Wednesday, April 30, 2008

ข้าวยาก-หมากแพง

จริงๆ แล้วถ้าหมากแพงก็คงไม่เดือดร้อนอะไรเลย เพราะไม่ได้เคี้ยวทั้งหมากไทยและหมากฝรั่ง แต่ที่เดือดร้อนสุดๆ อยู่ตอนนี้คือ น้ำมันแพง ข้าวสารแพง กับข้าวกับปลาแพงระยับ นม-แกลลอนละเกือบ 6 เหรียญ ไข่ไก่แพ๊ค 18 ฟอง- เกือบๆ 6 เหรียญ ข้าวหอมมะลิจากเมืองไทย ถุงละ 50 ปอนด์ เดิมถุงละ 21-23 เหรียญ แต่ตอนนี้ถึงละ 45 เหรียญ แถมยังเล่าลือกันว่าข้าวจะแพงขึ้นเรื่อยๆ ไม่หยุด มีตังค์ก็อยากซื้อไว้หลายๆ ถุง เป็นไทยแท้แต่เกิด “อดข้าวดอกนะเจ้าชีวาวาย” นี่จริงๆ มื้อไหนๆ กับข้าวไทย กับข้าวฝรั่ง ก็ขอให้มีข้าวสวยด้วยซักจานเถิ้ดดดด....

พูดถึงข้าวสาร หลายๆ ที่ ตามห้างโฮล์เซลส์ แบบ คอสโก้ แซมส์คลับ ฯลฯ ก็จำกัดห้ามซื้อข้าวสารเกินเท่านั้นเท่านี้ถุงแล้วแต่จะว่ากันไป เพราะราคาก็จะโหดน้อยกว่าร้านค้าย่อยรายอื่นๆ อยู่นิดหน่อย เซ็งจิตจริงๆ อาหารอย่างอื่น หมู หมา กา ไก่ ก็แพงขึ้นตามๆ กัน เงินเดือนผัวอิชั้นไม่ยักกะขึ้นแฮะ เจ็บนี้อีกนานนนน...มั๊ง เพราะยังไม่เคยเห็นว่าราคาอะไรๆ ที่เคยขึ้นไปแล้วหวนกลับลงมาราคาเดิม พระเจ้าไม่ช่วยลูกช้างเล้ยยยย....ฮ่วย



น้ำมันแพง แพง แพงมากจนอยากเปลี่ยนรถมาเป็นไฮบริด ก็ได้แต่คุยๆ กันไป เพราะมีอะไรๆ ต้องใช้ต้องจ่ายอยู่ไม่ได้หยุด แต่ไอ้โต’ต้าที่ใช้อยู่ก็ใกล้หมดอายุขัยแล้ว อีกไม่กี่พันไมล์ก็ครบแสนแล้ว เคยคุยกันว่าจะเปลี่ยนเมื่อรถวิ่งครบแสนไมล์ (ถ้าไม่เอาไปทำบรรลัยทางอื่นซะก่อน-อย่างที่เคยทำเอาไว้ 55555) แต่ครอบครัวเราเหมือนมีเงาราหู เงาราหาง มาบัง มาแซก มาแซะ ให้โน่นผุ นี่พัง นั่นเจ๊ง นี่ต้องเปลี่ยน นั่นต้องซ่อม โน่นต้องซื้อใหม่ เข้ามาได้ไม่หยุด มีแต่เรื่องใช้กะตังค์ เรื่องเปลี่ยนรถจึงดูเลือนลาง เอาเถอะวะ ที่มีอยู่ก็ดีกว่าเดิน ไม่อยากดิ้นรนมากเกินไป รถเป็นปัจจัยที่ 5 ของชีวิตมนุษย์ไปซะแล้ว แถมไอ้เมืองที่อยู่ก็ไม่มีรถสาธาณะ รถเมล์ แท๊กซี่ แมงกะไซค์ สองแถว ป๊อกแป๊ก ฯลฯ เลย ไม่มีรถก็คือตายกับตาย ลูกจะไปโรงเรียนยังไง ไปซื้อกับข้าวยังไง ไปแร่ดยังไง 55555 คิดไม่ออกจริงๆ
ไอ้โต’ต้าที่ใช้อยู่ ก็กินน้ำมันพอดีๆ ไม่น่าสยดสยองนัก จากแรกเริ่มเดิมที มาอยู่ใหม่ๆ น้ำมันแกลลอนละ ¢0.97 หลายปีผ่านไปกลายเป็นแกลลอนละ $4.09 นี่แบบไร้สารธรรมดานะ-สิบอกไห่ เมื่อตอนที่มัน เกือบ $2 นี่บ่นๆๆๆๆ ตอนนี้ไม่ยักกะบ่นแฮะ....คุณอู๋


Sunday, April 27, 2008

วิชาภาษาและวัฒนธรรม

วันนี้มีเรื่องขำอุบาทว์ๆ มาเล่า 55555 ขำเองก่อนเลย ต้องออกตัวก่อนว่าดูเหมือนว่าถ่อยๆ ถุนๆ ไปหน่อย โปรดให้อภัย เพราะมันเป็นอะไรที่แก้ไขไม่ได้เสียแล้ว เรื่องที่จะกล่าวถึงก็คือ คุณก๊อตสุดที่ร๊ากกกก..... คือแกเป็นคนพูดไม่เพราะเอาซะเลย จะพาไปหาหมอผ่าเอาหมาบ้าออกจากปากก็คงไม่ดีอะไรขึ้นมา เพราะแกเลี้ยงไว้ในปากเป็นฝูง แรกๆ มาอยู่เป็นผัวเป็นเมียกันก็ทำให้ตะลึงพรึงเพริดเป็นการใหญ่มาแล้ว เพราะตอนเป็นแฟนกันไม่เคยได้ยินแบบพูดคำสบถอีกสามคำ ออกจะน่ารักน่าเอ็นดูสุภาพระดับพอดีๆ ส่วนเราก็เป็นสุภาพสตรีไทยรู้กาละเทศะ มีเหมือนกันที่ต้องเถื่อนๆ แบบไทยๆ ถุลบ้างกับบางคนเพื่อความมันส์เท่านั้น 555555 จริงๆ นะเฟ้ย.....

เข้าเรื่องเลย เมื่อมาอยู่ที่นี่ จ้า... ที่นี่ที่ไม่ใช่เมืองไทยน่ะ บ้านนี้เมืองนี้ ใช้สแลงมาก การพูดคำสบถคำดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติ คงพอเห็นตัวอย่างกันบ้างจากในหนังฮอลิวู้ด แต่ก็ไม่ได้เหมาว่าคนที่นี่จะเถื่อน-ถุย-ถุนแบบนั้นไปซะหมด มันก็มีแหละนะ-คนที่เค้าสุภาพเรียบร้อย พูดจาเพราะไพเราะอ่อนหวาน มีมารยาทงดงาม จะตดก็ขอโทษ แล้ววิ่งหนีไปตดที่อื่น 55555 แล้วก็พูดไม่ได้ด้วยว่าระดับการศึกษาทำให้คนเป็นคนมีมารยาทดีเลวต่างกัน บางคนมีปริญญาด๊อกเต้อร์ 3-4 ใบ พูดคำแล้วก็สำรากตามออกมาที 3-4 คำ ก็เคยเห็น บางคนต่ำต้อยด้อยค่าไร้การศึกษา ....แหม้..... ช่างวาจางาม อุปนิสัยเป็นเลิศ ส่วนพี่ก๊อตของอิชั้นแกเข้าแก๊บไปซะหลายเรื่องทีเดียวเชียว เกิดมาจน เรียนคอลเลจไม่จบ โตมาในบ้านแตก ทำงานโรงงานมาตลอด คือบลูคอลล่าร์ตัวจริงเสียงจริง แถมเรดเน๊คของแท้อีกตะหาก แค่พอสังเขปเน๊าะ ไม่อยากสาวไส้ให้กากินเยอะๆ เอาแค่พอให้กา 2-3 ตัว อิ่มเน๊าะ คือแกพูดไม่เพราะเอาซะเลย มาใหม่ๆ ก็ทำให้มีน้ำหูน้ำตาอยู่บ่อยๆ พอเค้า เชี๊ยต ชิต ฟ๊ากกกก.... แดมน์ ฯลฯ อื่นๆ อีกมากมาย เราก็เริ่มเลย โมโห อึงด่าอูเหรอ อีก๊อตก็งงแบบ อะไรของมันอีกฟะ เป็นว่าขัดข้องเคืองใจกันอยู่นานเชียว บางทีเราก็งอนตะบักตะบวยเป็นวันๆ อีก๊อตออกไปทำงาน เราก็ซัดประตูเปรี้ยง งอนง่อกๆๆๆๆๆ อยู่คนเดียวที่บ้าน โอ้ย...งอนอยู่นานเหนื่อยโว้ย เลิกดีกว่า พออีก๊อตกลับมาก็ดันเจือกลืมงอนต่อ หรือบางทีที่ไม่ลืมก็รีบงอนง่อกๆๆๆๆๆ ต่อ อีก๊อตก็งง... มันเป็นไรของมันฟะ จะพูดด้วยก็กลัวมันอาละวาด เป็นวงเวียนกรรมเช่นนั้นอยู่นานเชียว จนกระทั่งถึงจุดเดือด ก็เลยพูดไปว่า อึงเลิกพูดแบบนั้นกะอูนะ อูไม่ชอบ ห้ามพูดที่บ้านด้วย เดี๋ยวลูกเอาเป็นตัวอย่าง เออ แล้วในรถด้วย ลูกจะได้ยิน ถ้าพูดแบบนั้นกับอูอีก เลิกกัน มันก็เดือดเลย อีบร้า..... มาท้าเลิก 55555 ตัวพี่ก๊อตนั้นมิเคยพูดคำน้อยให้น้องอู๋ระคายเคืองหรือเสียใจ ที่พูดคำเห่าคำนั้นไม่ได้มีคำไหนที่เจตนาโยนมาที่น้องอู๋เลย คือมันห้ามไม่ได้จ้า เผลอตัวไปนิด เคยตัวเวลาคุยกะเพื่อนถุนๆ ที่โรงงาน ต่อไปนี้พี่จะระวังปากระวังคำจ้า 555555
สรุปว่าก็ไม่ค่อยได้ยินคำพิเศษแบบนั้นอยู่พักใหญ่ๆ มีเหมือนกันที่แบบเวลาพี่ก๊อตดูโทรทัศน์ อ่านหนังสือ หรือท่องอินเตอร์เน็ท หลุดมาให้ได้ยินอยู่เป็นระยะ เราก็ไม่ว่าอะไร ถ้าลูกอยู่แถวๆ นั้นก็ทำตาเหลือกใส่นิดหน่อย พอให้ อุ๊ย....ซอรี่น้า.... แต่เวลาขับรถนี่สิ โห....อย่าให้เซด มันพรั่งพรูออกมาแบบ ... น่าโมโหที่สุด ก็พอเห็นแหละว่าแกพยายาม “อม” เอาไว้บ่อยๆ ไม่ให้หลุดออกมา แต่หมาบางตัวมันก็ทะลึ่งจริงๆ กระโดดพรวดออกมาไม่เกรงใจใคร จนอยู่มาวันหนึ่ง ไปไหนกันไม่รู้-จำไม่ได้น่ะ พี่แกก็ขับรถไป ฟึดฟัดไป ออกอาการโมโหโกธาเพื่อนร่วมถนนตามปกติ พอดีแกคงลืมกลั้นไว้มั๊งหลุดออกมาหน่อยนึงว่า “....Mother!!! ....Oops!!!.....” แล้วก็หันมาจ้องหน้ากันแบบเงียบๆ แต่อีหนูดี (สามขวบ ณ ตอนนั้น) นั่งกร่างอยู่ในคาร์ซีทด้านหลัง โพล่งมาเสียงดังอยากภาคภูมิใจว่า “ม้า-เต้อ-ฟ๊าก-เก้อ...Daddy, you gotta finish it!!! เราก็หันไปเหล่ผัวแบบซ้ำเติมนิดนึง “You must be very proud!…huh!”
ต่อๆๆๆๆ พออีหนูดีไปพรีสคูล คือประมาณ 4 ขวบ ก็เป็นอะไรที่แม่กลุ๊ม...กลุ้มใจค่ะ กลัวมันไปพูดม๋าๆ ที่โรงเรียน จะแย๊บถามครูก็กลัวเค้ารังเกียจ ดูถูก และกากะบาทหัวลูกเราไว้ (คือทั้งแม่และลูกต้อง represent Thailand very well ค่ะ) ก็เลยเงียบๆ ไว้ ก็พร่ำสอนแหละว่าห้ามพูดแบบนั้นนะ เป็นเด็กต้องพูดเพราะๆ และทำตัวดีๆ มันก็สวนมาว่าๆ “why why why? Do I have to wait until I’m an adult?” ก็บอก โนๆๆๆๆ ถึงเป็นผู้ใหญ่ก็ห้ามพูด มันยิงสวนมาอีก “Or….wait until after I get married?” แม่เลยบอกไป เออ!!!! ก็ได้วะ จากนั้นไม่นานมันไปเห็นบักร๊อบบี้ (หลานชายลุงก๊อต 5 ปีแก่กว่าอีหนูดี ตอนนั้นก็ 9 ขวบแหละ มันแย่จริงๆ มันด่า ตา ยาย แม่ น้า คือคนร่วมบ้านมันน่ะ) ตะโกนด่าตากับแม่ของมัน “ฟ๊ากกกกก...ยู” แถมยกนิ้วกลางให้พวกนั้นด้วย เราก็อึ้งเลย คือตกใจจริงๆ ไม่เคยเห็นอะไรแบบนั้น ก็เดินหนีไปเลย อีก๊อตกะจะเข้าไปจัดการแต่ช้ากว่าหนูดีค่ะ มันสาดไปเลย “You can’t talk like that! ‘Cuz you’re not a grown-up & you’re not married yet!” พ่อมันก็แบบหันขวับมาที่เราแล้วก็ฮากันโย้กหย่าย 555555 ลูกแม่อู๋ 555555
 

แต่จริงๆ แล้วไม่มีอะไรให้น่ากังวลใจเรื่องเรื่องคำหยาบกับหนูดีหรอก เพราะลูกรู้ดีว่า มันพูดแบบนั้นไม่ได้ ไม่ว่าที่ไหนๆ หรือกับใครๆ เพราะแม่จะเอามันถึงตาย ไม่เป็นเพราะมันเป็นแคธอลิคสคูลเกิร์ลหรอก มันดีเพราะมีแม่ดุตะหาก หรือแม้แต่อีพ่อมันซึ่งเป็นคนพูดไม่เพราะเอง ก็คงลุยมันเละแน่ๆ ถ้ามันพูดไม่เพราะ (ตูพูดได้คนเดียว เพราะแก่แล้ว และแต่งงานแล้ว 555) แต่ไอ้พูดกะแนะกะแหนกับนิสัยแสนงอนเนี่ย แก้ไม่ได้จริงๆ เซ็งเลยพูดเรื่องนี้ ตัวพี่ก๊อตเองก็เถอะ ถึงจะพูดจาไม่ไพเราะหูเป็นบางครั้ง จริงๆ แล้วเป็นคนอ่อนโยน มีน้ำใจ คือเป็นคนดีมากๆ คนนึง ไอ้โรคปากคุณสุ-คงแก้ไขไม่ได้ เพราะเกิดมาแบบนั้นคงต้องเป็นแบบนี้ไปจนวันตาย พอเราเริ่มเข้าใจ พยายามมองข้ามไป ทำใจให้ยอมรับ (ยากเหมือนกันนะ) ก็เลยไม่เอามาเป็นปัญหาใหญ่ แต่ก็ยังต้องด่าต้องปามไว้ตลอด เพราะตอนนี้มีเบบี้บอย-ไอ้ก๊อตตี้ น่าห่วงเน้อ...... ลืมบอกไป พี่ก๊อตเนี่ย ปากหมาบ้าบอเฉพาะกับอิชั้นและที่บ้านเท่านั้น ที่ทำงานไม่ซาบได้ เพราะไม่ได้ไปทำงานด้วย แต่เวลาไปไหนๆ เจอเพื่อนฝูง ไม่มีหลุดจ้าไม่มีหลุด แถมไม่น่าเรียกว่า “ไอ้ก๊อต” เลยแหละ น่าเรียก “อีติ๋ม” มากกว่า เพราะขี้อายสุดๆ ที่แกเถื่อนๆ ที่บ้านนั้น มีข้อแก้ตัวว่า แกไม่ได้ว่าใคร แกเลิ้บของแกมาก แต่คือมัน เอ่อ.. อ่า... I’m happy…& too relax & too comfortable ไปนิดนึง เลยเผลอตัวไปหน่อยจ้า.... 555 จริงๆ เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้ฟาดฟันกันเรื่องนี้เท่าไหร่ เพราะใช้วิธี หนามยอกเอาหนามบ่งจ้า

ตัวอย่างล่าสุด สดๆ เกือบลืมเล่า เกี่ยวกับ ครอบครัวผีบ้าของเรา 5555 เมื่อคืนวานดูหนัง “The Abyss” กัน มีอยู่ตอนไอ้พระเอกไปแอบๆ อยู่ อีก็อตก็เป็นห่วง พ่นออกมาว่า “Where is that dumb-fuck? อีแม่อู๋กับหนูดีลูกรักก็หันไปที่แด้ดดี้พร้อมกัน โดยมิได้นัดหมายและพร้อมกับชี้นิ้วไปที่พ่อมัน แล้วพูดพร้อมกันว่า “He’s here” 555555 ก๊ากกกกก.... กันสนั่นหวั่นไหวเลย 555555 แม่ลูกไม่ได้พูดคำหยาบซักกะติ๊ดดดด... แต่อีพ่อก็หน้าหุบโมโหตุ๊ยตุ่ยไปเลย สมน้ำหน้า 55555 หนามยอกก็ต้องเอาหนามบ่งค่ะ

 

TheIngles-02

Wednesday, April 23, 2008

วันเกิดเด็กหญิงแสบ

จบๆ ไปซะที ที่ว่าจบน่ะ รอบแรกเท่านั้น แค่แฟมิลี่ผีบ้าแค่นั้น คนที่กัดกันก็มากันไม่ครบ ก็โล่งอกไปนิด เพราะกลัวมีศึกในที่สาธรณะ เป็นว่าอิ่มอร่อยถ้วนหน้า หนูดีก็ได้ของขวัญและตังค์นิดๆ หน่อยๆ สมหวังไปตามประสาเด็กๆ พ่อซื้อซอฟแวร์เกมส์ Sim-2 Teen ไรก็ไม่รู้มัน กับ ดีวีดีที่มันอยากได้ (ตอนนี้เท่านั้น – เพราะมันอยากได้ตลอดปีตลอดชาติและ) คุณแม่ก็ไปลาก บูมบ๊อกซ์ที่เล่นดีวีดี จอ 7 นิ้ว ฟังวิทยุและฟังเพลงจากซีดีได้ด้วย อยากซื้อไอพ่อดให้แหละ บ่นมา 2-3 ปีแล้ว แต่ถ้าซื้อให้ โดนพ่อมันด่าหูฉีกแน่ๆ เพราะอีพ่อมันไม่ช้อบ... ไม่ชอบ... บูมบ๊อกซ์ต้องแบกหามเอาหน่อยละกัน ที่ซื้อให้เพราะเห็นว่าไอ้เครื่องเล่นดีวีดีขนาดพกพากะทัดรัดอันเก่าที่ใช้มาหลายปีแล้วก็ป่วยออดๆ แอดๆ มานานแล้ว เลยซื้ออันนี้ให้ พอลูกเห็นดีใจตู้มๆๆๆ คือดีใจมากๆ มันไม่ตื่นเต้ลลลล...ของขวัญของพ่อเลย 55555 พอเทศกาลของขวัญ-พ่อกับแม่ก็เป็นคู่แข่งกัน 55555 ใครชนะใจลูกมากกว่าก็หน้าบานนนนน....ซะ
อีหนูดีก็แบบนี้แหละ พอเลยคริสต์มาสมาวันนึงก็เริ่มพล่ามๆๆๆๆ ทู้กกก.... วัน ว่าอยากได้ไอ้นั่น ไอ้นี่ แล้วก็ไอ้โน่น ไอ้สารพัด ฯลฯ เป็นของขวัญวันเกิด พอเลยวันเกิดมาวันนึงมันก็จะเริ่มพล่ามๆๆๆๆ ทู้กกก.... วัน ว่าอยากได้ไอ้นั่น ไอ้นี่ แล้วก็ไอ้โน่น ไอ้สารพัด ฯลฯ เป็นของขวัญวันคริสต์มาส ฟังมากๆ จากขำกลายเป็นเซ็ง จากเซ็งเป็นโมโห หนักๆ เข้าอยากตื้บมันจริงๆ อีกไม่นานก็ต้องมาปวดกะโหลกกะไอ้ก๊อตตี้อีกคน คิดแล้วก็กลัว 555555


วันนี้ตอนเช้าไปลากโดนัท 5 โหล + โดนัทโฮล์อีหนึ่งกล่องใหญ่ น้ำผลไม้ 4 โหล จานกระดาษและแน๊พกิ้น ไปแจกเด็กๆ ที่ชั้นเรียนหนูดี คือ ไปโยนตูมและวเปิดตรูดหนีเลย ให้ครูมันดูแลกันเองตอนเบรค เด็กๆ ก็กรี๊ดกันตามระเบียบ เพราะมีสแน๊คลอยมาฟาดปาก จริงๆ แล้ว อะไรที่กินกับเพื่อนๆ น่ะอร่อยล้ำเป็นพิเศษแหละ เคยเป็นเด็กมาก่อนเหมือนกั๊ลลล์.... ไม่ได้เกิดมาแล้วแก่และอ้วนแบบนี้เลย 55555 จากนั้นก็ไปรับหนูดีออกจากชั้นเรียนก่อนเวลา คือตอนบ่ายสองครึ่ง แล้วก็พากันฮ้อไปเฟรสโน่ ไปหา เดอ-มา-ตอ-ลอ-จิ๊ด 55555 หมอรักษาโรคขี้เรื้อน เพราะทั้งแม่และลูกต่างก็เป็นขี้เรื้อน เกากันแกรกๆ หนูดีมันไม่มีอะไรมากหรอก แต่เห็นหนังหัวมันลอกๆ กลัวมันเป็นเยอะ แล้วหมอบ้านี่นะ แพงแบบสังหารโหด แต่แถวนี้ไม่มีหมอขี้เรื้อนให้เลือกเยอะนัก แล้วมาเดร่าน่ะไม่มีซักกะตัวเลยแหละ ลืมบอกไป พ่อมันลางาน อยู่ “เบิ้ดเด” ลูก แม่กับพี่เลยเปิดตูดแป้นไปเฟรสโน่ ทิ้งไอ้ตี้ให้พ่อมันรับฝีมือซะบ้าง อีพ่อมันนะ พอลูกร้องก็โทรๆๆๆๆๆ รังควานตลอด 55555 สมน้ำหน้า สะใจมาก

ส่วนไอ้ตี้ ผื่น-ส่าไข้ ก็จางลงไปเรื่อยๆ ซนโครมครามตามปกติ สาธุ อย่าให้มันเป็นอะไรอีกเลย แม่ทู้ก....ทุกข์ เวลาพาลูกไปโรงบาล ตัวจิ๋วๆ โดนเจาะโดนแทงพรุนทุกที เป็นอีดีหน่อยไม่ได้ จะให้หมอสับเอาพุงมันไปตรวจซะให้เข็ด 5555 ลำเอียงป่าววะเนี่ย บ้านนี้หาหมอ หาหมอ หาหมอ กันไม่ได้หยุดได้หย่อน จนญาติข้างฝามีแซว.... ลูกบ้านนี้แค่ “ตด” ก็ต้องพาไปหาหมอ ทั้งขำ ทั้งโมโห แต่ขอโทษ... ไม่อายค่ะ ลูกใครก็ลูกมัน พวงอึงไม่มีลูก ก็พูดได้เรื่อยๆ แหละ อีก๊อตพูดว่า “ไม่อยากจะ-รีเกร๊ท-ที่หลัง หากลูกเป็นอะไรเยอะๆ” จบข่าวประจำวันคุ้มครองโลก Happy Earth Day Everyone!





Sunday, April 20, 2008

ก๊ะตังค์ที่ไม่น่าจะต้องเสีย

ทำไมมีแต่เรื่องเสียตังค์ฟะ ยิ่งรวยๆ อยู่ สงสารพี่ก๊อตด้วย ทำงานจนหลังอานก็ไม่รวยกะใครเค้าซะที วันนี้เป็นเสาร์ที่พี่ก๊อตหยุดงานเพื่ออยู่บ้านเอ็นจอยครอบครัวบ้าง นานๆ หยุดกะเค้าทีนึงก็เลยตัดหญ้าหน้าบ้านที่เราเคยนึกว่าเป็นป่าข้าวโพด คงรออีกไม่นานคงได้เก็บข้าวโพดมาทำกินกับลูกๆ 55555 พอแซวว่ามาตัดทุ่งข้าวโพดทิ้งทำไมฟะ พี่แกฟาดกับมาว่า “ใครบอกว่าข้าวโพด ทุ่งข้าวสาลีตะหาก” กั๊กๆๆๆ....ก๊ากกกก....... ขำกลิ้ง เถียงไม่เคยตกฟากเล้ยยยย ปั๋วของอิชั้น

กลับมาเรื่องที่ต้องเสียตังค์ทั้งๆ ที่ไม่น่าจะต้องเสีย เมื่อ 3 อาทิตย์ก่อนเพิ่งพบว่า ”ไอ้ก้อน-เอ๊กเทอน่อลฮาร์ดไดร้ฟ์-500 กิ๊ก” ของอิชั้นเกิดไม่ “เร็ดซะป๊อน” อะไรกะไอ้เครื่องคอมพ์ตัวไหนๆ เลย ทั้งตัวใหญ่ ใหม่และเก่า อีกทั้งอีแล่บท๊อป เซ็งดิ เศร้ามากด้วย เพราะรูปทั้งหมดเก็บไว้ในนั้น และดีลีทเกือบทั้งหมดออกจากคอมพ์ทุกตัว เหลือไว้อย่างละนิดละหน่อย ไอ้ก้อนบ้านั่นซื้อมาก็แพงแล้ว เพราะเป็น “แก๊ตเจ็ดควีน” มาตั้งแต่เกิด มีอะไรออกมา-ตรูก็อยากมีก่อนใครๆ แล้วก็มาเจ็บใจเวลามันลดราคาแหลกอีก 2 เดือนให้หลัง หรือมีรุ่นใหม่เจ๋งกว่าออกมาให้อิจฉา ไม่เคยเข็ดและไม่เคยจำ พอไอ้ก้อนบ้าเนี่ยไม่ทำงาน อยากเป็นลม พยายามหลายตลบ ติดต่อบริษัทผู้สร้าง 55555 เรียกเหมือนผู้สร้างหนังเลย 55555 ติดต่อหยอดคำถามทั้งเว๊บไทยเว๊บฝรั่งกราดเกลื่อนไปทั่วโลกไซเบ้อร์ สุดท้ายพี่ก๊อตเห็นเศร้าส้อยเงือกหงอยอยู่หน้าคอมพ์หลายวัน มาถามว่ามีคำตอบไหนน่าปฏิบัติตามที่สุด ที่น่าเชื่อถือที่สุดก็คือส่งไปให้ “เอ๊กซะเปิด” ระเบิดมันออกมา แล้วเมวล์ไอ้ซากก้อนบ้านั่นไปคือบริษัทจัดจำหน่ายแล้วมันจะส่งอันใหม่มาแทน คราวนี้ใครหล่ะที่เราเชื่อถือ เราเชื่อถือไอ้กี๊กเซอร์วิสที่ “เบสท์บาย” และก็รู้แน่อยู่แล้วว่ามันแพง พี่ก๊อตก็บอกแพงก็ต้องยอมเสีย อีอ้วนสุดที่รักจะได้นอนหลับสบายใจซะที

พอถึงเบสท์บาย ถามไถ่ ก็ได้ความว่าค่าบริการ 159 พลัสแท๊กส์ “โฮลี่ กว๊อกคาโมลี่” คิดไว้ที่ 4 ซ้า 50 เอ้งงงง...นะ พอปั๋วบอก โอเค ก็คุยกันต่อกะไอ้หนุ่มให้บริการคนนั้นต่อ 555555 (หล่อซะด้วยนา-แต่คราวลูกเลยแหละ) มันถามว่ามีไฟล์ต่างๆ ในก้อนนั้นเยอะป่าว เราก็ตอบ ร้อย ถึง ร้อยห้าสิบกิ๊ก ได้มั๊ง มันถามต่อ ถ้าเซฟใส่แผ่นดีวีดี ก็อักโขนะเจ๊ ลำบากทั้งผม ลำบากทั้งป้าเลยนะ หรือป้ามีไอ้ก้อนแบบเน๊ยะอีกก็เอามาให้ย้ายไฟล์ใส่ก็จะดีกว่านะ ก็มีอยู่ก้อนเดียวนี่แหละ เจ๊งโบ๊งแล้วด้วย มันก็แนะนำมาอีกว่า ซื้อก้อนใหม่ดิ แล้วค่อยมาคุยกันใหม่ เวงกำ แนะนำดีนะไอ้เวง

สรุปซื้อก็ได้วะ รูปลูกๆ มัน “ไพร๊ส์เลส” ใช่ป่าว เอาลูกๆ มาอ้างนะ สะดวกโยธินตลอดแหละ ตานี้ก็เดินวนๆ ไปเจอ ไอ้ก้อนๆ ลดราคาพอดี ของซีเกรท 500 กิ๊ก จาก 199 เหลือ 119 แต่เหลือก้อนสุดท้าย มีไอ้กันกะเมียก้มจดๆ จ้องๆ อยู่ เราก็คว้ามั๊บอย่างไร้มารยาท คว้าก่อนได้ก่อนเฟ้ย แล้วเอาไปแอบอ่านไกลๆ ถ้าไม่ชอบก็เอาไปแอบซุกตรงอื่นได้ ตอนคว้าไอ้บ้านั่นจ้องแบบอยากตื้บหรือไงนี่แหละ เราก็เดินเฉิ่บ...ไม่สน แล้วก็วิ่งหนีไปหาลูกกะผัวที่วนเวียนหาซื้อดีวีดีหนังอีกฝากนึง หลังจากพิจารณาอ่านแล้วคิดว่าน่าจะดีกว่าไอ้ก้อนเก่า ก็เลยรีบกลับไปคุยกับพ่อรูปหล่อ จ่ายตังค์ (สดจ้าสด – โดนปั๋วยึดเงินปั๊ดติกไปหมดแล้ว) มันบอก เสร็จเมื่อไหร่จะรีบโทรไปตามเจ๊ให้มารับเลยนะจ๊ะ ไม่น่าจะเกิน 2 วีคหรอกเจ๊ เราก็เออๆๆๆๆ

สรุป หมดไปเท่าไหร่ละเนี่ย คิดแล้วปวดเฮดมากๆ ก็ได้แต่จุ๊บขอบใจพ่อทูนหัวของมีย 555555 แตหลอจริงจริ๊งงงงงง......
จากนั้นก็พาลูกเมียไปคาสิโน ไปดินเน่อร์กัน พอเมนคอสหมด พี่ก๊อตให้ตังค์ 20 ไปคลายเครียด ปรากฏว่าเครียดหนักกว่าเดิม เจ๊งหมดภายใน 5 นาที บ้าจริงๆ คืนนี้คาสิโนบ้าเนี่ยมันงกมาก ไม่ผัดกันแพ้ผัดกันชนะให้เราเล่นนานๆ หน่อย เลยไม่สนุกเลย เดินหน้าตูมกลับโต๊ะ ลูกผัวหัวเราะแบบรู้แกว เจ๊งตามระเบียบ มิใช่ โดยละม่อม 5555 เสร็จแล้วบริกรหนุ่มดำล่ำสัน แบกขาโต๊ะพับมากางพร้อมวางถาดลง “เซอร์ไพร๊ส์” 55555 เค้ก ค่ะ เค้ก ช๊อคโกแล๊ตราสพ์เบอรี่ ตกแต่งจานสวยเก๋ เอาน้ำเชื่อมราสพ์เบอรี่โรยจานคดโค้งสวอนเลค 3 เส้น วิพครีมหยอดเล็กๆ กระจายพองาม 3-4 อัน ผลร๊าสพ์เบอรี่สด 5-6 อันเรียงเข้าแถวน่าเอ็นดู สวยเก๋น่าดู โมโหเสียตังค์เลยสวาปามซะ ลืมถ่ายรูปมาอวด พอเห็นเค้กก็ต้องทำ วิ๊วว๊าว วี๊ด บึ้ม ซะหน่อยให้พี่แกดีใจ จริงๆ รู้แล้วว่าเค้กที่นี่ไม่อร่อยเอาซะเลย ก็ทนๆ ฟาดเข้าไป ทำ อือ อา อร่อย ให้ผัวปลื้มใจหน่อย เพียงเพราะวันนี้บ่นอยากกินเค้กอร่อยๆ แต่ขี้เกียจทำจังเลย


พี่ก๊อตเนี่ยเห็นถึกๆ อย่างนี้เถอะนะ โรแมนติคสุดๆ ขอบอก เซอร์ไพร๊ส์นิดเซอร์ไพร๊ส์หน่อย พอให้มีสีสันตลอดเวลา ไม่ต้องมีโอกาสพิเศษ (เซอร์ไพร๊ส์ตามเทศกาล...มันแพงงงงง....55555) บางทีพี่แกพูดอะไรออกมาเราก็แบบตะลึง ว่าสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ช่างสังเกตุเหมือนกันแฮะ อย่างวันนี้ อ้าว โกรกผมแล้วเรอะ ไม่หงอกแล้วนะ สีผมสีนี้สวยดี หรือบางที ลิปสติกใหม่เหรอ ที่จำได้ไม่ลืมเวลาเข้าครัวเห็นทีไรแล้วได้อมยิ้มชื่นใจทุกทีก็เพราะ มีอยู่ครั้งพี่ก๊อตบอกว่า ทิชชู่ม้วนใหญ่ในครัวน่ะ ลายน่ารักดี มามี๊เลือกซื้อได้สวยจัง ปลื้มเน๊าะ เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็เอามาชื่นใจได้เรื่อยๆ วันนี้มาเล่าสู่กันฟังแนวหวานๆ อย่าอ้วกเลยนะ นานๆ ทีจะมีซะหน 55555 ส่วนฉากบู๊-คู่กัด น่ะ มีมาเล่าให้ฟังตลอดแหละ โปรดอย่าพลาด

ปล. วันนี้โพสต์แต่รูปเก่าๆ ที่พอหาได้ ดูกันไปเถอะนะ มีรูปแด้ดดี้กะไอ้ตี้แหละที่ถ่ายเมื่อวาน ตอนไปรับไอ้ดีที่โรงเรียน แล้วพาลูกๆ ไปกินเที่ยงที่ IHOP ร้านโปรดของ ไอแอมแซม ไง-จำกันได้ป่าว

Thursday, April 17, 2008

ลูกแม่น่ารักที่สุด

จริงๆ แล้ว ลูกใครก็ลูกใครแหละ ใครๆ ก็พูดเหมือนันไปหมดว่า “ลูกใครจะน่ารักกว่าลูกข้านั้นไม่มี” แต่ถ้ามีแข่งมีประกวดลูกกวน “ทีน” ที่สุด แม่อู๋เข้ารอบสุดท้ายแน่ๆ เผลอๆ ได้เข้าชิงที่ 1 เพราะลูกตัวใหญ่ของอิชั้นนั้น กวนทีนแบบสุดยอด กวนทั้งแบบฮากลิ้งน้ำตาหยด จนถึงอยากโดดเอา “ทีน” ให้มันเป็นรางวัลทีเดียวเชียว อย่าบอกเชียวว่า “ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น” เพราะที่กวนโอ๊ยมาตลอดนั้น เฉพาะนอกบ้าน กับพ่อแม่ไม่ได้เชียว เพราะ พ่อแม่ดุมากกกกกกก..... ไม่ได้โตมาจากครอบครัวกุ๊กกิ๊กแบบในหนัง พ่อแม่ลูกคุยกันหนุงหนิง ที่บ้านเครียด-ซีเรียสมากจ้า เลยมาบ้าๆ บอๆ ลิงๆ ค่างๆ อยู่กับเพื่อนๆ ข้างนอกบ้าน เข้าบ้านปุ๊บก็เป็นอีกคนนึงเลย ว่าจะคุยเรื่องลูก ไหงกลายเป็นมาพล่ามถึงตัวเองเมื่อเยาว์วัย


กลับเข้าเรื่อง เรื่องที่จะเล่าค่อนข้าง “อี๊...ยี๊....” ก่อนอ่ายทำใจนิดนึงนะคะ วันนี้ตอนลูกๆ อาบน้ำในอ่างกัน แม่ก็ขออนุญาตเข้าไป “อุนจิ” หน่อย จริงๆ ไปอีกห้องนึงก็ได้ แต่อยากแกล้งอีหนูดีมัน 555555 คือแบ่งกันเหม็นแบบไม่เกรงใจไอ้ตี้กันเลย พอถามปุ๊บ มันบอก โอเค ปั๊บ พอเสร็จปุ๊บ ก็ขอน้ำล้างตรูดปั๊บ อีหนูดีก็เปิดน้ำให้ปุ๊บ แม่ก็ล้างปั๊บ จ๊ากกกกกกก..... มันรองเอาน้ำร้อนเกือบเดือดให้คุณแม่ของมันเลยค่ะ เกือบสุกแหละ แล้วก็เกือบฟาดมันไปด้วยกระบวยตักน้ำ ไอ้ดีมันขำแบบ ก๊ากกกกกกกกก..... แบบว่าสะใจมันสุดๆ อย่าหาว่าสะเหร่อเลย อยู่เมืองนอกเมืองนายังล้างตูดด้วยเหรอ ล้างค่ะ ทิชชู่ก็มีใช้ค่ะ แต่ไอ้เรื่องล้างเนี่ย ไม่ทำไม่ได้จริงๆ ค่ะ เกิดมาแบบนี้-คงต้องตายไปแบบนี้แหละค่ะ แก้ไขไม่ได้ ไปนอกบ้านก็พกเบบี้ไว้พ์ตลอดนะ-ขอบอก
นี่เป็นแต่ตัวอย่างที่เกิดวันนี้ เดี๋ยวนี้ จริงๆ แล้วมีทู้กกกกกก....วัน กวนนิด กวนหน่อย น่าหยิก น่าตื้บ น่ากอด น่าจูบจริงๆ นะคะ ลูกของอิชั้น จะยังไง ก็แล้วแต่ I love them to death! รักพวกมันจริงๆ สุดๆ ไม่รักใคร อะไร ในโลกนี้มากกว่าลูกทั้งสองคน ปั๋วก็เลิ้บแหละ แต่อันดับรองๆ ลงไปอีก ไม่อยากจะพูดว่า... เลิกกันไปก็เป็นคนอื่น แต่จริงๆ แล้ว อดคิดแบบนั้นไม่ได้จริงๆ

วัชพืชแสนสวย

ตอนนี้เป็นต้นๆ หน้าฤดูใบไม้ผลิ จากที่อึมครึมเงือกหงอยมาตั้งแต่หนาวๆ โน่น โลกก็มีสีสันแจ่มใสทันตา ดอกไม้พรึบไปหมด ต้นไม้ก็ใบดกดื่นเขียวขจี ไม่น่ากลัวแบบตอนหนาวๆ ต้นไม้ไม่มีใบ โกร๋นๆ แห้งๆ ไม่สวยเอาซะเลย ทุ่งหญ้าสุดลูกหูลูกตาที่เคยเป็นทุ่งสีทองของหญ้าแห้งๆ ก็กลายเป็นสีเขียวชอุ่มสวยงามอีกครั้ง แต่จะเขียวอยู่ไม่นานหรอก เพราะสปริงนั้นไม่กี่เดือน พอซัมเม่อร์มาถึงทุกอย่างก็แห้ง สีสันสวยงามก็หายไปเกือบหมด แถมร้อนๆๆๆๆ แบบแสบร้อน แห้ง ระอุ คุ ไหม้ เกรียม แบบเตาอบ หรือนรก ไม่แน่ชัด เพราะไม่เคยไป 5555



รูปที่โพสต์คราวนี้ ผู้ชมคงรู้ได้เองแหละ ว่าอันไหนถ่ายเอง อันไหนไปแอบฉกเค้ามาจากเว๊ปต่างๆ เพราะรูปส่วนใหญ่ที่ถ่ายเองน่ะ เสี่ยงชีวิตตั้งหลายชีวิตกว่าจะได้มา เพราะถ่ายขณะที่ขับรถอยู่....โปรดแซบบบบ......


วัชพืชพวกนี้ บางอันดูเหมือนจะกินได้ แต่ไม่เคยลอง ไอ้เหลืองอ่อนๆ ดูเหมือนดอกกวางตุ้ง บางอันดูเหมือนดอกโสน น่าเอามาทอดไข่จิ้มน้ำพริก ก็ได้แต่คิดแหละ แต่ไม่เคยลอง คนตะกละเห็นอะไรก็แบบนี้แหละ น่าจะกินได้ไปหมด



เวลาขับรถไปจะเห็นพรึบไปตลอดทิวเขา ที่เห็นบ่อยๆ ก็มี สีเหลืองอ่อน เหลืองแก่ๆ ส้มๆ และ ม่วงๆ เห็นมาหลายปี แต่ไม่มีโอกาสได้ภาพโคลสอัพ เพราะทุกที่ที่เห็นเป็นข้างทางฟรีเวย์ที่ไม่มีไหล่ทาง การจราจรน่ากลัว บางทิวเขาสวยงามเกินบรรยายพรึบไปทุกสีที่กล่าวข้างต้นเลย แต่คว้ากล้องไม่เคยทัน อยากไปดูใกล้ๆ แต่คงไปไม่ได้ ขี้กลากคงคุกคามเพราะป่าหญ้าดูน่าคัน

ส่วนที่เป็นนางเอกเลยก็คือ โกลเด้นป๊อปปี้ จะระบาดเต็มทุ่งท่วมขุนเขาไปทั่วแคลิฟอร์เนีย (เฉพาะหน้าสปริงเท่านั้นแหละ) เพราะเป็นดอกไม้ประจำรัฐ สวย น่ารัก ดอกไม่โตนักหรอก กลีบยาวประมาณ 1.5 – 3 นิ้วแหละ ส่วนตัวแล้วชอบดอกไม้ที่มีฟอร์มแบบป๊อปปี้ พวกนี้จะสวยงามบนต้น สีสันสะดุดตา แต่ไม่ใช่ดอกไม้ที่ตัดเอาไปปักแจกัน

Tuesday, April 15, 2008

จากโรงพยาบาลถึงฟรีเวย์


6-7 วันมานี้ ยุ่งอีกแบบ เข้าๆ ออกๆ อีอาร์ โรงบาลเด็ก ถึง 3 ครั้ง แต่ละครั้ง ก็ 5-6 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย เพราะ ไอ้ก๊อตตี้เป็นไข้สูง 104 แน่ะ หมอไม่อยากแอ๊ตมิต เพราะคนไข้แอ๊คทีฟสุดๆ ขนาดป่วยวิ่งให้พล่าน แต่เม็ดเลือดขาวต่ำน่าจะเป็นไวรัสแอ๊ทแท๊ค เลยต้องเอาไปเจาะเลือด 2 วันติดๆ น่าสงสารสุดๆ



พอวันที่ 3 ก็มาผื่นแดง ขึ้นเต็มตัว สันนิษฐานเองว่าเป็น “ส่าไข้” ไม่อยากพาไปโรงบาลแล้ว เดี๋ยวโนแทงพรุนอีก รอดูซัก 24-48 ชั่วโมง ถ้าหนักหนาขึ้นเรื่อยๆ ก็คงต้องพาไป พอรอดูอีก 2-3 วันต่อมา ผื่นก็จางลง โล่งอกไปตามๆ กัน แต่พอวันศุกร์ค่ำๆ ตอนถอดเสื้อผ้าจะเอาลูกไปอาบน้ำ กลับมีตุ่มกระจายทั่วตัว ไม่มากหนาแน่นเท่าไหร่ แต่น่าตกใจ ก็รอจนเที่ยงคืนให้พ่อเลิกงานมาก่อน เพราะเหนื่อยวิ่งตาม หาคนช่วยน่ะ (จริงๆ ก็ไม่ช่วยเท่าไหร่หรอก) ก็โห่ไปโรงบาลเด็กอีก (ไม่ต้องคิดเรื่องบิลค่ารักษพยาบาล เพราะน่ากลัวสุดๆ ยังไงก็ต้องยอมแหล่ะ เพราะไม่มีทางเลือก)

ก็เหมือนเดิม รอข้างนอก รอข้างใน รอหมอ รอพยาบาล รอเจ้าหน้าที่ฝ่ายข้อมูลประกัน รอๆๆๆๆๆ เฮ้ลท์แคร์ซิสเต้มที่นี่ก็เป็นที่รู้ๆ กันอยู่ คืนนั้นกว่าจะได้กลับออกมาก็ตี 5 พอดี หมอ 2 คนมาช่วยกันดูเพราะไม่แน่ใจ ก็ได้แต่บอก อย่าทาอะไร รอจนวันอังคาร ถ้าหนักหนาก็พากลับมาให้ดู (ฟรีเหรอจ๊ะ 55555 ฝันไปมั๊ง)


พอดีมีเพื่อนเก่าแต่ไม่ยอมแก่มาเยี่ยมหาจากเมืองไทย “พี่แม้ว” ลูกก็ป่วย บ้านก็ยุ่ง เพื่อนก็มา แต่โชคดี ได้พี่นาง-นางเอก 5555 มากู้สถานะการณ์ เชื้อเชิญให้เรายกฝูงไปพักที่บ้านแก ก็ไกลโขอยู่ ไปลากซื้ออาหารการกินติดมือไปด้วย แบก”ไอ้ตุ่มตี้” ไป ตุ่มก็ผุดขึ้นมาหนาแน่นให้กลุ้มใจยกใหญ่ กะว่าจะพาพี่แม้วไป “โยเซมิตี้” วนอุทยานชื่อกระฉ่อนโลก ก็โดนพี่นางทัดทานว่า ลูกผื่นๆ อย่าไปเลย เพราะพอลลีน ลมแรง และอื่นๆ อีกมากมาย เลยพาพี่แม๊วไป “ช้อป” จ้า ช้อปแหลกแหกระเบิด 55555 หาบยาสีฟัน ลิปมัน ฯลฯ ไปฝากเพื่อนๆ ซื้อเสื้อผ้าเด็ก เพราะอิจฉาหนูดีใส่เสื้อผ้ากิ๊ปเก๋สุดๆ ปรากฏว่า หนูดีใส่เสื้อผ้าใหญ่กว่าป้าแม้ว 1 ไซ้ส์ 5555 พอดีมีบัตรกำนัน 5555 กำนัล หรือผู้ใหญ่บ้านนี่แหละ ซื้อ 50 ลด 25 เลยแหละ มีอยู่ 2 ใบ หมดอายุในวันที่ไปด้วย เลยบอกพี่แม้วลุยเลย หนูดีโชคดี ป้าแม้วเลยให้เลือกของกุ๊กกิ๊กที่อยากได้ ป้าแม้วจะซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด แม่อู๋เลยโยนปากกาแม่เหล็กเอาไว้ติดตู้เย็นที่มันลดราคาอยู่ลงไปผสมโรงด้วย ฮิๆๆๆๆๆๆ



สรุปขับรถวนไปเวียนมา 3-4 เมืองนี่แหละ มาเดร่า เฟรสโน่ เมอเซด และ แอ๊ตวอเต้อ ไอ้ตี้คนดีของมัมมี่ก็ไม่กวน และดูไม่เหมือนป่วย ร่าเริงสุดๆ เลยไปกันเรื่อยๆ เมื่อยก็ไม่หยุดแบบไม่เกรงใจลูก อีหนูดีอาละวาดนิดหน่อย บ่นเมื่อย สวมบท “ดราม่าควีน” ตามปกติ


พอวันอาทิตย์ พาพี่แม้วแวะไปเซย์ ฮัลโหลกับพี่ก๊อตที่โรงงาน (แถมบ่น ไม่บอกล่วงหน้าว่าจะมา ไม่งั้นก็จะไม่ทำงานวีคเอนด์ จะได้พาเที่ยวทั่วๆ กว่านี้) แล้วพูดไม่เลิกว่า ไม่เชื่อที่พี่แม้วแก่.....กว่าเดี้ยน 2 ปี เจือกมาบอกว่าดูอ่อนกว่าตรูซัก 10 ปีได้ โถ.... ไอ้ตาถั่ว... ฮึ่ม



แล้วอีหนูดีก็ไปต่อรองกับพ่อว่าขอไม่ไปโรงเรียนวันจันทร์ ทีแรกดูท่าว่าจะไม่มีทางโอเค แต่พ่อบอกว่า ให้ตามทำงานสคูลเวิร์คและโฮมเวิร์คให้ทัน ซักไซ้อีกว่ามีเทสต์หรือไม่ ห้ามโกหก และครั้งนี้โอเคเพราะพี่แม้วไม่ได้มาเยี่ยมบ่อยๆ เย้ๆๆๆ 55555


พอวันจันทร์พี่นางยอดคุณแม่บ้านก็หุงหาอาหารเช้าพร้อมกาแฟหอมกรุ่นรอพวกอีอืดให้ตื่นมาแหล่กตามปกติ ตามด้วยอาหารกลางวัน ก็ทำพิธีล่ำลากัน เราก็เอาพี่แม้วไปโยนทิ้งที่สถานีแอมแทรค-เมอเซด เพื่อมุ่งหน้าไปพบน้าชายของเค้าที่ซานโฮเซ่ต่อ แล้วแม่อู๋กับลูกๆ ก็บึ่งกลับวังที่มาเดร่า พอเลยเมอเซดได้นิดนึง รถเหวี่ยงไปมา ตกใจสุดๆ เสียงดังหึ่งอื้ออึงไปหมด แต่ควบคุมได้ ขับเข้ามาจอดแอบๆ ข้างทาง หนูดีตื่นตะหนกไม่แพ้แม่ พบว่ายางหลังซ้ายแตกหรือรั่วไม่รู้ว่ะ แต่รูใหญ่เชียว แบนแต๋ กลับเข้ามานั่งงงๆ ในรถก่อน ไม่รู้ทำไงดี เวิ้งว้างกลางทุ่งริมฟรีเวย์ 99 แต่โชคเข้าข้าง พระคุ้มครอง นึกถึงริชชาร์ด-ฝาละมีของพี่นาง วันนี้ไม่ไปทำงาน เลยโทรให้เค้ามากู้ภัย นอกจากยางแบน น้ำมันหมดด้วยจ้า เพราะกะว่าถึงบ้านแน่ๆ ไง แล้วถึงค่อยเติม แต่ระหว่างที่รอๆๆๆ นั่นติดเครื่องเปิดแอร์ให้ลูก เพราะไม่อยากให้ไอ้ตุ่มตี้กระสับกระส่าย รอๆๆๆๆ ก็ยังไม่มา น้ำมันก็เกือบเกลี้ยงเลยแหละ ต้องดับเครื่อง เปิดหน้าต่าง (ไม่อยากเปิดจริงๆ เพราะเป็นทุ่งโล่ง กลัวฝุ่นสารพัดจากดอกหญ้า วัชพืช ต้นไม้ทั้งหลายจะมาทำให้ไอ้ตี้คัน มันไม่คันมาตลอดเลยไง สุดท้ายก็ต้องเปิด) พอเปิดปุ๊บไอ้ตี้ก็ตื่นจริงๆ เพราะเสียงรถบรรทุกและแรงสั่นสะเทือน ก็รอ รอ รอ สุดท้ายพ่อคุณทูนหัวริชชาร์ดก็มาถึง ตัวแกเองก็เดี้ยงๆ ปวดหลังอยู่ ลากอุปกรณ์สารพัดมาพร้อม แป๊บเดียวก็เอาไอ้แบนออก เอาโดนัทมาใส่ให้วิ่งกลับบ้านได้ และเติมน้ำมันให้อีก 1 กระป๋องแดงใหญ่ เห็นบอกว่า 2.5 แกลลอนมั๊ง (55555 มีน้ำมันแล้ว หรือไปช้อปต่อดี 55555 ไม่เจียมมมมม.....)


แล้วก็ค่อยๆ คืบคลานกลับบ้านด้วย 3 ล้อ กะ 1 โดนัท ทั้ง 3 ชีวิตปลอดภัยดี ถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ ต้องขอบพระคุณ ป๋าริชชาร์ดและพี่นางที่แสนดี (บางทีทำตัวเป็นแม่ (มด) ด้วย5555) ถ้าวันนั้นป๋าไปทำงาน คิดเอาละก๊านนนน.... โทรตามประกัน รอหนักหนากว่านั้นอีก จ่ายยุบยับทีหลังอีกเท่าไหร่ เป็นว่าจบเหตุสะเทือนขวัญประจำสัปดาห์ไปด้วยดี (คือต้องมีโน่นนี่นั่น สั่นประสาทไม่ได้หยุดเลยว่ะ)


Friday, April 11, 2008

เข้าครัวกันนิดนึง

ยามขยันคือขี้เกียจทำอย่างอื่น เลยโพสต์อย่างเมามัน

ไอ้แพร์สองลูกนี่เห็นแล้วก็ขำ เลยถ่ายรูปซะเลย จริงๆ พวกมันอยู่ในตะกร้าผลไม้แหละ นอนแอ้งแม๊งอยู่หลายวัน อีพ่อก็คอยบอก ปอกให้ลูกกินหน่อยนะ ลูกชอบทั้งสองตัว เราก็ เออๆๆ แล้วก็ลืม พอวันนั้นตื่นมา พ่อมันไปทำงานแล้ว แต่เอาไอ้แพร์สองลูกมาเกาะเค้าน์เต้อร์ครัวไว้ ให้มันเตะตาโครมๆ ไม่เอาให้ลูกกินไม่ได้แล้ว 55555 เห็นแล้วสงสาร เหมือนมันเกาะขอบไว้ กลัวว่าเดี๋ยวมันตกขอบนั่นตาย 55555


ดอกไม้จาก “ที่เลิ้บ” เคยเกริ่นไว้ก่อนแล้วว่า อย่าไปคาดหวัง “ดอกกุดาบ” วันวาเลนไทน์ จากฝามีของอิชั้น เพราะช่วงนั้นไม่ว่ากุหลาบหรือดอกไม้ไหนๆ ก็แพงระยับ แต่อีตาคนนี้ซื้อดอกไม้ให้ทั้งปี พอเลิกงานดึกๆ แล้วต้องแวะซื้อนม ซื้อไข่ ซื้ออาหาร และไปเห็นดอกไม้ลดราคาก็จะรีบลากมาฝากเสมอๆ ก็น่ารักน่าชังแบบนี้แหละ


อันนี้เป็นขนมครกสิงคโปร์ที่อยากกินมากๆ อาฆาตมานาน พอได้สูตร ไปลากซื้อใบเตยแช่แข็งมา เครื่องครบก็เริ่มลงมือ ผลออกมาเหมือน แพนเค้กรสใบเตย ผิดหวังสุด จากที่คอยหยอดใส่เบ้าหนมครกรัสเซีย (โด่งก็ไม่โด่ง โด่ก็ไม่โด่ อย่างที่หวังใจไว้) เสียเวลา เจ็บใจ เลยราดใส่พิมพ์ว๊าฟเฟิ่ลให้มันรู้แล้วรู้แร่ด จบๆ ไป คราวหน้าเอาใหม่ เพราะใบเตยเหลือเยอะ ใช้แป้งข้าวจ้าวแทนแป้งเค้ก จะได้เด้งๆ โด่ๆ หนึบๆ แล้วจะรายงานผล


Chapino แบบไทยๆ หรือแบบอู๋ๆ ดูกันเอาเอง ซีฟู้ดส์ซุปสไตล์อิตาเลี่ยน กลายเป็นซึฟู้ดส์อบวุ้นเส้น 5555 เริ่มด้วยเอาวุ้นเส้นแห้งๆ 1 ห่อ ปาลงไปในถ้วย แกะชาพิโน่โฟรสเซ่น ปาลงไป เติมน้ำ ครึ่งถ้วย โยนถ้วยใส่เตาไมโครเวฟ 3 นาที เอามาคนๆ หน่อยนึง โยนเข้าไปคืนอบต่อไปอีก 3-5 นาที ดูว่ากุ้งหอยปลาปูสุกดี เป็นว่าลากออกมารับทานได้ ไม่ต้องมีเฟร้นช์เบรดเพราะวุ้นเส้นนุ่มอร่อย อิ่มไปหนึ่งมื้อค่ะ

เชสต์นัทก๊วนนี้ แช่แข็งมาปีกว่าๆ แล้ว นึกอยากก็เอาออกมาต้ม 20 นาที ก็พอกินขัดให้หายอยากเกาลัดไปได้บ้างนิ้ดดดดดด...นึง (แค่นั้น) เกาลัดต้องซื้อเป็นฤดู ปีนึงซื้อได้ไม่กี่เดือน พอหนาวๆ ตุลา พฤศจิกา ก็ต้องรีบสั่งจากฟาร์มทางอินเตอร์เน็ท สั่งทุกปีแหละ พอใกล้ๆ เวลา เค้าก็จะส่งโปสการ์ดมาเตือน ถ้าเลยไปถึงมกรา ก็อด หมดกัน มีแต่แบบแห้งแกะเปลือก เค้าเอาไว้ทำอาหาร ขนมนมเนยกัน น่าเอามาห่อบ๊ะจ่าง 55555 ตะละอยากกิน พูดเหมือนทำเป็นเลย ส่วนไอ้นัทพวนี้พอซื้อมา ลูกใหญ่ ลูกเล็ก ซึ่งราคาก็แตกต่างกันไปตามขนาด ชอบขนาดกลางๆ ซื้อทีก็ 5-6 ปอนด์ๆ ละ 4-5 เหรียญ ก็เอามาแบ่งๆ ใส่ถุงเล็กๆ ซีลสูญญากาศ แช่แข็งเก็บไว้ได้เป็นปี พออยากก็เอามาหุงหาทำกินตามแต่จะนึกออก ไอ้วิธีต้ม 20 นาที เพื่อนเกาหลีสอนมา เคยผ่ากากบาทแล้วอบในเตาอบ อบในเตาติ๊ง หรือผ่าแล้วปิ้งในเตาผิงไฟก็เคย ไม่เวิร์คว่ะ ต้มแล้วดีกว่าแต่ไม่เริ่ดเหมือนคั่วด้วยเม็ดกาแฟที่เมืองไทย แต่เอาเถอะวะ “ดีกว่าไม้ดีดปาก” 555555

มีดชุดใหม่ ราคาแพงระยับ สวามีซื้อให้ ไอ้ที่อยากได้ก็ดันไม่ซื้อให้ "เป๋าลุ๋ย" ใบที่เล็งไว้เงี๊ยะ ไอ้ที่ไม่อยากได้ดันซื้อให้ แถมหย่อนพันอยู่ไม่กี่สตางค์ คนขายก็คุยๆ คมแท้ๆ คมเหลือเกิน ดีเด่น พิเศษ เริ่ดกว่ายี่ห้อเลื่องชื่อ ตุ๊กตาคู่ของเยอรมัน ตอนมาสาธิตก็แบบ แหมดีจังวุ๊ย แต่ไม่คิดหรอกว่าจะซื้อเพราะมันแพงเกินไป อีก๊อตก็แบบ ....ยู โปรเฟสชั่นแนลเชฟ มีใบเซอร์รับประกัน ควรจะมีอาวุธคู่กายแบบสมเกียรติหน่อย ดันออเด้อร์ชุดใหญ่ไป พอของมาส่งเปิดกล่อง “เอ๋อ” เลย โมโหน่ะ ชอบน่ะชอบ แต่ไม่อยากได้ เพราะมันแพง เราก็นึกว่าแค่ยอมให้มันเข้าบ้านมาสาธิต ทนดูมัน เดี๋ยวมันก็ได้ตังค์นิดๆ หน่อยๆ จากบริษัทมีดนั่น ลืมบอกไป ไอ้เด็กที่ขายมีดน่ะ รู้จักันดี ไม่งั้นไม่ให้มันเข้าบ้านร๊อกกกก....

คาลบี้ จ้ะ คาลบี้ ของญี่ปุ่นต้นตำรับ ถุงละ 1.99 ลูกๆ ชอบกิน แต่ชอบแบบธรรมดานะ ส่วนวาซาบิสีเขียวนั่น เพิ่งลองซื้อมากินเป็นครั้งแรก ไม่หวจริงๆ เผ็ดๆๆๆๆๆ คุณแม่ยังรับไม่ไหว ไม่ซื้ออีกแล้วแบบวาซาบิ เข็ด เวลาไปซื้อหนูดีชอบบอก “ม๊าม่ะ” อยากกินซีฟู้ด 555555 คือรสกุ้งไง ถือว่ากินซีฟู้ดส์แบบประหยัดแล้วกันนะลูก 555555