราะเรื่องลูกนี่แหละค่ะ เลยทำให้เรียนพยาบาลไม่จบ

27149256_12204b595d

อยู่มาวันนึง ได้รับเมล์ catalogue ของ adult school ว่ามีโปรแกรม Child Development อะไรซักอย่าง จำชื่อไม่แม่นค่ะ (ขี้เกียจไปรื้อใบเซอร์ดู 5555) น่าสนใจมาก เรียนประมาณ 24 ชั่วโมง วันละ 2 ชั่วโมง อาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง คือเรียนแป๊บๆ ก็จบคอร์สค่ะ ระหว่างที่เรียนในห้องเรียน พวกเด็กๆ ก็จะรวมอยู่ที่ห้องข้างๆ หรือที่สนามเด็กเล่น ทำกิจกรรมต่างๆ วาดรูป ระบายสี เล่นเกมส์ ฯลฯ ส่วนพ่อแม่ก็จะเรียนจากหนังสือเล่มใหญ่เชียวค่ะ instructor ใจดี ใจเย็น หน้าตายๆ 555 ไร้ความรู้สึก มีจดโน๊ต มีสอบในวันสุดท้าย เนื้อหาห็ไม่มีอะไรมาก ยอดคุณแม่ (supper mom) อย่างอิชั้น รู้โม้ดดดดด….. 555 ก็มีเรื่องเซฟตี้ต่างๆ ในบ้าน ในรถ โน่นนี่ โภชนการ การอบรม ดูแล ลูก การลงโทษ การให้รางวัล การชื่นชม ตำหนิ อย่างเหมาะสม และไม่ผิดกฏหมาย เค้าสอนอย่างละนิดละหน่อย อิชั้นก็เรียนไปแบบเบื่อๆ แต่รอมมี่ชอบมากค่ะ ได้เล่นเกมส์ ได้ทำกิจกรรมกับเด็กๆ รุ่นเดียวกัน

ระหว่างที่เรียน อิชั้นก็มีเพื่อนใหม่คนหนึ่ง ชื่อ “เทเรซ่า” เป็น สาวใหญ่ แก่กว่าอิชั้น 5-6 ปี red head ตัวโตๆ แต่ไม่อ้วนใหญ่ยักษ์นะคะ คือตัวสูงใหญ่ พอเข้าเรียนชั่วโมงแรกนั่งติดกัน พอวันหลังๆ ใครมาถึงก่อนก็รีบจองโต๊ะให้กันค่ะ จะได้นั่งติดกัน พอเรียนได้ 2-3 ครั้ง ดิฉันก็ได้ทราบ แบบ อ๋อ เหรอวะ ว่า พวกที่มาเรียนทั้งหมดเนี่ยยยย…. เป็นเพราะ court order ทั้งหมดเลยค่ะ มีแต่อิชั้นคนเดียวที่มาเรียนแบบ voluntary ฮึ่ม… มิน่าหล่ะ บางคนก็มาแบบผัวเมีย นั่งหน้างอ ไม่พูดไม่จากัน บางคนก็เป็นแบบวันแมนโชว์ truck driver (ยังนึกเลยว่าอิตาหนวดเฟิ้มเนี่ย น่ารักจัง มาเรียนคอร์สนี้ 555) บางนาง บางอี บางไอ้ ก็แบบ น่าตาไม่นาไว้ใจ เหมือนเดนคุก อิชั้นก็เรียนๆ ไป ไม่พูดกับใคร ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยมีใครพูดกันหรอกค่ะ แต่ก็จะมีพวกที่จี๋จ๋า แจ๊ดแจ๋ แต้แว๊ด เสียงดัง center of attemtion หลายคนอยู่ค่ะ คือพวกนี้ต้องเรียนให้จบ ต้องเข้าคลาสทุกครั้ง ใครขาดเรียนก็จะไม่ได้ใบเซอร์ไปให้ศาลค่ะ พวกนี้อาจมาจากต้องคดีหลายรูปแบบ เช่น ทำร้ายลูกเต้า ฟ้องแย่ง custody ลูก-หลังจากหย่ากัน คือเป็นได้หลายกรณีค่ะ จารนัยไม่หมด พอมาเล่าให้พ่อบ้านฟัง ก็ให้เป็นห่วงสุขภาพและความปลอดภัยของลูกเมียที่รักยิ่งนัก ขอร้องให้เลิกไปเรียน อิชั้นก็สัญญาว่าจะดูและตัวเองและลูกให้อยู่รอดปลอดภัย เพราะว่าลูกชอบคลาสเด็กค่ะ ได้ตัดกระดาษ วาดรูป เล่นเกมส์ ฯลฯ (หลังจากจบคอร์ส พ่อบ้านก็จับรอมมี่เข้าพรีสคูลเลยค่ะ วันละ 27 เหรียญก็ไม่บ่น นั่นเป็นเรทเมื่อ 10 ที่แล้วนะคะ)

shots

กลับมาที่เทเรซ่า ทุกครั้งที่เธอมาเรียน ก็จะมีลูกชายหล่อเชียวค่ะ ชื่อ อาดัม มาเรียนด้วยทุกครั้ง อาดัม อายุ 11 ปี พอรู้ว่าแม่กับแม่จับคู่กัน อาดัมก็คอยเป็นหูเป็นตาดูแลหนูดีในห้องเรียนของเด็กๆ พอวันสุดท้ายที่เรียนจบ ครูบอกว่าให้ทุกคนนำ snack เครื่องดื่มมาปาร์ตี้กัน อิชั้นยังจำแม่นว่า เอาอะไรไปดีว๊าาา…. พ่อบ้านแนะนำว่า ให้ไปซื้อ เบบี้แครอทที่มี ranch dip เป็น individual snack pack จะเหมาะกว่า ไม่ต้องเก็บ ไม่ต้องจัด วางๆ ไว้ใครอยากกินก็มาหยิบๆ ไป แต่พอมันเป็นแพ๊คเดี๋ยวๆ ก็จะแพงนะคะ อิชั้นซื้อไป 3 โหล คิดว่าน่าจะพอ เพราะใครๆ ก็เอาขนมเครื่องดื่มไปกันเยอะแล้ว คัพเค้ก คุ้กกี้ เพียบ พอเอาสแน๊คแพ๊ตแครอทวางเท่านั้นนะคะ มือดำๆ เล็กๆ ก็ย่องมาหยิบทีละ ห่อ สองห่อ พวกไอ้ดำ ไอ้เม๊กก็ให้ลูกๆ วนมาหยิบไปเก็บกลับบ้านกันค่ะ ไม่ถึง 2 นาที แครอทอิชั้นหายเกลี้ยง พอครูกับใครๆ เดินมาถามว่าอิชั้นเอาอะไรมา ก็ได้แต่แบมือ ยักไหล่ แบะปาก จะไปไล่รื้อเอามาจากกระเป๋าอีพวกนั้นก็ อืมมมม… อย่าไปเล่นกะมันเลยพวกโลว์ไล้ฟ์ ทองไม่ลู่กระเบื้องเปื้อนขี้ค่ะ 555 คือไม่ใช่ต่ำเฉยๆ ต๊ำต่ำ แล้วชั่วด้วย น่ากลัว 55555

drugs

เทเรซ่าคงพอรู้ว่าอิชั้นเหมือนจะมู้ดดี้ พอเลิกรากันแล้ว ก็ออกปากชวนอิชั้นกับรอมมี่ไปที่บ้าน บอกว่าจะทำบาร์บีคิวเลี้ยง อิชั้นก็อึกอัก อึกๆ อักๆ มากเลยค่ะ เพราะไม่ได้รู้จักมักจี่มากมายขนาดนั้น และไม่ได้คิดคบต่อจริงๆ นะคะ แต่ก็กลัวคนชวนเสียใจ เพราะเธอและลูกคะยั้นคะยอเสียขนาดนั้น แล้วคงรู้ว่าเราตาขาวด้วย ก็ย้ำหลายครั้งว่าเค้าอยู่กันแค่ 2 คนแม่ลูก ไม่มีใคร สุดท้ายก็ไปค่ะ จำได้ว่าไปนั่งคุยกันอยู่ไม่นาน ทานอะไรแป๊บๆ ก็รีบกลับ พออีก 2-3 อาทิตย์ เทเรซ่าก็โทรมาหา ถามไถ่ ว่าเป็นไง เงียบไปเลย ชวนไปนั่งเล่นคุยกัน chill out ดีกว่า จะอยู่บ้านเงือกเหงาทำไม อิชั้นก็เลยซื้อน้ำอัดลม ไอติมไป เพราะเทเรซ่าโทรสั่งพิซซ่าไว้รอ ในวันนั้นทำให้อิชั้นได้รู้เรื่องราวของเทเรซ่า สามีเธอติดคุกอยู่ค่ะ เพราะทะเลาะตบตีกัน ทำร้ายเธอจนตาหลุดออกจากเบ้าข้างนึง กระโหลกร้าว ทำให้เธอต้องย้ายจากเฟสโน่มาอยู่มาเดร่า ไม่มีเพื่อนหรอก แต่ด้วยเหตุผลกลใดที่ทำให้เธอต้องเรียนคอร์สนั้นจำได้ไม่แม่นว่าทำไม judge ต้องการใบเซอร์นั่นจากเธอค่ะ แต่ที่ประหลาดใจยิ่งนักจนอดถามออกไปว่าทำไมอาดัมไม่ไปโรงเรียน อาดัมก็มาตอบเองเลยนะคะ ว่าไม่ชอบเพื่อนที่โรงเรียนใหม่ พวกไอ้เม๊กไอ้ดำชอบรังแก เลยขอให้แม่ไปทำเรื่องโฮมสคูล ฟังแล้วก็เศร้าใจ อิชั้นกลับมาเล่าให้พ่อบ้านฟังตามปกติ อิพ่อบ้าน “ปักม๋า” ของอิชั้นก็เรียกเทเรซ่าว่า your eye-popped friend หรือไม่ก็ your pop-eye friend ตลอดเลยค่ะ 55555

do-adhd-drugs-take-a-toll_1

เด็กอาดัม พูดจาฉะฉาน สุภาพ แต่ชอบ interrupt เวลาผู้ใหญ่คุยกัน คนเป็นแม่ก็ไม่ห้ามปราม แม่เค้าไม่ว่า-ก็ไม่ใช่ธุระของเราค่ะ นอกเหนือจากชอบพูดสอดแล้ว..อาดัมเป็นเด็กอ่อนโยน ขี้อ้อน ติดแม่ (ผิดปกติกับเด็กผู้ชายวัยเดียวกัน) จากวันนั้นอิชั้นกับลูกก็ไปมาหาสู่เทเรซ่ากับลูกหลายหน เหมือนกับ have good time, good talk with good friend จริงๆ นะคะ เราคุยกันเรื่องสัพเพเหระ สนุกสนาน เรื่องหนัง ทีวี ดารา ฯลฯ จนอยู่มาวันนึง เทเรซ่าโทรมาหาบอกว่าวันนี้มีนัดต้องไปหาหมอ แต่รถของเธอโดน repossessed (ถูกยึด เพราะขาดส่ง) เมื่อไม่กี่วันมานี้ อิชั้นก็ไม่รีรอ เพราะรู้ว่าเทเรซ่ามีเรื่องที่ต้องดูแลเกี่ยวกับ health issue เห็นกินยาอยู่หลายขนาน ฟังดูน่าเป็นห่วง ก็รีบบึ่งไปรับเทเรซ่ากับลูกไปส่งที่โรงพยาบาล แล้วก็ไปรับรอมมี่จากพรีสคูล แต่อาดัมขอติดรถไปด้วย (เด็กอาดัมเรียกอิชั้นว่า Auntie Ooh ซึ่งถือว่าแปลกมาก เพราะเด็กฝรั่งมักเรียกผู้ใหญ่หรือใครๆ ด้วยชื่อเฉยๆ ค่ะ แต่เทเรซ่าสอนให้อาดัมเรียกอิชั้นแบบนั้น) พอขากลับไปรับเทเรซ่าที่โรงพยาบาล เลยแวะแม๊คโดเน่า ซื้ออะไรให้เด็กๆ กิน อาดัมก็ขอบคุณแล้วขอบคุณอีก น่ารักดีค่ะ

spiritual_drugs

ไม่นานต่อมาเทเรซ่าก็บอกว่าเธออยากจะย้ายกลับไปอยู่เฟรสโน่แล้ว เพราะมาเดร่าค่อนข้างกันดารถ้าไม่มีรถก็ไปไหนไม่ได้ เฟรสโน่ยังมีรถเมล์ แท๊กซี่ อิชั้นก็ใจหายนิดๆ นะคะ เพราะไม่มีเพื่อน พอมีเทเรซ่าก็สนุกไปอีกแบบนึงค่ะ ทำกับข้าวกินกัน เธอยังสอนอิชั้นทำ Bar-B-Q Ribs แสนอร่อยยยยย…. อิชั้นก็สอนเธอทำแกงเขียวหวานของโปรดเธอด้วย

drugs-abuse

พอเทเรซ่ากับลูกย้ายไปไม่นาน เธอก็โทรมาบอกว่าไม่อยากไปเยี่ยมเธอกับลูกบ้างเหรอ (ตลอดเวลา เทเรซ่าและลูกไม่เคยรู้ว่าบ้านของเราอยู่ที่ไหน เพราะพ่อบ้านเตือนว่าห้ามบอกเด็ดขาด) อิชั้นก็บอก ได้สิ บ้านอยู่ไหน เลขที่เท่าไหร่ ถนนอะไร ก็พากันขับรถไปหา บ้านใหม่ของเธอเป็นอพาร์ทเม้นต์ยูนิตเล็กๆ 2 ห้องนอน มีห้องครัว ห้องนั่งเล่น เห็นว่ารัฐจ่ายค่าเช่าให้เธอ ด้วยโปรแกรม Section-8 เทเรซ่าเคยเป็นพยาบาล พอมาเป็น disable ทำงานไม่ได้ เลยมีสวัสดิการช่วยเหลืออื่นๆ อีก เป็นเช็คส่งมากทุกๆ เดือนๆ ละ 2 เช็คมั๊ง รวมแล้วเกือบๆ 2 พันได้ค่ะ ก็จ่ายค่าน้ำค่าไฟ โทรศัพท์ไป ข้าวปลาอาหารก็ซื้อหามากินเอง พอเดินเข้าบ้านใหม่ของเทเรซ่า ก็งงๆ นะคะ มีเคเบิ้ลทีวี เฟอร์นิเจอร์ ตู้เย็น และข้าวของใหม่ๆ เพียบ เทเรซ่าบอกว่าเธอเคยอยู่ย่านนี้มาก่อน เพื่อนๆ ของเธอก็ยังคงอยู่ละแวกนี้ พอรู้ว่าเธอกลับมาก็ขนโน่นนี่มาต้อนรับเป็นการใหญ่ อืม…..เพื่อนน่ารักเน๊าะ

Welfare

พอเราเริ่มจะทำกับข้าวกับปลากินกัน (ตามปกติเวลาเราเจอกัน) ก็มีคนโน้น คนนี้ เปลี่ยนหน้าเดินเข้าเดินออกบ้านเธอเป็นว่าเล่น ทุกครั้งเทเรซ่าก็จะแนะนำว่า This is Ooh, my sweet Thai friend & I love her very much. This is Rommy, my little angel. แล้วก็บอกใครต่อใครเรื่อยๆ ว่าอิชั้นน่ะเป็นคนดี… คนดี good person which you never imagine you’ll have someone this good as your friend! อิชั้นก็เขิลลลล์ ซ้าาา… แล้วก็มีสาวสวยนมตู้มมมม…. เซ็กซี่เดินเข้ามา ชื่อของเธอคือ แพเมล่า ซึ่งต่อมากลายเป็นเพื่อนที่อิชั้นสนิทด้วยอีกคน ทุกครั้งที่เราเจอกัน ก็จะต้อง กินๆๆๆๆๆๆๆๆ ไม่ซื้อ ก็ทำอะไรกินกันทุกครั้ง เทเรซ่าจะมีลูกหยอดใส่แพมทุกครั้งว่า Ooh is my friend…not yours. Don’t mess with her…I told you! ฟังทีไรก็แปลกๆ หรือว่าเทเรซ่ามันเลสเบี้ยนวะ ชักแหยงๆ

Dont-apply-for-jobs-that-do-drug-tests-Use-unemployment-check-to-buy-more-weed

ทุกครั้งที่ไปบ้านเทเรซ่า อิชั้นก็จะมีเรื่องมาเล่าให้พ่อบ้านฟังทุกครั้ง คำพูดแปลกๆ พฤติกรรมแปลกๆ อย่าง… ทำไมใครๆ ชอบเข้าห้องน้ำทีละ 2-3 คน พ่อบ้านก็บอก มันดูทะแม่ง ทะแม่ง นะ ไม่จำเป็นก็ห่างๆ ละกัน อิชั้นก็เลยห่างๆ ออกมา ไปแวะเวียนหานานๆ ครั้ง ถ้ามีเหตุต้องให้ไปซื้อของที่เฟสโน่

มีอยู่ครั้งหนึ่ง..อิชั้นแวะไปที่บ้านเเทเรซ่า..ก็เห็นมีผู้ชายเม๊กซิกันเตี้ยๆ สั้นๆ ดำๆ หน้าตาขี้เหร่ พวกเผ่า Oaxaca (Spanish pronunciation: [oaˈxaka]; English pronunciation: /wəˈhɑːkə/ wə-HAH-kə) พวกวะหะกา เหมือนกับ ชนเผ่าแรงงาน ชนชั้นล่างของพวกเม๊กน่ะค่ะ อะไรเทือกนั้นค่ะ พออิชั้นเห็นมีตัวแบบนั้นเดินอยู่ 2 ตัวในบ้านเธอก็ตกใจ และกลัวค่ะ เพราะโดนกรอกหูจากพ่อบ้านว่าอยู่ให้ห่าง พออิชั้นตั้งท่าว่าจะคว้าแขนลูกเดินออกมา บอกไปว่าถ้ามีเพื่อนก็ขอตัวละกัน เทเรซ่าก็บอกให้อยู่ก่อน อิชั้นก็ส่งสายตาถามไปแบบ “ใครวะ พวกนั้นน่ะ” เธอก็รีบบอก ว่าพวกนี้โอเคไม่มีอะไรน่ากลัว แต่ก็นั่งไม่ติดเพราะอะไรๆ ดูแปลกๆ เทเรซ่าก็เลยมาขอโทษขอโพยถ้าหากทำให้รู้สึกว่า uncomfortable อิชั้นก็บอกปล่าวหรอก ปล่าวเลย เพียงแต่มีธุระต้องทำ แวะมาเซย์ “ไฮ” เฉยๆ เธอก็รีบบอกว่า เมื่อคืนไปปาร์ตี้กับแพม เมากันเละ (อิชั้นไม่เคยดื่มกับพวกนี้เลยนะคะ) พอขากลับ เจอไอ้เตี้ย 2 ตัวที่เห็น ไม่รู้อะไรเป็นอะไร ก็มาลงเอยกันที่นี่แหละ nothing or no one to blame ….but too drunk and physical needs พอได้ยินแค่นั้นก็ อึ้งงง.. โอ้..มาย บุ๊ดด้า… เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยนะคะ ที่ได้ยินว่า physical needs คนเราก็เลยต้อง f**k around เคยรู้แต่ว่า physical needs คือ หยูกยา อาหาร แขนขาเทียม อะไรที่ทำให้ชีวิตอยู่รอดและดำเนินต่อไปได้ ทำไมคนพวกนี้ช่าง “แหวะ” หยะแหยงเหลือเกิน สงสารตัวเองกับลูกที่ต้องมาอยู่ท่ามกลางคนพวกนี้

2204~No-Drugs-Posters

จากวันนั้น อิชั้นก็ไม่ได้แวะเวียนไปหาเทเรซ่าอีกเลย อยู่เงียบๆ กับลูกผัวเรื่อยมา อยู่มาวันนึงเป็นที่ประหลาดใจยิ่งนัก เมื่อได้รับโทรศัพท์จากอาดัม บอกว่าวีคเอนด์ที่จะถึง เป็นวันเกิด อยากให้ Auntie Ooh มา พอเด็กพูดแบบนั้น ใครจะไม่ “จุก” เด็กขอมา…ปฏิเสธไม่ได้อยู่แล้ว ก็เลย หยอดๆ ไปว่า อยากได้อะไร อาดัมก็บอกอยากได้ skateboard ใหม่ พอถึงวันอิชั้นก็จัดการไปซื้อและเอาไปให้ กะว่าจะให้ของขวัญกับเด็กแล้วก็ร่ำลาเลย พอไปถึงเทเรซ่าก็ดีอกดีใจมากกกก… ที่อิชั้นไปวันเกิดอาดัม รีบชวนเข้าบ้าน แล้วก็ชวนคุยขอโทษขอโพยอิชั้นเรื่องคราวโน้น อิชั้นก็บอกไปว่า ไม่เห็นต้องขอโทษอะไร มันเป็นเรื่องส่วนตัว คุยไปคุยมาอิชั้นก็รู้สึกดีขึ้น รู้สึกเหมือนตอนเรารู้จักกันใหม่ๆ คุยกันสนุกสนานได้ไม่นาน แพมก็เดินเข้ามากับหญิงสูงวัยแปลกหน้า พอเข้ามาปุ๊บก็เดินตรงไปที่ห้องน้ำทั้งคู่ ก่อนเข้าห้องน้ำก็แวะไปในครัว ฉีก aluminum foil เข้าไปด้วย แล้วเทเรซ่าก็เดินตามเข้าห้องน้ำไป เสียงดังโล้งเล้ง แอบฟังได้ใจความ ประมาณว่า ถ้าอู๋มาอย่าทำแบบนี้ อู๋เป็นคนดี เตือนแล้ว ไม่เคยฟัง ชั้นรักอู๋มาก ต่อไปจะไม่ให้พวกแกเหยียบเข้ามาบ้านชั้นอีกเลย บลาๆๆๆ พอได้ยินแบบนั้นก็พอเดาออกว่า เข้าไปทำอะไรกันในห้องน้ำ แต่ก็ทำเป็นไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น แล้วสองคนนั้นก็ผลุนผลันออกจากบ้านไป ก็เลยถามว่ามีอะไรกันเหรอ เทเรซ่าก็รีบบอกไม่มีอะไรหรอก ไม่ชอบที่แพเมล่าชอบพาใครๆ เข้ามาในบ้าน อิชั้นก็ทำเป็นมารยาทดีขอตัวกลับบ้านก่อน (มารู้ที่หลังว่า…..เค้าใช้อลูมินั่มฟอยล์เวลาเสพยาเสพติดที่ต้องเอาไฟเผาลนแล้วสูดเอาควันเข้าไปน่ะค่ะ พวก Methamphetamines, Methadone, โคเคน ฯลฯ สุดแล้วแต่พวกขี้ยามันจะนึกเสพแหละค่ะ)

4uovzis

พออีก 2-3 สัปดาห์ต่อมา ประมาณตี 4 หรือเกือบๆ เช้า อิชั้นนอนหลับอยู่ก็ต้องสะดุ้งตื่นกับเสียงโทรศัพท์ โทรมาจาก CPS - Child Protective Services ขอพูดกับอู๋หน่อย เจ้าหน้าที่บอกว่าหลานชายชื่ออาดัมอยากมาอยู่ด้วย ซึ่งเค้าได้พยายามซักถามอยู่หลายครั้งว่า อู๋ชื่อจริงชื่ออะไร อยู่บ้านเลขที่เท่าไหร่ เด็กก็ตอบไม่ได้เลย เอาแต่ร้องไห้ บอกแต่ว่าไม่อยากไปอยู่ Foster Care ขอไปอยู่กับ Auntie Ooh ฟังแล้วก็อึ้ง งง ง่วงด้วย พ่อบ้านก็เลยคุยต่อให้ ถามว่าทำไม อะไร อย่างไร ได้คำตอบว่า เมื่อคืน..ตำรวจได้ไปทลายบ้านของเทเรซ่า เพราะสงสัยว่ามี prostitution เกิดขึ้นที่บ้านนั้น พอกวาดล้างก็พบยาเสพติดมากมาย โดนจับไปนอนซังเตกันหลายคน ซึ่งมีเทเรซ่าและแพเมล่าเป็นตัวนำ ฟังแล้วก็ขนลุก บรึ๋ยยยย…

Drugs Cocaine with 100 Bill

พอคุยต่อไป เจ้าหน้าที่บอกว่าพ่อและแม่ของเด็กต่างอยู่ในคุก ตอนนี้เด็กไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน บอกแต่ว่ามีน้าชื่ออู๋ ขอไปอยู่กับน้า พ่อบ้านก็บอกไปว่า No คงต้องให้ CPS ดูแลเด็กอาดัมไปตามระบบ ระเบียบ และขั้นตอน เพราะเมียของกะโพ๊มรู้จักกับเทเรซ่าเพียงผิวเผิน มิได้เป็นป้าเป็นน้าของเด็กอาดัมแต่อย่างไร พอวางสายปุ๊บก็หันมา “เฉ่ง” อิชั้นเป็นการใหญ่ อิพ่อบ้านโมโหมาก สวดยาวเลย ทิ้งท้ายไว้ว่า Do you know what you put yourself into? เพราะถ้าตอนที่เค้ากวาดล้างหรือค้นบ้าน อิชั้นไปนั่งเอ๋อเหรอ ถึงไม่รู้เรื่องอะไรด้วย เค้าก็ใส่กุญแจมือ ลากคอเข้าคุกไปก่อน แล้วถึงจะมาสอบปากคำที่หลัง น่ากลัวเน๊าะ เกือบไปแล้วตู จะว่าไป…อิชั้นไม่เคยไปบ้านนั้นกลางค่ำกลางคืนนะคะ แต่ใครจะไปรู้ คนเราจะถึงคราวซวยนิ

drugs-gun-knife

หลังจากนั้นไม่กี่วันอิชั้นก็ขับรถผ่านไปดูที่บ้านนั้น เค้าเอาไม่กระดานตีตะปูปิดไว้ทุกหน้าต่างเลยค่ะ แต่ยังพอเห็นได้ว่ากระจกแตกไปหมด ไม่รู้ตำรวจทุบเข้าไป หรือไอ้พวกนั้นกระโจนทะลุกระจกหนีออกมา พอเห็นแบบนั้นก็ให้นึกถึงเด็กอาดัม อยู่ไหน ไปอยู่กับใครน๊อออ… แต่มันก็ไม่ใช่ความรับผิดชอบของอิชั้นจริงๆ นะคะ ไม่ได้ใจดำ จะให้เลี้ยงลูกเสือลูกจระเข้คงไม่กล้า แต่เทเรซ่าเป็นเพื่อนที่ดีกับอิชั้นจริงๆ นะคะ ไม่เคยชักนำ แนะนำ ลากจูงให้อิชั้นทดลองสิ่งของผิดกฏหมายใดๆ เราคุยกันก็เหมือนแม่บ้านคุยกัน คิดในแง่ดีก็คือ เทเรซ่ารักอิชั้นมาก ไม่อยากให้ใครทำอะไรไม่ดีในขณะที่อิชั้นอยู่ที่บ้านเธอ ไม่อยากให้อิชั้นรู้ lifestyle ของเธอ กลัวอิชั้นจะเลิกคบ คบกันเป็นปีไม่มีทีท่า เชิญชวน ชักชวนให้อิชั้นทำอะไรที่ไม่ดีด้วย เราต่างเอ็นจอยการกิน เช่าหนังมาดูกัน ไม่มีอะไรแปลกประหลาดค่ะ

stop-smoking-drug

ทั้งหมดอิชั้นไม่โทษใคร มันเป็นโชคชะตาที่ทำให้คนเราต้องมาพบกับ ถูกชะตา ต้องจิต เลยมาเป็นเพื่อนกัน อิชั้นและลูกเข้าไปอยู่ในวังวนของชีวิตเทเรซ่าและอาดัม ด้วยความบริสุทธิใจ อิชั้นเชื่อว่าเทเรซ่าไม่เคยคิดทำลาย หรือทำร้ายอิชั้นและลูก เราไว้วางใจซึ่งกันและกัน ใครๆ อาจคิดว่าอิชั้นโง่ แต่อชั้นต้องขอปฏิเสธค่ะ เพราะทั้งหมดนี้ไม่ใช่ความ “โง่” หรือ naive ใดๆ เลย หากแต่เป็น “วิถีชีวิต” ของเราที่แตกต่างกันสุดขั้ว ดังกับว่าเราต่างก็มาจาก the other side of the universe เลยค่ะ ความเป็นเพื่อนที่ดี ย่อมอยากจะแบ่งปันแต่สิ่งดีๆ ให้แก่กัน ถึงเทเรซ่าจะเป็น “หญิงชั่ว” ในแง่ของกฏหมายและวิถึสังคม แต่ เทเรซ่าเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่งของอิชั้นเลยนะคะ บางครั้งในห้วงของความคิด อิชั้นเคยคิดว่า….โชคดีที่ได้รู้จักคนอย่างเทเรซ่า ได้รู้ได้เห็นพฤติกรรมของคนกลุ่มหนึ่งที่ไม่เคยรู้ หรืออยากรู้มาก่อน และก็โชคดีที่มิตรภาพจบลง…โดยที่อิชั้นไม่ได้รับอะไรร้ายๆ เข้ามาในชีวิต คนเรากว่าจะแก่หรือโตมาได้ ต้อง ผ่านร้อน ผ่านหนาว เรื่องดี เรื่องร้าย มากมากมาย แต่ละคน แต่ละชีวิต แต่ละช่วงอายุ ก็จะ handle ในแต่ละสิ่ง แต่ละสถานการณ์แตกต่างกันไป …. ผลลัพธ์ที่ออกมาก็แตกต่างกันไป นอกเหนือจากความรู้ ความสามารถ ฯลฯ สิ่งที่เหนือการควบคุมได้คือ พรหมลิขิต โชคชะตา ดวง (เฮงหรือซวย 555)

Friends-dont-let-friends-do-drugs

มาถึงวันนี้ บางทีไปไหนๆ ตามที่ต่างๆ เคยนึกนะคะ (นึกเฉยๆ ค่ะ ไม่อยากให้เกิดจริงหรอก) ว่า ถ้ามีเด็กหนุ่มรูปหล่อเดินเข้ามาทักแล้วแนะนำตัวว่าเค้าเป็น…อาดัม อิชั้นคงนึกไม่ออกว่าจะพูดอะไรดี แต่ยังไงก็ขอให้เค้าโตไปเป็นคนดี อย่าเจริญรอยตามพ่อแม่เลย สาธุ

Wednesday, October 6, 2010

ไลฟสไตล์มรณะ 14 ประการ

“ไลฟสไตล์มรณะ 14 ประการ” ข้อมูลดีๆ จาก นพ.กฤษดา ศิรามพุช, พบ.(จุฬาฯ) เป็น “เหวิดเมว” ที่อิชั้นได้รับจากคุณเพื่อน อ่านแล้วชอบๆๆ เป็นสาระประโยชน์ที่กระชับ ชัดเจน เลยเอามาแบ่งๆ กันอ่านค่ะ (อานแล้ว “หวาด” มากๆ เพราะ lifestyle ของอิชั้น เข้าข่าย “มรณะ” หลายข้อเลยค่ะ) ไปค่ะ ไปอ่านกัน

1_205

"ไลฟสไตล์มรณะ" ทั้ง 14 ประการ

ข้อมูลดีๆ จาก นพ. กฤษดา ศิรามพุช , พบ. (จุฬาฯ)

เซลล์มะเร็ง เป็นคล้ายสัตว์กินเนื้อที่ดำรงชีพอยู่ได้ด้วยการแตกรากออกไปดูดกินสารอาหารจากในร่างกายจนทำให้ผ่ายผอมและกลายเป็นรังมะเร็งในที่สุด แต่ถ้าท่านยังไม่อยากสร้างสิ่งมหัศจรรย์ในกายประเภทสวนลอยแห่งมะเร็งไว้แข่งกับ บาบิโลน ก็ขอให้เลี่ยงวิถีที่จะเปลี่ยนกายให้เป็นแม่เหล็กดูด มะเร็งชั้นดี ขอให้เลี่ยงพฤติกรรมที่มะเร็งโปรดทั้งหลายต่อไปนี้ ครับ

1) นอนดึก ทำ ให้ไม่มีฮอร์โมนต้านมะเร็งหลั่งออกมา นอกจากนั้นยังจะทำให้เกิดโรคร้ายอื่นได้ เช่น ความดันโลหิตสูง ไขมันสูง และโรคอ้วน ด้วยว่าเมื่อนอนดึกแล้วมักจะหิวและต้องหาของขบเคี้ยว มากินแก้ปากว่างกัน

2) สูบบุหรี่และขี้เหล้า ทั้ง สองสิ่งนี้ทำให้ปอดและตับทำงานหนัก แม้จะสูบซิการ์ซึ่งมีนิโคตินต่ำกว่าบุหรี่ก็ตามที หรือดื่มเหล้าแบบกลั่นอย่างดีของฝรั่ง แต่ตัวมันเองก็สร้าง "สนิมมะเร็ง" ออกมาไม่น้อย ทำให้คนที่เสพทั้งแก่เร็วและตายไวได้จากโรคมะเร็งครับ

3 ) เอาแต่ไขมันเข้าปากและอยากแต่เนื้อแดง ไขมัน อิ่มตัวและโปรตีนจากเนื้อนั้นเป็นแหล่งอาหารชั้ นหนึ่งของมะเร็งที่จะ ใช้เจริญเติบโตได้ไม่แพ้ทารกเกิดใหม่ มันจะสร้างหลอดเลือดยื่นไปดูดกินเลือดเนื้อของเราจนแ ทบไม่เหลือเลือดอัน สมบูรณ์ไปเลี้ยงอวัยวะอื่น ตัวเราจึงผอมเอาๆ ตรงข้ามกับมะเร็งกาฝากที่โตไวไม่มีลิมิตชีวิตหดหู่แน่

4) แฝงด้วยเครียดจัด จนมีสารทุกข์หลั่งออกมาหล่อเลี้ยงมะเร็งให้โตขึ้นเร็วราวกับน้ำมันราดบนกองไฟให้คุโชนขึ้น

5) ไวรัสตับอักเสบบีและมีภูมิแพ้ที่รักษาไม่หาย ดังที่กล่าวไปว่าถ้าภูมิดีก็มีพลังต้านมะเร็งได้ตั้งแต่ในเซลล์แรกที่อุตริเกิดขึ้นมา ด้วยตามปกติในกายเราก็มีเซลล์แบบมะเร็งนี้เกิดขึ้นมา อยู่เรื่อยๆ ทุกวัน

6) ปล่อยกายให้อ้วน สร้างให้เกิดธาตุแก่ออกมาแช่อิ่มอวัยวะภายในร่างกาย และไขมันตามตัวยังสร้างให้เกิดฮอร์โมนกระตุ้นให้มะเร็งแบ่งตัวดีขึ้นด้วย

7) ล้วนขาดวิตามิน ด้วยวิตามินทำหน้าที่ต้านเชื้อมะเร็งให้ดับเป็นจุณไป ก่อนที่จะเผยอหน้าขึ้นมาแบ่งตัวปนเปไปในร่างกายเรา

8) กินของร้อนจัดไป เช่น ซดชาร้อนหรือกาแฟร้อนจัดประเภทควันฉุย จะไปลวกให้เซลล์หลอดอาหารอักเสบอยู่ทุกบ่อย เมื่ออักเสบเป็นอาจิณก็จะมีโอกาสเปลี่ยนไปเป็นเซลล์ม ะเร็งง่ายขึ้น

9) ทำให้คอเลสเตอรอลลดต่ำ พบว่าถ้าต่ำเกินไปก็ไม่ดีครับ มีผลกับภูมิคุ้มกันที่แย่ลง เมื่อภูมิต่ำแล้วก็จะหมดปัญญาต้านเซลล์มะเร็งที่จะเข้ามาหา

10) ทำกลั้นปัสสาวะ น้ำปัสสาวะเป็นของเสียยิ่งอยู่นิ่งเป็นเวลานานจากการ อั้นมันก็ไม่ต่างอะไร กับน้ำนิ่งในคลองแสนแสบ ซึ่งทิ้งไว้ไม่นานจะกลายเป็นน้ำเน่า แต่ถ้าเน่าในกระเพาะฉี่เราก็มีผลให้เกิดเซลล์มะเร็งงอกขึ้นมาได้

11) ปะทะเค็มจัด พบ ว่าสิ่งมีชีวิตที่ทานอาหารเค็มมีอัตราการเกิดมะเร็งสูงกว่า โดยเฉพาะในอาหารจำพวกเนื้อเค็ม เนื้อแห้ง หมูแดง ที่นอกจากเค็มแล้วยังมีสีแดงดีจากดินประสิวอีกด้วย

12) ประวัติมะเร็งในครอบครัว มะเร็งร้ายในครอบครัวบางอย่างสามารถถ่ายทอดมาทางพันธุกรรมได้ แม้จะไม่ใช่อสังหาริมทรัพย์แต่ต้องรับไว้ด้วยความไม่ เต็มใจ เช่น มะเร็งเต้านม , มะเร็งลำไส้ใหญ่ แต่ถ้าป้องกันไว้ดีๆ แล้วบางทีก็ไม่เกิดขึ้นมาครับ

13) ตัวตากแดดบ่อย แสงแดดเป็นรังสีที่กระตุ้นอณูเซลล์ของคุณให้สะดุ้งตก ใจจนเครื่องในรวนหมด ครับ เมื่อเครื่องในรวนแล้วก็ไม่สามารถที่จะคุมการแบ่งตัว ได้ ทำให้แบ่งต่อไปอย่างไม่หยุดยั้งกลายเป็นก้อนใหญ่ขึ้น เรื่อยๆ

14) ไม่ค่อยช่วยใคร ถ้าพูดให้ง่ายเข้าคือ เห็นแก่ตัวและไม่ค่อยได้ทำบุญนั่นเอง เพราะเมื่อใดก็ตามที่ได้หมั่นช่วยเหลือผู้อื่นจนชินแล้วเรามักไม่ค่อยได้นึกถึงตัวเองนัก และเมื่อไม่หมกมุ่นกับตัวเองแล้วก็ไม่ค่อยเกิดความ "อยาก" อันนำไปสู่ความเครียดร้อนอกร้อนใจ หรือถ้าไม่มีเวลาก็แค่อนุโมทนากับบุญที่เราได้พานพบก็ทำให้มี "สารสุข" หลั่งออกมาเสริมภูมิรู้สู้มะเร็งแล้วครับ

ด้วยวิถีแห่งการมี "ไลฟสไตล์มรณะ" ทั้ง 14 ประการ ดังที่ได้กล่าวไปก็จะทำให้ได้มะเร็งมาเป็นเจ้าของอย่างง่ายดาย

ขอบคุณ ข้อมูลดีๆ จาก....
นพ.กฤษดา ศิรามพุช, พบ.(จุฬาฯ)
ผู้อำนวยการสถาบันเวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์อายุรวัฒน์ (American Board of Anti-aging medicine)

ต้องขอขอบพระคุณคุณหมอ (นพ.กฤษดา ศิรามพุช) สำหรับข้อมูลดีๆ ที่อ่านเข้าใจได้ง่าย และขอบคุณ คุณๆๆๆๆๆๆๆ และ คุณเพื่อน “ไก่” ของอิชั้น ที่ “เหวิด” ข้อมูลนี้กันไปมา จนอิชั้นได้รับรู้ รับทราบสิ่งดี มีประโยชน์ค่ะ

Monday, September 27, 2010

M·A·C VENOMOUS VILLAINS


page-574

กรี๊ดดดดดด.......วันนี้ได้อีเมล์จาก MAC Cosmetics ว่าออกเครื่องสำอางไลน์ใหม่ล่าสุด ซึ่งเป็นไลน์ที่อิชั้นตั้งตารอมานาน มันคือไลน์ VENOMOUS VILLAINS MAC จับมือ Disney’s ทำชุดนี้ออกมา ทำไม๊ ทำไม อิชั้นต้องพูดถึงเครื่องสำอางชุดนี้นะเหรอคะ …เนื่องจากอิชั้นเองนั้นเป็น villain โดยกำเหนิด 5555 เครื่องสำอางชุดนี้จะเป็นอะไรที่ “เพื่อช้านน.....just for me” 555

page-573ทำไมไม่ sketch หน้าอิตุ๊ดดำ (ล่างขวา) เน๊าะ ดันใช้รูปปกติของแม๊ค สามตัวอื่นดูยูนี๊คกว่าเยอะ

แคแร๊คเต้อร์ทั้ง 4 ตัว ประกอบไปด้วย

1. Cruella de Vil - 101 Dalmatians

2. Maleficent - Sleeping Beauty

3. The Queen - Snow White

4. Doctor Facilier - The Princess and the Frog

page-576

ต้องขอติติง “แม๊ค คอสเมติค” ที่ไม่มาปรึกษาหารือกับอิชั้นก่อนที่ผลิตสินค้าชุดนี้ออกมา พลาดดดดด.... พลาดอย่างแรง เพราะ villains ของดีสนีส์ตัวที่น่าจะเหมาะกับของสวยของงามมีมากมายหลายตัวไม่รู้ว่าเอาอิตุ๊ดดำนั่นมาได้ไง แหงะ ตัวที่น่าจะอยู่ในลิสต์ตัวแรกๆ เลย แต่ดันถูกมองข้ามไป (ได้ไงฟระ) คือ คุณน้อง Ursula ปลาหมึกยักษ์-อ๊อคโทบุส จาก The Little Mermaid อย่างนี้ต้องเรียกว่าแม๊ค “เหยียด” คนอ้วน ฮึ่มมมมม...... แต่ไม่เดือดร้อนเท่าไหร่หรอก เพราะไม่ใช่บิ๊กแฟนของแม๊ค มีเครื่องสวยงามของเค้าอยู่บ้างนิดหน่อย แต่มีแปรงแต่งหน้าเค้าอยู่พอสมควร ชอบแปรงแม๊คมากว่าพวกสีสันต่างๆ แก่แล้ว ป้ายๆ แปะๆ ทาๆ ถูๆ ไปเหอะ ยังไง๊…ยังไง..ก็ดูน่ากลัวเหมือนไม่ได้แต่ง 5555

page-575

ใครจะว่าเชยเฉิ่มหรืออะไรก็ว่าไปเลยนะคะ ที่ตอนแรกเห็น 1 ในตัวร้าย 4 ตัว ไอ้ตุ๊ดดำใส่ท๊อปแฮ๊ตนั่น อิชั้นไม่รู้หรอกว่ามันเป็นใคร เพราะไม่ได้ดูการ์ตูนดีสนีย์ใหม่ๆ เลย ถ้าเก่าๆ ไปหน่อย...บ้านเรามีครอบครองทุกเรื่องโดยเฉพาะพวกที่เข้าข่ายคลาสสิค เผลอๆ มี 2 มี 3 ซื้อแล้วซื้ออีก 5555 พอลูกสาวโตเกินกว่าจะเป็นเจ้าหญิงทั้งหลาย โดดไปดูอะไรทีนเอจ ไอ้ตัวเล็กก็เป็นผู้ชายดู Cars, Toy Story, etc. อิชั้นก็เลยพลาดเรื่อง The Princess and the Frog ไป จึงไม่รู้ว่า ไอ้ Doctor Facilier เป็นใคร ต้องไปถามรอมมี่ก่อนที่จะกูเกิ้ล แต่ก็เหอะคิดได้ไง ไม่เอาเออซูล่ามาเป็นพรีเซนเต้อร์ พลาดๆๆๆๆๆๆ

page-577

สีสันของแม๊ค VENOMOUS VILLAINS ค่อนข้างฉูดฉาด สีเล็บถูกใจปี๊ดๆ ลิปสติกดูน่าสนใจหลายสี แต่คงไม่ซื้อหรอก เพราะมีลิปสติกอยู่เยอะมากกกก...... จากหลากหลายยี่ห้อ ถ้าหากจะซื้อซักชิ้น สองชิ้น ก็ด้วยเหตุผลแพ๊คเกจมันสะใจ ลูกผัวเห็นแม๊คชุดนี้เข้าต่างร้อง....ใช่เลย...just for you Momma! เพราะปกติ ก็เป็น queen of mean ของบ้าน เป็น Maleficient เป็น Cruella Mama มาตลอด ไม่เคยได้เป็นนางเอกกับใครเค้าเลยชีวิตนี้ 55555

บอกว่าจะไม่ซื้อ ไม่ซื้อ ลูกผัวยุ…. เลยได้ไอ้ 2 แท่งนี้มา 55555

If men liked shopping, they'd call it research.

1918521s9psqr8bd2

เรื่องหมอๆ ยาๆ และสุขภาพของช้านนนนน....

เมื่อเดือนก่อนอิชั้นได้ไปทำพิธีตรวจสุขภาพประจำปี เจาะเลือด ตรวจฉี่ ทำ mammograms และ Pap smear คราวนี้ต้องจำนนให้บักคาน (หมอ Karl) ทำแพ๊พสเมีย์ เพราะไม่อยากไปหาอีหมอ OB-GYN คนเดิมซึ่งดูแลเรื่องหญิงๆ ท้องๆ ของอิชั้นมาตลอด 10 ปี เพราะเมื่อปลายปีก่อนเธอสั่งให้อิชั้นไปทำอัลตร้าซาวนด์ เนื่องจำอิชั้นครวญครางเพราะอาการ pelvic pain พอเธอได้ผลอัลต้าซาวนด์ก็รีบส่งอิชั้นไปทำ CT Scan ทำแล้ว...แล้วเลย ไม่เห็นโทรมาบอกว่าผลเป็นอย่างไร จะตายมั๊ย อิชั้นโทรไปทวงถาม 3 ครั้ง ก็ไม่เคยได้พูดกะอีหมอ ฝากเรื่องพวกอีเหมียนหน้าเคานเต้อร์ตลอด ก็อยู่ได้เรื่อยมา พอได้ตรวจสุขภาพคราวนี้ก็เลยฟ้อง ดร. คาร์ล ขวัญใจของช้านนนน.... อีคานก็รีบโทรไปที่ศูนย์ Diagnostic X-ray ให้แฟ๊กซ์ผลมา ณ บัดดล แล้วอีคานก็วิ่งหน้าตื่นมาบอกว่า แกๆๆๆๆ ผลซีทีน่ะ เพลวิคดูไม่น่ากลัวมีซิสต์อยู่จำนวนหนึ่ง ดูกันต่อไปว่าจำเป็นต้องผ่าหรือป่าว ถ้าอยู่กันได้อย่างสันติก็ไม่ต้องผ่า แต่ว่าการทำซีทีสแกนเนี่ย ทำปุ๊บมันจะเห็นไปทั้งช่องท้อง เค้า “ติง” มาว่า ตับไม่ปกติ เต็มไปด้วยไขมัน จากนั้นก็บรรเลงตรวจสุขภาพกันต่อ น้ำตาลในเลือดวันนั้น แจ่มแมวมาก เลขที่ออก....116 วู้ฮู้....5555 แล้วก็ต้องยอมให้อีคานตรวจนมและโม๊ะ เฮ่ออออ..... เพราะบ่นไปว่าจะไม่กลับไปหาอีหมอโม๊ะประจำองค์อีกแล้ว

สรุปว่าวันนั้นตรวจกันเสร็จสรรพ พยาบาลทำนัดให้ไปทำแมมโมแกรมอีก 2-3 วันต่อมา จากนั้นก็รอๆๆๆ อีก 3 วีค กลับไปหาอีหมอคานใหม่เพื่อฟังผล ผลที่ออก....เหมือนดี เหมือนไม่ดี...ไม่ดีมากกว่าดี แหงะ คือ เบาหวาน...อันเด้อร์คอนโทรล แต่ก็ต้องกินยาต่อไปและเพิ่มตัวใหม่มาให้อีกอันนึง เป็นว่าต้องกินยา 2 อย่างเพื่อเบาหวาน ผลเลือดออกมา ไทรอยด์ทำงานได้ไม่ดี....ต้องกินยาไปเรื่อยๆ เอนไซม์ในตับไม่ดี ต้องเปลี่ยนยาลดคลอเรสเตอรอล เพราะคิดว่าไอ้ Crestor ที่กินมาปีนึงอาจเป็นตัวที่ไปทำให้ตับชั่ว....เอ้อ..ไม่ใช่...ตับไม่ดี ต้องเปลี่ยนเป็นยาใหม่ อาการ Anemic ก็ยังคงตัว เลยยังต้องกินเหล็ก Iron (Ferrous Sulfate) และ B12 ต่อไปเรื่อยๆ

ตายๆๆๆๆๆ....ตายห้า ตายหก เกลียดการกินยา พยายามมีวินัยในการกินยาและวิตามิน ยาที่ได้มาใหม่ก็เงื่อนไขเยอะจัง ต้องกินตอนท้องว่าง ตอนไส้แห้ง ตอนอิ่ม ตอนหิว โอ้ย.....เบื่อ

รูปข้างล่างเป็นยาล๊อตใหม่ที่เพิ่งไปรับมาเมื่อวาน ก้อนนี้จ่ายไป 107 เหรียญ ไอ้ขวดใหญ่ Welchol 625 mg เป็นยาใหม่สำหรับคลอเรสเตอรอลที่หมอให้กินแทน crestor แล้วให้กำจัดเครสเตอร์ที่เหลืออยู่ในทันใด จะได้ไม่หลงลืมไปกินอีก ไม่ต้องบอกร๊อกกกก.....อิชั้นไม่ชอบกินยา ลดได้ลด เลี่ยงได้เลี่ยง แกล้งลืมก็บ่อยๆ 555555 แต่ไอ้นี่เม็ดบะเริ่มเทิ่มให้กินพร้อมอาหารวันละ 3 ครั้ง อ้วววววกกกกกกกกก......

ขวดต่อมาเป็น Actos 15 mg อันนี้ก็เป็นยาใหม่ที่เพิ่มมาสำหรับคนอ่อนหวานเยี่ยงอิชั้น หมอให้กินคู่กับ Metformin 500 mg ยาแก้เบาหวานที่กินมาหลายปี ดีนะเม็ดนิดเดียว ฮึ่ม

ขวดถัดมาก็เป็นยาใหม่เหมือนกัน Levothyroxine 25 mcg เป็นยาแก้ Hypothyroid เห็นอีหมอบอกว่ากินไปเรื่อยๆ ไม่มีกำหนด ก็เหมือนยาตัวอื่นๆ แหละ จะบอกทำไมฟระ อันนี้เม็ดกะจิ๊ดริดน่ารัก กินตอนท้องว่างตอนตื่นนอนเช้า ห้ามกินอะไรไปอีก 2 ชม. ห้ามกินยาหรือวิตามินใดๆ ภายใน 4 ชม.

ขวดต่อมาเป็นขวดนางเอก เป็นยาคู่บารมี แต่อิชั้นไม่ติดนะคะ เพียงแต่ต้องมีติดตัวไว้ตลอด Vicodin 5/500 -- 5 mg ยาตัวนี้เป็นยาเสพติด คนติดกันทั่งบ้านทั่วเมือง จริงๆ มันคือฝิ่นนั่นเอง น้องๆ เฮโรอีนเลยนะ เป็นยาแก้ปวดแบบแรงโพดๆ ความแรง 6 เท่าของพาราเซตตามอล หรือ Acetaminophen อิชั้นจะกินยานี้เวลาปวดท้องผีบ้าซึ่งปวดมาตั้งแต่เล็กๆ ปวดหงิกปวดงอ เดินไม่ได้ ปวดอยู่ 1-2 วัน แล้วก็หายไปแบบไม่ทิ้งร่องรอยว่าเมื่อวานปวดท้องแทบตาย แม่พาหาหมอตั้งแต่เล็ก พาตัวเองหาหมอเพราะไอ้โรคปวดบ้าเนี่ยตั้งแต่สาวจนแก่ ทำอัลตร้าซาวนด์ไม่รู้กี่ครั้ง ทำฉีดสี เป่าท่อนำไข่ ทำสารพัด หมอไทย หมอฝรั่ง หลายสิบหมอ ไม่เคยมีคำตอบว่าเป็นเพราะอะไร อยู่เมืองไทยก็กินยาอะไรจำชื่อไม่ได้ เม็ดอ้วนๆ รีๆ เหลืองๆ และอีกหลายขนาน กินเป็นกอบเป็นกำ กินไปงั้นๆ พอให้ทุเลาแต่ไม่หายเป็นปลิดทิ้ง พอมาอยู่ที่นี่เจอไอ้ฝิ่นนรกนี่เข้า ปวดแทบตายเมื่อกี้นี้ อีกครึ่งชั่วโมงก็วิ่งไล่ตีลูกได้ตามปกติ ขนาดผ่าตัดคลอดลูกตัวขาดครึ่ง หมอจัดไวโคดินให้ ผ่าปุ๊บอีกแป๊บนึงเดินให้ว่อนโรงบาลไม่เจ็บไม่ปวด ผ่าริดสีดวง เชอะ....เรื่องเล็ก ซัดเข้าไป 2 เม็ดก่อนเช็คเอ๊าท์ ออกจากห้องผ่าตัดแวะไปกินอาหารไทย ฟาดแกงเผ็ด กลับบ้านครี่ได้สบายตรูดไม่มีซี้ดดด....ซ้าดดด.... 5555 ไอ้ไวโคดิน 30 มะเล็ดที่ได้มา...อิชั้นก็จะอยู่รอดไปได้ 2-3 เดือนโน่นแหละ แต่เวลายา kick-in มันสยึ๋มกึ๋ย เหมือนอยู่ใน twilight zone คลื่นไส้ สะหลึ๋มกึ๋มมากมาย บางทีจำเป็นต้องกินตอนขับรถเพราะปวดมากๆ โหยยยย…หูยยยย… กรูจะขับรถพาลูกตลอดปลอดภัยถึงบ้านมั๊ยวะ ยาอันตราย อย่างที่เค้าบอกจริงๆ ค่ะ

สุดท้ายในรูปก็คือเพื่อนซี้เพื่อนเกลอที่ต้องไปไหนไปกัลลล์ Veramyst ยาพ่นจมูกแก้โรคภูมิแพ้ แพ้ไปหมด แพ้ฝุ่น แพ้สัมผัส แพ้หญ้า แพ้น้ำ (อย่าชวนไปเดินป่าเชียว 5555 กรูตาย..แน่ ตอนเข้าไปเป็นอู๋อยู่ดีๆ กลับออกมากลายเป็น predator) แพ้ยา แพ้อาหารบางชนิด เป็นมาตลอดชีวิต ถามเด็ดแม่อิชั้นดูได้ น่าเบื่อมากอีขี้แพ้ 5555 เล่นอะไรก็ไม่ค่อยชนะใครเค้า แพ้ตลอด 555 ตอนเด็กๆ ก็ดูแลกันไปตามอาการ ไม่ได้หามดหมออะไร พอโตๆ มาดูแลตัวเองก็กินยาเรื่อยมา หลายปีมาแล้วเลี่ยงๆ การกินยา พยายามใช้ยาพ่นอย่างเดียว ใช้ยาพ่นมาหลายตัว สุดท้ายมาเอาอยู่ที่ไอ้ขวดนี้ ก็พ่นก่อนนอน ถ้าวันไหนอาการรุนแรง หูตาตูบ ไอจามไม่หยุด น้ำตาฉ่ำ เศร้าโศกตลอดวันก็พ่นตอนกลางวันด้วย เค้าให้พ่นได้แค่วันละครั้ง ไม่จำเป็นอย่า “เบิ้ล” 5555 หรือเพิ่ม Claritin เข้าไปอีก 1 มะเล็ด if need อันนี้โรคประจำองค์หมออู๋จัดได้เอง 555 แต่ไอ้ยาพ่นจมูกนั่นต้องแพทย์สั่งนะเค๊อะ

IMG_0950-s

มาดูรูปยาล๊อตเดือนที่แล้ว มีแปลกประหลาดอยู่ 5 อย่าง จริงๆ ต้องเรียกว่าไม่ประหลาดสิ เพราะอันนี้ได้มาก่อน ไอ้พวกได้มาใหม่สิเน๊าะที่ประหลาด ยาในรูปนี้กินมานานแล้ว ที่เห็นก็มียาแก้ปวดขวดใหญ่ 2 ขวด Naproxen 500 mg จริงๆ มันก็คือ Aleve ที่หาซื้อได้เองไม่ต้องให้หมอสั่งในชื่อทางการค้า “อะลีฟ” แก้ปวดหัว ลดไข้ ใช้แก้ปวดกล้ามเนื้อ เพราะเมื่อก่อนปวดข้อมือซ้ายมากๆ ปวดตั้งแต่คลอดไอ้ตี้โน่นแหละ คืออุ้มลูกแล้วมันบิดเอี้ยวห้อยโหนไปมาจนข้อมือพลิกแหละ ปวดจนนอนไม่หลับ หมอจ่ายยานี้ให้ก็กอนไปงั้น สามปีผ่านมาข้อมือที่ปวดก็ค่อยๆ ทุเลาลง ตอนที่ปวดก็กินบ้างไม่กินบ้าง แล้วก็เลิกกินไปนานแล้ว แต่ราคาขวดนี้แค่ 40 เซ็น ก็เลยบอกหมอสั่งๆ มาเหอะ ถูกดี ตอนนี้อีซะมีกินแทนซะนี่ (ผิด กม. นะคะ กินยาที่เลเบ้วชื่อคนอื่น) แต่เดือนนี้บอกหมอว่าไม่เอาแล้วมีตุนอยู่อีกขวดนึง ส่วน Ibuprofen 800 mg อันนี้ก็เป็นยาแก้ปวดสามัญประจำบ้านทั่วๆ ไป หาซื้อได้ตามร้านในชื่อว่า Motrin แต่ที่หมอสั่งให้จะเป็น double strength 800 มก. มอทรินที่ขายทั่วๆ ไปจะเป็นไอบูโพรเฟ่น 400 มก. ก็ใช้ลดไข้แก้ปวดเหมือนๆ พาราฯ เป็นพิษเป็นภัยต่อไตและตับพอๆ กัน หมอสั่งให้เพราะอยากให้ใช้แทนไวโคดินเวลาอาการปวดไม่รุนแรง เค้ากลัวอิชั้นจะติดยาค่ะ ได้มาก็ไม่เคยแตะ พอราคาถูกๆ 40-50 เซ็น อีพวกอินลอว์ชอบมาขอก็เลยตุนไว้เรื่อยๆ ปวดหัวตัวร้อนก็จัดหามากินเองบ้าง จัดให้ลูกให้ผัวบ้าง หมออู๋จาดห้ายยยยยย……..

ส่วนไอ้ Crestor พูดไปแล้ว ก็กินมาครบปีพอดี เริ่มกินตอนสุขภาพเมื่อปีก่อนตอนที่เค้าตรวจพบว่าคลอเรสเตอรอลชักสูง ไม่ถึงกับเป็นอันตรายแก่ชีวิตแต่หมอแนะนำให้ควบคุมไว้ให้ดี พอมาตอนนี้ก็ให้เลิกกินซะ และเขวี้ยงทิ้งไปเลย ขวดต่อมา Enalapril 2.5 mg เป็น generic ของ Vasotec เป็นยาควบคุมความดันทุรังสูง ก็กินเรื่อยๆ มาถึงแม้ความดันจะปกติเรื่อยมาก็ตาม หมอไม่ยักกะบอกให้หยุด แต่เม็ดจิ๋วนึง เลยทนกินได้เรื่อยมา ขวดต่อมา Metformin 500 mg พูดถึงไปแล้ว กินมาหลายปี กินกันทั้งตระกูล ทั้งสะเด็ดแม่และพี่หญิงใหญ่รวมทั้งคุณพี่เขยด้วย แล้วก็มีเกลอแก้วไวโคดินและเวร่ามิสต์อยู่ในรูปด้วย

IMG_0958-s

คราวนี้มาดูกล่องยาอิชั้น รูปนี้เป็นยาและวิตามินที่กินทุกวันก่อนที่จะเปลี่ยนไปนิดหน่อยจากคอมมานล่าสุดจากหมอคาน กล่องใหญ่กินตอนเช้าพร้อมอาหาร กล่องเล็กกินก่อนนอนค่ะ หมอคานบอกให้อิชั้นกินยาชุดใหม่ไป 1 เดือนแล้วให้เสนอหน้าไปหาเค้าอีกทีดูว่าร่างกายทำปฏิกริยาต่อยาชุดนี้อย่างไร เฮ่ออออ…เจาะเลือดกรูไปเป็นโอ่งๆ อีกแน่เลย ยิ่งโลหิตจางอยู่ด้วย ฮึ่ม

IMG_9399-s

อันนี้เป็นวิตามินกัมมี่ของทั้งครอบครัว หมออู๋จัดเรียงไว้ถวายครอบครัวให้กินพร้อมๆ กันก่อนนอน ส่วยในถุงก็จะห้อยไว้ที่ไมโคเวฟให้รอมมี่กินในตอนเช้า คือรอมมี่ต้องไปโรงเรียนก็จะเข้านอนก่อนใครๆ กว่าแม่จะแจกวิตามินก็โน่นแหละ ก็หลังเที่ยงคืน...เด็กๆ จะเน้นวิตามินรวม เพิ่มวิตตามินซี ดี3 แคลเซี่ยมและไฟเบ้อร์เข้าไปด้วยเพราะไม่ค่อยกินผักกัน แม่กับพ่อก็ฟาดเซนทรั่มแล้วก็กัมมี่เหมือนๆ ลูก แต่แม่ก็กินบ้างไม่กินบ้าง เพราะกินยาก็เยอะแล้ว นี่ไม่ได้เอาวิตามินของอีก๊อตมาให้ดู 55555 ซะมีอิชั้นแด๊กวิตามินวันละ handful ค่ะ เพราะมันกลัวตายยยยย….มว๊าก 5555

page-572

The greatest wealth is health.

DontMess-01

Wednesday, September 22, 2010

โจรกระจอก……จนมุม (ซะแล้ว)


BigNokiaCellPhone(1)

เรื่องของเรื่องเกิดเมื่ออิชั้นเกิดละโมบโลภมากแบบโง่ๆ เคยทำได้ เลยได้ใจ พอทำอีก ถูกจับได้จ้อยยยยย.... ตานี้จะทำยังไงดี พลีสสสสสส...แอ๊ดไว้ซ์......ตายห่าแน่กรูงานนี้

เล่าตั้งแต่ต้นเลยละกัน โบราณกาลนานมาแล้ว หลายปีมากกก..... อิชั้นทำโทรศัพท์มือถือหาย โทรไปแจ้งหายเค้าก็ถามกลับมาว่าทำประกันไว้หรือปล่าว ยิ๋งเอ๋อก็ตอบไปแบบเอ๋อๆ โง่ๆ ตามฟามเป็นจริง ...ไม่มีประกันจ้า... เสียงตอบกลับมาก็คือ ช.ม.ด....ช่วยไม่ได้ หายแล้วหายเลย ซื้อใหม่จ่ายตังค์เองเด้อค่ะเด้อ พอเล่าให้อีคุณซะมีฟัง ก็บ่นซ้ำเติม ทำไมไม่ซื้อประกันด้วยเล่าอีอ้วนนนน..... เอ..ตอนนั้นยังไม่อ้วนนี่หว่า แค่อึ๋มๆ 5555 ก็สวนไปไปอย่างชาญฉลาดตามปกติ โห.....จะให้ซื้อประกันทุกเดือน 4.99 เหรียญเนี่ยอะนะ คนโง่เท่านั้นแหละแก ยังไม่ทันจบ...มันยิงกลับมาเปรี้ยง...แล้วไงหละอีฉลาดล้ำ (ทำได้หมด) ต้องมาควักเกือบ 200 เหรียญเพื่อซื้อโทรศัพท์ใหม่ สรุปงานนั้นเสียตังค์ซื้อโทรศัพท์มือถืออันใหม่ จ่ายแบบเต็มราคาไปค่ะ เจ็บนี้อีกนาน เจ็บนี้ไม่ลืม เจ็บหนักก็ตรงโดนผัวด่า 5555 ....

page-567Sony Ericsson Cyber-shot C905a 8.1 MP Camera Phone VS Sumsung Impression

จากประสบการณ์คราวนั้น อิชั้นก็จำนนจ่ายค่าประกันโทรศัพท์มือถือทุกๆ เดือนๆ ละ 4.99 เหรียญ พอ 2 - 3 ปีต่อมาหลังจากอัพเกรดเปลี่ยนมือถือตามกำหนดเวลามาลงเอยที่มือถือถูกใจ Motorola Razr V3 ใช้อยู่นานกว่ารุ่นไหนๆ พับแบนๆ สะดวกพกพา ทำหาย ทำพัง เคลมประกันไป 2 รอบ ในระยะเวลา 2 - 3 ปีที่ว่า ทั้ง 2 เคลม เป็นเรื่องจริงๆ ไม่มีการแตหลอ....ใดๆ เลย

page-570เรเซ่อร์ วี3 ที่เคยครอบครองเปลี่ยนไปมาถึง 3 เครื่อง เป็นโมเดลที่ใช้ติดต่อกันนานที่สุด

พอมาเมื่อปลายปี 2009 ได้เวลาอัพเกรดโทรศัพท์มือถือในราคาพิเศษ อิชั้นก็เลือกจะเป็นเจ้าของ Sony Ericsson Cyber-shot C905a 8.1 MP Camera Phone ทั้งที่รุ่นนี้ไม่ได้ดังเปรี้ยงป้างโครมคราม เพราะออกมาพร้อมๆ ไอโฟนรุ่นที่ใหม่กว่าแต่ราคาลดลง เป็นเพราะชอบถ่ายรูปลูก ก็เลยคิกว่าใช้โทรศัพท์ที่มีกล้องคุณภาพดีๆ คงจะเหมาะกว่า เคยพล่ามไว้ที่นี่ http://oohsworld.blogspot.com/2009/10/blog-post_26.html ความฉลาดแกมโกงก็เริ่มเกิด พอมาคิดคำนวนค่าประกัน ที่เสียมาตลอดหลายปี รวมๆ กันแล้วหลายตังค์เหมือนกันเน๊าะ พอดีกับกำลังจะพาลูกๆ กลับเมืองไทย เลยอยากจะหาอะไรไปฝากคุณพี่สาวแบบไม่ลงทุน 555 เพราะคนโน้นโทสับพัง คนนี้โทสับหาย คุณพี่ยิ๋งใหญ่ก็เป็นฝ่ายจัดการจัดหาสนอง “นีด” ให้คนอื่นอยู่ร่ำไป สำหรับตัวเองยังไงก็ได้ อะไรก็ใช้ได้ ก็เลยคิดว่าไอ้โทสับที่ใช้อยู่น่าจะให้ความบันเทิงใจและไล่ทันเทคโนโลยีสำหรับพี่สาวบ้างไม่มากก็น้อย

พอไอเดียเกิด ก็รีบดำเนินการเลย โทรไป “ตอ”.....โทสับชั้นหายเมื่อกี้นี้ ก็ตอบคำถามนิดๆ หน่อยๆ พร้อมกับรับทราบเรื่อง deductable 50 เหรียญที่จะเพิ่มมาในบิลงวดหน้า ก็เยสๆๆๆๆ ไป รับทราบและเข้าใจเป็นอย่างดี เพราะเคลมมา 2 รอบแล้วนี่เค๊อะ 24 ชม.ต่อมาเจ้าโซนี่อีริคสันก็มานอนรอที่หน้าประตูโดยไม่ต้องจ่ายค่าชิปปิ้งแต่อย่างใด บริการเป็นเริ่ด..... เล่าแบบลัดตัดความมาถึงตอนที่ทำพิธีมอบโทสับเจ้าปัญหาให้คุณพี่ยิ๋งใหญ่ เจ้ก็อิดออด ที่มีก็ยังดีอยู่ อิชั้นก็แบบ...แหม ตั้งใจอย่างแรง คดโกงเค้าเอามาฝากเชียว 555 ไม่มีอาย สุดท้ายพี่สาวก็รับไว้ แต่ไม่เห็นเอาออกมาใช้ มาชื่นชมเลยวะ อีกไม่กี่วันก็จะกลับแล้ว พอทักถามไป พี่สาวก็บอกว่าเดี๋ยวจะเอาไปแก้อีมี่ (ไม่ใช่อีรอมมี่ หรือ “อีมี่” เวลาโดนแม่ด่า 555) ด้วยที่เป็นคนอยากได้ใคร่รู้ ปะ ปะ ไปกัน..เอาไปทำให้รู้ดำรู้แดงเลยว่าแก้อีมี่แล้วจะใช้ได้หรือปล่าว พอไปแก้เสร็จมันก็ใช้ได้นะคะคุณ แต่มันแปลกๆ แฮะ ติดๆ ขัดๆ โทรๆ อยู่ก็ปิดกิจการ-ปิดเครื่องหนีไปเฉยเลย เอยังไงวะเนี่ย เสียใจเหมือนกันนะ อยากให้พี่ได้ใช้อะไรๆ เหมือนๆ กัน ก็ไม่ได้อย่างใจเลย สุดท้ายพี่ยิ๋งใหญ่ก็คืนโทสับนั่นให้เอากลับมาใช้ที่บ้านดังเดิม

page-571นานมาแล้ว โนเกีย 2110 อดีตมายเลิฟ ใช้อยู่ 2-3 ปีก่อนที่จะบ๊าย บาย กันเมื่อปี 2000

พอกลับมาถึงบ้าน ก็เลยยกเจ้าโทสับที่แก้อีมี่มาจากเมืองไทยให้อีมี่ไปใช้ อีมี่ใช้ได้ 2 วันก็มาบอกว่าเครื่องรวนซะแล้ว ไฟกระพริบไปทุกปุ่มตุ่มตอเลยยังกะดิสโก้เทค อีมี่ก็เลยเอา “ซิม” ไปใช้กับเครื่องเก่าของอีมี่ที่ป้าแม้วยกให้ ส่วนไอ้เครื่องเจ้าปัญหา อิชั้นพยายามปลุกปล้ำให้มันกลับมาใช้งานได้อีก ถอดแบตเตอรี่ออกข้ามคืนก็แล้ว ทิ้งๆ ลืมๆ ไม่ยุ่งไม่เกี่ยวกับโทสับนั่น หลายวัน หลายสัปดาห์ จนหลายเดือน วนเวียนกลับไปดูบ้าง เผื่อว่ามันจะฟื้นคืนชีพขึ้นมา แต่มันก็ยังเป็นรุ่นไฟกระพริบอยู่นั่น แน่นิ่ง ไม่ไหว ไม่ติง ใช้งานไม่ได้ ก็คิดอยู่หลายครั้งว่าจะเคลมอีกซักทีดีมั๊ย เพราะคราวนี้เครื่องพังจริงๆ นะ จนเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้วอิชั้นก็อดรนทนไม่ได้ ลองดูอีกซักที คราวนี้ไม่มีแตหลอแน่ๆ พอโทรไป อีก 24 ชม เครื่องใหม่ก็มาเช่นเดิม 50 เหรียญดีดั๊กเทเบิ้ลเหมือนทุกครั้ง แต่คราวนี้มีจดหมายรักแนบมาว่า แก แก แก.... ต้องส่งเครื่องที่พังคืนมานะ

ตายห่า ตายห้า ตายหก จะส่งไปได้ไง เพราะไอ้เครื่องที่พังและต้องส่งกลับไปเป็นเครื่องที่อิชั้นโกหกไปว่าหาย ได้เครื่องใหม่มาแทน แล้วยังเอาไปแก้อีมี่อีก แต่ละเครื่องก็มีหมายเลขอีมี่ (IMEI Number*) จะให้ส่งไอ้เครื่องที่ยังใช้ได้ดีกลับไปก็ดูโง่ๆ พิกล เพราะต้องเก็บเครื่องที่พังใช้งานไม่ได้ไว้ แล้วส่งเครื่องที่ดีๆ ให้เค้าไป การที่จะส่งเครื่องแรกที่พังและได้แจ้งว่าหาย...กลับไปให้เค้านั่น....เป็นไปไม่ได้เลย เดี๋ยวจะโดนฟ้องว่า fraud ได้ อีกทางเลือกที่อิชั้นอยากทำคือ ไม่ส่งอะไรกลับไปเลย แกล้งโง่ อยู่เฉยๆ ไม่รู้เรื่องอะไร ไม่ได้อ่านจดหมายนั่น ตอนคุยทางโทรศัพท์ไอ้เจ้าหน้าที่ไม่ได้พูดถึงเรื่องส่งเครื่องที่พังกลับไป แต่ในกล่องโทรศัพท์เครื่องใหม่ (ล่าสุด) ที่เค้าส่งมา ได้มีเลเบ้ว pre-paid สำหรับส่งเครื่องที่พังกลับไปด้วย อูยยยย....โจรปวดกบาลมากค่ะ กับของราคาไม่เท่าไหร่ จะต้องติดคุกมั๊ยวะเนี่ย ถ้าไม่ส่งกลับไปเค้าอาจจะชาร์จค่าเครื่องโทรศัพท์ได้ แงๆๆๆ เอาไงดีวะ ปรึกษาผัวก็โดนด่าซ้ำ แงๆๆๆๆ ไอ้คนนั้นเดินข้ามม้าลายเหยียบเส้นมันยังด่าเลย ถ้าเดินนอกเส้นมันโทรเรียกตำรวจจับเมียแน่ๆ

page-569ยังจำได้ไหม ใครที่เคยแบกไอ้พวกนี้ 5555 พี่เขยช้านนนนน…คนนึงแหละ 5555

เพราะความโลภแท้ๆ นอนไม่หลับมาหลายคืนแล้ว อ้อ...อีกอย่างนึง เค้ายกเลิกประกันโทรศัพท์ของอิชั้นไปเลยค่ะ เพราะเคลม 2 ครั้ง ภายในเวลา 12 เดือน จากนี้ไป พัง ตก แตก หัก ก็เหมาไปเต็มๆ ไม่รู้มาก่อนนะคะเรื่องนี้ บทเรียนนี้จะจำไปจนตายเลยทีเดียว หรือจะจำไปจนเอ๋อโน่นแหละ งานนี้โดนผัวด่าซ้ำแล้วซ้ำแก ตั้งแต่รอบแรกที่โทรไปโกหกเค้าว่าหายแล้วได้เครื่องให้เอาไปเมืองไทย เจอด่าๆๆๆ อยุ่เป็นระยะ เปลี่ยนชื่อให้อิชั้นว่า Thief พอโทรไปรอบสองว่าเครื่องพัง..ก็เลยไม่ได้เรียนให้คุณผัวทราบ แต่สุดท้าย...แงๆๆๆ โจรก็ต้องสารภาพ เพราะคิดไม่ออกว่าจะเอาไงดี เผื่อเป็นคดีความ..ผัวจะได้ลงเข่งจำเลยด้วยไง 55555

ส่วนโทรศัพท์เครื่องล่าสุดที่เค้าส่งมาแทนเครื่องที่พังนั่นก็ไม่ใช่รุ่นเดิม เพราะโซนี่อีริคสันรุ่นนั้นตกยุคไปแล้ว เลยได้ไอ้ซัมซุง Impression มาแทน ไม่ชอบเลย (อาจจะเป็นเพราะยังไม่คุ้นเคยมั๊ง) เป็นอะไรที่เคยไม่อยากได้ ไม่ชอบ กล้องแค่ 3 เมก ไม่มีแฟลช ฟูลคีบอร์ด ทัช-สกรีน ฯลฯ อาจจะต้องใช้ไอ้เครื่องนี้ต่อไปอีกนาน คิดทบทวนปมาก็เอนเอียงไปทางเลือกที่จะต้องส่งเครื่องที่ดีไปให้เค้า (เค้าคง..งง...พังตรงไหนวะ แงๆๆๆ) เก็บเครื่องที่พังไว้ เพื่อจบเรื่องโจรโง่ๆ เฮ้ออออออ.........

IMG_0822-s[5]โทรศัพท์ เจ้าปัญหา ทั้ง 3 อัน the good, the bad, and the ugly!

แต่หลายวันมานี้ก็เจอไอ้ AT&T เอเจ้นโทรมาวันเว้นวันว่า นี่ๆๆๆ แกๆๆ ยังไม่ส่งเครื่องที่พังกลับมาเลยนะ (พวกเครื่องที่พัง ส่งคืนกลับไป เค้าก็จะส่งไปผ่านขั้นตอนตรวจเช็ค ถ้าพบว่ายังสามารถปลุกให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้ ก็จะส่งกลับโรงงานออริจิ้น ทำการซ่อมแซม ขัดสีฉวีนวล นำกลับมาจำหน่ายใหม่ เป็นสินค้า refurbished** ราคาย่อมเยาว่าของใหม่เอี่ยมถอดด้ามนิดหน่อย แต่ประกันคุ้มครองแค่ 90 วันเท่านั้น) คือ โดนเค้าทวงโทรศัพท์เจ้ากรรมนายเวรคืนวันเว้นวัน ทางโทรศัพท์ ทางอีเมล์ สุดท้ายก็เลยทำการโทรศัพท์กลับไปแตหลออีกครั้ง ว่า นี่ๆๆๆ แก...ชั้นทำพรีเพดเลเบ้วที่ส่งมาพร้อมโทสับหายไป แกช่วยส่งมาให้ใหม่ได้ป่าว เสียงตามสายก็ตอบมาทันที...เยส...แมม... รออีก 5 วัน 7 วันนะเทอๆๆๆ....

refurbished_nokia

ระหว่างที่รอเลเบ้ว (จ่ายเองแพงอยู่นา...ค่าส่งของผ่าน FedEx) ก็ทำการประชุมกันกับลูกสาวใหญ่และสามี สรุปว่า เราจะส่งโทสับที่ดีๆ อยู่ กลับไป เก็บไอ้ที่พังๆ ไว้ดูเพื่อเตือนสติ ทีหน้าทีหลังก็จงแจ้งไปว่า “หาย” สถานเดียว คราวนี้จะทำยังไงกับโทสับที่ดีๆ ให้มันเป็นของเสีย ของพัง เริ่มด้วยวิธีแรก อิชั้นก็เอาไอ้โทสับเข้ากรรมนายเวรใส่เข้าไปในถุงเท้าหนา แล้วก็โยนพาดพื้นพรมแรงๆ ประมาณ 50 ครั้ง ปรากฏว่า...มันยังคงใช้งานได้ดีเยี่ยมเช่นเดิมทุกฟังชั่น ที่ต้องเอายัดใส่ไปในถุงเท้าเพราะไม่อยากให้มัน มี Ding หรือ Dent ให้เค้าดูออกว่าเราชำเรามันก่อนส่งกลับ

หลังจากใส่ถุงเท้าเป็นบัมเป้อร์ แล้วมันยังดีอยู่ ก็เอามันโยนฟาดพื้นพรมแบบปล่าวๆ เปลือยๆ อีกหลายสิบครั้งมาก น่าจะร่วมร้อยครั้ง เพราะแม่กับหนูดี “เขวี้ยง” กันจนเมื่อหัวไหล่ โยนจนแยกร่าง แบตเตอรี่ ฝา กระจายแยกร่างไม่รู้กี่สิบครั้ง สรุป... ยังทำงานเจ๋งแจ๋วเต็มร้อย กล้องก็ยังเวิ๊กดีเช่นเดิม คราวนี้เลยเอามาลองโยนที่พื้นครัวที่เป็น Linoleum Floor คือเหมือนกระเบื้องยางแต่หนานุ่มกว่าหน่อยๆ เริ่มด้วยเอาโทสับยัดใส่ถุงเท้าก่อน โยนๆๆ ฟาดๆๆ เฟี้ยงๆๆ ปาๆๆ หลายสิบครั้ง.... มันก็ยังโอเคอยู่ เลยเอามาโยนแบบเปลือย พอโยนๆๆๆ แยกร่าง กระจัดกระจายหลายหน ใส่ทุกอย่างกลับคืน....เปิดเครื่อง..คราวนี้...จอมืดตึ๊ดตื๋อ ไม่หือ ไม่อือ เป็นว่าเราสังหารโทรศัพท์แบบโคตรโหดเลย ตายโหงลงด้วยฝีมือฆาตรกรแม่ลูก แต่จริงๆ แล้วมันเป็นความจำเป็นนะคะ ไม่งั้น บิลค่าโทรศพท์งวดหน้าจะมียอดเพิ่มมาให้ช๊อคอีก 399.99 เหรียญค่ะ มันจะชาร์จเราเท่ากับราคาของโทรศัพท์ที่ไม่มี โปรโมชั่นใดๆ เอาแบบเต็มๆ ราคาหน้ากล่องเลย รวมภาษีไปอีก 8.975% อ๊ากกกกกกก........ โจรก็เลยต้องกลายเป็นฆาตรกรอำมหิตด้วย .... R.I.P. เน้อ....โทสับเอ้ยยยย....

*The IMEI (International Mobile Equipment Identity) number is on all GSM and UMTS mobile phones, commonly found in Europe, Asia, Africa and increasingly in America. Verizon Wireless & T-Mobile are the major US carriers but there are growing numbers of regional carriers who are switching to GSM like Centennial Wireless, Highland Cellular, Dobson Cellular to name a few. Mobile phone companies can use the number to identify valid subscribers and the type of equipment used. The carrier could thus use the number to remotely disable the phone in the event it is stolen or reported lost and customize data content to be compatible with the type of equipment used, among other things.

** Refurbished products cannot be sold as new products in the US, which is why they are relabeled as refurbished or refreshed units even if they are good-as-new (if, for example, the unit was returned for some reason unrelated to the product itself, such as the customer changing their mind about the color). Refurbished items may have scratches, dents or other forms of cosmetic damage which do not affect the performance of the unit.

Refurbished products could possibly be the products which are returned by the customer within the 90 day period Returns Policy of the company which sold the product, without any defect with the product. Studies show that 83% of "refurbished items" are, in fact, not broken or damaged in any way. Refurbished products are generally bench tested and certified by the authorized service centers of the company and then re-packaged, labeled as a Refurbished Product.

Refurbished electronics are products, which have most often been returned to the manufacturer because it was unwanted or had some minor defect. The items are simply returned because most major retail superstores offer a 30 day money back guarantee on their products and there are those consumers that just simply take advantage of this liberal return policy. However, there is also a very good chance that the unit you receive may never have been used as it may have been a unit whose box was damaged or simply an overstock model that many retailers return to the manufactures to make room for incoming models. When the electronic goods such as TVs, home theater systems, computers and other electronics have been returned in an undamaged and fully functional condition and although they are still in a brand new condition, due to legal reasons they cannot be marketed or sold as new. In such cases, where it is found to have a minor defect, the manufacturer rectifies this by replacing the defective component, or permanently repairing it.

Refurbished items are generally thought to be cheap and poorly fixed products because of their sometimes shorter warranties. However, most products have nothing wrong with them, they were simply exchanged over incompatibility or are cosmetically damaged. Most mechanical fixes are by trained technicians who work for the original company that distributed the product.

Learn from yesterday, live for today, hope for tomorrow.

OLL-02

Tuesday, September 21, 2010

FALL Has Begun..!!

fall-tree-no-leaves

Yeeee…..Ha! ในที่สุดก็ Fall (Autumn - ฤดูใบไม้ร่วง) ก็มาถึง ปีนี้รอๆๆๆๆๆ ให้ฟอลล์มาถึงเร็วๆ เพราะเบื่อจ่ายบิลค่าไฟอย่างแรง 555 พอฟอลล์กับสปริงบิลค่าไฟจะลดลงแบบฮวบฮาบ ถูกใจเป็นอย่างยิ่ง หน้าร้อนกับหน้าหนาวก็หนักหน่อย แต่หน้าร้อนจะหนักที่สุด เพราะเปิดแอร์ทั้งวันทั้งคืน ขนาดเปิดแบบให้ลูกๆ อยู่สบายตัวไม่ได้เย็นเยือกแต่อย่างใด คือประมาณ 77°F ซึ่งต้องจ่ายประมาณเดือนละ 350 เหรียญ พอหน้าหนาวค่าไฟก็ลดลงมานิดนึง นิดเดียวจริงๆ คือประมาณ 280 เหรียญ เพราะเปิดฮีตเต้อร์เฉพาะช่วงหัวค่ำ พอถึงช่วงสายๆ ก็ปิด พอเริ่มเข้าฟอลล์ หรือสปริง หรือปลายๆ หน้าหนาว อากาศเย็นสบาย ไม่มีการเปิดฮีตเต้อร์หรือแอร์คอนดิชั่นเน่อร์เลย ค่าไฟหล่นลงมาให้ชื่นใจอยู่ที่ประมาณ 80-100 เหรียญต่อเดือน

แต่วันนี้…วันแรกของฟลอลล์…แอร์บ้านอิชั้นยัง “หึ่ง…..ง..” ครวญครางอยู่อย่างปกติ ก็ไม่ใช่ว่าเปลี่ยนฤดูปุ๊บ อากาศเย็นลงปั๊บนี่นา กลางๆ หรือปลายๆ ตุลาโน่นแหละ ถึงจะได้หาเสื้อหนาวมาใส่กัน ตอนนี้อากาศก็จะลดลงเรื่อยๆ กลางคืนเย็นสบาย กลางวันยังคงร้อนตับแหก (วันนี้finally-hereอยู่ที่ 92°F) ตอนเช้าขับรถไปส่งลูกต้องเปิดฮีตเต้อร์ พอบ่ายไปรับลูกก็เปิดแอร์ อุณหภูมิแตกต่างแบบลูกเล็กเด็กแดงน่าป่วยไข้แหละ สาเหตุที่อิชั้นปลื้มกับการมาถึงของฤดูใบไม้ร่วงเป็นที่สุด เป็นเพราะไม่ชอบหน้าร้อน ไม่สบายเนื้อสบายตัว คันคะเยอ ฯลฯ พอฟอลล์มาถึงอีกไม่นานก็หน้าหนาว อากาศเย็นลงเรื่อยๆ ชื่นฉ่ำหัวใจ หนาวก็ขนใส่เสื้อผ้ารองเท้าถุงเท้าให้ร่างกายอบอุ่นได้ แต่ร้อน…เดินแก้ผ้าโทงๆ ก็ไม่หายร้อน เผลอๆ โดนตำรวจจับอีก ถ้าหากอิชั้นจะคลั่งเดินแก้ผ้าคลายร้อนในบ้าน ก็…อูย…สงสารลูกผัวจัง….อุจาด 55555 แค่คิดก็อุบาทว์เกิ๊นนน.. 55555

page-566

พอเข้าฟอลล์ ใบไม้เริ่มเปลี่ยนสี เป็นโทน เหลือง แดง ส้ม น้ำตาล และเขียวขี้ม้า ให้ดูสวยแปลกตาอยู่ซักพักนึง จากนั้นก็ร่วงหล่นเต็มพื้น เหลือต้นยืนโกร๋นหนาวเหน็บไปตลอดหนาว จะมีพวกที่ใบไม่เปลี่ยนสี ใบไม่ร่วง ที่เค้าเรียกว่า Evergreen ให้เห็นอยู่บ้างเหมือนกัน ส่วนมากจะเป็นพวกต้นสน แถวนี้เป็นแถบกึ่งทะเลทราย ที่อยู่ใกล้ๆ เทือกเขา Sierra Nevada ซึ่งปกคลุมไปด้วยป่าสน พอฤดูมีหิมะปกคลุมไปจนถึงปลายๆ พฤษภาคม ซึ่งถือว่าเป็นแหล่งน้ำที่สำคัญของผู้คนแถวนี้ หิมะจะค่อยๆ ละลายไหลลงมาที่ทะเลสาป อ่างเก็บน้ำ reservoir แล้เค้าก็ถูกจัดจ่ายไปให้ได้ใช้ทั่วกันตลอดฤดูร้อน ถ้าปีไหนหิมะน้อย…เหอๆๆๆ ไม่อยากจะเซด เจอมากับตัว เสีบบ้านไปเลยค่ะ ต่อๆๆๆๆ ป่าเขาแถวนี้น่าจะเป็นเขตป่าผลัดใบ (Deciduous Forest) มากกว่า เพราะเขตทุนดรา (เมกันออกเสียง “ทันดร้า” – Tundra) น่าจะหนาวเย็นกว่านี้ แบบอลาสก้าโน่น ถ้าให้คิดเองเทือกเขาเซีร่าเนวาด้าเนี่ย..น่าจะอยู่ระหว่างภูมิอากาศหรือภูมิประเทศหว่า 555 แบบป่าสนไทก้า (Taiga) กับ ป่าผลัดใบ ส่วนแถวๆ ตีนเขาลงมาถึงแวลเล่ย์ที่อิชั้นอยู่น่าจะเป็นแบบ “ทุ่ง-กุ-ล่า” Toong-gular 55555 เพราะแถวนี้แห้งแกร่ก ยิ่งหน้าร้อน แห้งโคตรรร…. 5555

page-565

คราวนี้มาดูกัน ว่าฤดู (เอาเฉพาะฤดูใบไม้ร่วงเท่านั้นนะคะ) ของแต่ละซีกโลกห่างกันอย่างไร กูเกิ้ลมาฝากกัน อันแรกของซีกโลกเหนือค่ะ

In 2010, fall begins on September 22nd for countries in the Northern Hemisphere (United States, Canada).
Note: In 2010, Autumn begins on September 23 for countries in Europe.

FallNaorth

อันนี้ของซีกโลกใต้

In 2010, fall begins on March 20th for countries in the Southern Hemisphere (parts of South America, parts of Africa, Australia, and Antarctica).

FallSouth

เคยพล่ามเรื่อง Fall ไว้ตรงนี้ ด้วย http://oohsworld.blogspot.com/2009/09/hello-fall-good-bye-summer.html

ยังไงก็ขอให้ทุกคน Happy Fall (but not Falling) นะคะ

HappyFallPumkinLARGE

Do not dwell in the past,

do not dream of the future,

concentrate the mind on the present moment.

-- Buddha --

OLL-03