Monday, September 27, 2010

M·A·C VENOMOUS VILLAINS


page-574

กรี๊ดดดดดด.......วันนี้ได้อีเมล์จาก MAC Cosmetics ว่าออกเครื่องสำอางไลน์ใหม่ล่าสุด ซึ่งเป็นไลน์ที่อิชั้นตั้งตารอมานาน มันคือไลน์ VENOMOUS VILLAINS MAC จับมือ Disney’s ทำชุดนี้ออกมา ทำไม๊ ทำไม อิชั้นต้องพูดถึงเครื่องสำอางชุดนี้นะเหรอคะ …เนื่องจากอิชั้นเองนั้นเป็น villain โดยกำเหนิด 5555 เครื่องสำอางชุดนี้จะเป็นอะไรที่ “เพื่อช้านน.....just for me” 555

page-573ทำไมไม่ sketch หน้าอิตุ๊ดดำ (ล่างขวา) เน๊าะ ดันใช้รูปปกติของแม๊ค สามตัวอื่นดูยูนี๊คกว่าเยอะ

แคแร๊คเต้อร์ทั้ง 4 ตัว ประกอบไปด้วย

1. Cruella de Vil - 101 Dalmatians

2. Maleficent - Sleeping Beauty

3. The Queen - Snow White

4. Doctor Facilier - The Princess and the Frog

page-576

ต้องขอติติง “แม๊ค คอสเมติค” ที่ไม่มาปรึกษาหารือกับอิชั้นก่อนที่ผลิตสินค้าชุดนี้ออกมา พลาดดดดด.... พลาดอย่างแรง เพราะ villains ของดีสนีส์ตัวที่น่าจะเหมาะกับของสวยของงามมีมากมายหลายตัวไม่รู้ว่าเอาอิตุ๊ดดำนั่นมาได้ไง แหงะ ตัวที่น่าจะอยู่ในลิสต์ตัวแรกๆ เลย แต่ดันถูกมองข้ามไป (ได้ไงฟระ) คือ คุณน้อง Ursula ปลาหมึกยักษ์-อ๊อคโทบุส จาก The Little Mermaid อย่างนี้ต้องเรียกว่าแม๊ค “เหยียด” คนอ้วน ฮึ่มมมมม...... แต่ไม่เดือดร้อนเท่าไหร่หรอก เพราะไม่ใช่บิ๊กแฟนของแม๊ค มีเครื่องสวยงามของเค้าอยู่บ้างนิดหน่อย แต่มีแปรงแต่งหน้าเค้าอยู่พอสมควร ชอบแปรงแม๊คมากว่าพวกสีสันต่างๆ แก่แล้ว ป้ายๆ แปะๆ ทาๆ ถูๆ ไปเหอะ ยังไง๊…ยังไง..ก็ดูน่ากลัวเหมือนไม่ได้แต่ง 5555

page-575

ใครจะว่าเชยเฉิ่มหรืออะไรก็ว่าไปเลยนะคะ ที่ตอนแรกเห็น 1 ในตัวร้าย 4 ตัว ไอ้ตุ๊ดดำใส่ท๊อปแฮ๊ตนั่น อิชั้นไม่รู้หรอกว่ามันเป็นใคร เพราะไม่ได้ดูการ์ตูนดีสนีย์ใหม่ๆ เลย ถ้าเก่าๆ ไปหน่อย...บ้านเรามีครอบครองทุกเรื่องโดยเฉพาะพวกที่เข้าข่ายคลาสสิค เผลอๆ มี 2 มี 3 ซื้อแล้วซื้ออีก 5555 พอลูกสาวโตเกินกว่าจะเป็นเจ้าหญิงทั้งหลาย โดดไปดูอะไรทีนเอจ ไอ้ตัวเล็กก็เป็นผู้ชายดู Cars, Toy Story, etc. อิชั้นก็เลยพลาดเรื่อง The Princess and the Frog ไป จึงไม่รู้ว่า ไอ้ Doctor Facilier เป็นใคร ต้องไปถามรอมมี่ก่อนที่จะกูเกิ้ล แต่ก็เหอะคิดได้ไง ไม่เอาเออซูล่ามาเป็นพรีเซนเต้อร์ พลาดๆๆๆๆๆๆ

page-577

สีสันของแม๊ค VENOMOUS VILLAINS ค่อนข้างฉูดฉาด สีเล็บถูกใจปี๊ดๆ ลิปสติกดูน่าสนใจหลายสี แต่คงไม่ซื้อหรอก เพราะมีลิปสติกอยู่เยอะมากกกก...... จากหลากหลายยี่ห้อ ถ้าหากจะซื้อซักชิ้น สองชิ้น ก็ด้วยเหตุผลแพ๊คเกจมันสะใจ ลูกผัวเห็นแม๊คชุดนี้เข้าต่างร้อง....ใช่เลย...just for you Momma! เพราะปกติ ก็เป็น queen of mean ของบ้าน เป็น Maleficient เป็น Cruella Mama มาตลอด ไม่เคยได้เป็นนางเอกกับใครเค้าเลยชีวิตนี้ 55555

บอกว่าจะไม่ซื้อ ไม่ซื้อ ลูกผัวยุ…. เลยได้ไอ้ 2 แท่งนี้มา 55555

If men liked shopping, they'd call it research.

1918521s9psqr8bd2

เรื่องหมอๆ ยาๆ และสุขภาพของช้านนนนน....

เมื่อเดือนก่อนอิชั้นได้ไปทำพิธีตรวจสุขภาพประจำปี เจาะเลือด ตรวจฉี่ ทำ mammograms และ Pap smear คราวนี้ต้องจำนนให้บักคาน (หมอ Karl) ทำแพ๊พสเมีย์ เพราะไม่อยากไปหาอีหมอ OB-GYN คนเดิมซึ่งดูแลเรื่องหญิงๆ ท้องๆ ของอิชั้นมาตลอด 10 ปี เพราะเมื่อปลายปีก่อนเธอสั่งให้อิชั้นไปทำอัลตร้าซาวนด์ เนื่องจำอิชั้นครวญครางเพราะอาการ pelvic pain พอเธอได้ผลอัลต้าซาวนด์ก็รีบส่งอิชั้นไปทำ CT Scan ทำแล้ว...แล้วเลย ไม่เห็นโทรมาบอกว่าผลเป็นอย่างไร จะตายมั๊ย อิชั้นโทรไปทวงถาม 3 ครั้ง ก็ไม่เคยได้พูดกะอีหมอ ฝากเรื่องพวกอีเหมียนหน้าเคานเต้อร์ตลอด ก็อยู่ได้เรื่อยมา พอได้ตรวจสุขภาพคราวนี้ก็เลยฟ้อง ดร. คาร์ล ขวัญใจของช้านนนน.... อีคานก็รีบโทรไปที่ศูนย์ Diagnostic X-ray ให้แฟ๊กซ์ผลมา ณ บัดดล แล้วอีคานก็วิ่งหน้าตื่นมาบอกว่า แกๆๆๆๆ ผลซีทีน่ะ เพลวิคดูไม่น่ากลัวมีซิสต์อยู่จำนวนหนึ่ง ดูกันต่อไปว่าจำเป็นต้องผ่าหรือป่าว ถ้าอยู่กันได้อย่างสันติก็ไม่ต้องผ่า แต่ว่าการทำซีทีสแกนเนี่ย ทำปุ๊บมันจะเห็นไปทั้งช่องท้อง เค้า “ติง” มาว่า ตับไม่ปกติ เต็มไปด้วยไขมัน จากนั้นก็บรรเลงตรวจสุขภาพกันต่อ น้ำตาลในเลือดวันนั้น แจ่มแมวมาก เลขที่ออก....116 วู้ฮู้....5555 แล้วก็ต้องยอมให้อีคานตรวจนมและโม๊ะ เฮ่ออออ..... เพราะบ่นไปว่าจะไม่กลับไปหาอีหมอโม๊ะประจำองค์อีกแล้ว

สรุปว่าวันนั้นตรวจกันเสร็จสรรพ พยาบาลทำนัดให้ไปทำแมมโมแกรมอีก 2-3 วันต่อมา จากนั้นก็รอๆๆๆ อีก 3 วีค กลับไปหาอีหมอคานใหม่เพื่อฟังผล ผลที่ออก....เหมือนดี เหมือนไม่ดี...ไม่ดีมากกว่าดี แหงะ คือ เบาหวาน...อันเด้อร์คอนโทรล แต่ก็ต้องกินยาต่อไปและเพิ่มตัวใหม่มาให้อีกอันนึง เป็นว่าต้องกินยา 2 อย่างเพื่อเบาหวาน ผลเลือดออกมา ไทรอยด์ทำงานได้ไม่ดี....ต้องกินยาไปเรื่อยๆ เอนไซม์ในตับไม่ดี ต้องเปลี่ยนยาลดคลอเรสเตอรอล เพราะคิดว่าไอ้ Crestor ที่กินมาปีนึงอาจเป็นตัวที่ไปทำให้ตับชั่ว....เอ้อ..ไม่ใช่...ตับไม่ดี ต้องเปลี่ยนเป็นยาใหม่ อาการ Anemic ก็ยังคงตัว เลยยังต้องกินเหล็ก Iron (Ferrous Sulfate) และ B12 ต่อไปเรื่อยๆ

ตายๆๆๆๆๆ....ตายห้า ตายหก เกลียดการกินยา พยายามมีวินัยในการกินยาและวิตามิน ยาที่ได้มาใหม่ก็เงื่อนไขเยอะจัง ต้องกินตอนท้องว่าง ตอนไส้แห้ง ตอนอิ่ม ตอนหิว โอ้ย.....เบื่อ

รูปข้างล่างเป็นยาล๊อตใหม่ที่เพิ่งไปรับมาเมื่อวาน ก้อนนี้จ่ายไป 107 เหรียญ ไอ้ขวดใหญ่ Welchol 625 mg เป็นยาใหม่สำหรับคลอเรสเตอรอลที่หมอให้กินแทน crestor แล้วให้กำจัดเครสเตอร์ที่เหลืออยู่ในทันใด จะได้ไม่หลงลืมไปกินอีก ไม่ต้องบอกร๊อกกกก.....อิชั้นไม่ชอบกินยา ลดได้ลด เลี่ยงได้เลี่ยง แกล้งลืมก็บ่อยๆ 555555 แต่ไอ้นี่เม็ดบะเริ่มเทิ่มให้กินพร้อมอาหารวันละ 3 ครั้ง อ้วววววกกกกกกกกก......

ขวดต่อมาเป็น Actos 15 mg อันนี้ก็เป็นยาใหม่ที่เพิ่มมาสำหรับคนอ่อนหวานเยี่ยงอิชั้น หมอให้กินคู่กับ Metformin 500 mg ยาแก้เบาหวานที่กินมาหลายปี ดีนะเม็ดนิดเดียว ฮึ่ม

ขวดถัดมาก็เป็นยาใหม่เหมือนกัน Levothyroxine 25 mcg เป็นยาแก้ Hypothyroid เห็นอีหมอบอกว่ากินไปเรื่อยๆ ไม่มีกำหนด ก็เหมือนยาตัวอื่นๆ แหละ จะบอกทำไมฟระ อันนี้เม็ดกะจิ๊ดริดน่ารัก กินตอนท้องว่างตอนตื่นนอนเช้า ห้ามกินอะไรไปอีก 2 ชม. ห้ามกินยาหรือวิตามินใดๆ ภายใน 4 ชม.

ขวดต่อมาเป็นขวดนางเอก เป็นยาคู่บารมี แต่อิชั้นไม่ติดนะคะ เพียงแต่ต้องมีติดตัวไว้ตลอด Vicodin 5/500 -- 5 mg ยาตัวนี้เป็นยาเสพติด คนติดกันทั่งบ้านทั่วเมือง จริงๆ มันคือฝิ่นนั่นเอง น้องๆ เฮโรอีนเลยนะ เป็นยาแก้ปวดแบบแรงโพดๆ ความแรง 6 เท่าของพาราเซตตามอล หรือ Acetaminophen อิชั้นจะกินยานี้เวลาปวดท้องผีบ้าซึ่งปวดมาตั้งแต่เล็กๆ ปวดหงิกปวดงอ เดินไม่ได้ ปวดอยู่ 1-2 วัน แล้วก็หายไปแบบไม่ทิ้งร่องรอยว่าเมื่อวานปวดท้องแทบตาย แม่พาหาหมอตั้งแต่เล็ก พาตัวเองหาหมอเพราะไอ้โรคปวดบ้าเนี่ยตั้งแต่สาวจนแก่ ทำอัลตร้าซาวนด์ไม่รู้กี่ครั้ง ทำฉีดสี เป่าท่อนำไข่ ทำสารพัด หมอไทย หมอฝรั่ง หลายสิบหมอ ไม่เคยมีคำตอบว่าเป็นเพราะอะไร อยู่เมืองไทยก็กินยาอะไรจำชื่อไม่ได้ เม็ดอ้วนๆ รีๆ เหลืองๆ และอีกหลายขนาน กินเป็นกอบเป็นกำ กินไปงั้นๆ พอให้ทุเลาแต่ไม่หายเป็นปลิดทิ้ง พอมาอยู่ที่นี่เจอไอ้ฝิ่นนรกนี่เข้า ปวดแทบตายเมื่อกี้นี้ อีกครึ่งชั่วโมงก็วิ่งไล่ตีลูกได้ตามปกติ ขนาดผ่าตัดคลอดลูกตัวขาดครึ่ง หมอจัดไวโคดินให้ ผ่าปุ๊บอีกแป๊บนึงเดินให้ว่อนโรงบาลไม่เจ็บไม่ปวด ผ่าริดสีดวง เชอะ....เรื่องเล็ก ซัดเข้าไป 2 เม็ดก่อนเช็คเอ๊าท์ ออกจากห้องผ่าตัดแวะไปกินอาหารไทย ฟาดแกงเผ็ด กลับบ้านครี่ได้สบายตรูดไม่มีซี้ดดด....ซ้าดดด.... 5555 ไอ้ไวโคดิน 30 มะเล็ดที่ได้มา...อิชั้นก็จะอยู่รอดไปได้ 2-3 เดือนโน่นแหละ แต่เวลายา kick-in มันสยึ๋มกึ๋ย เหมือนอยู่ใน twilight zone คลื่นไส้ สะหลึ๋มกึ๋มมากมาย บางทีจำเป็นต้องกินตอนขับรถเพราะปวดมากๆ โหยยยย…หูยยยย… กรูจะขับรถพาลูกตลอดปลอดภัยถึงบ้านมั๊ยวะ ยาอันตราย อย่างที่เค้าบอกจริงๆ ค่ะ

สุดท้ายในรูปก็คือเพื่อนซี้เพื่อนเกลอที่ต้องไปไหนไปกัลลล์ Veramyst ยาพ่นจมูกแก้โรคภูมิแพ้ แพ้ไปหมด แพ้ฝุ่น แพ้สัมผัส แพ้หญ้า แพ้น้ำ (อย่าชวนไปเดินป่าเชียว 5555 กรูตาย..แน่ ตอนเข้าไปเป็นอู๋อยู่ดีๆ กลับออกมากลายเป็น predator) แพ้ยา แพ้อาหารบางชนิด เป็นมาตลอดชีวิต ถามเด็ดแม่อิชั้นดูได้ น่าเบื่อมากอีขี้แพ้ 5555 เล่นอะไรก็ไม่ค่อยชนะใครเค้า แพ้ตลอด 555 ตอนเด็กๆ ก็ดูแลกันไปตามอาการ ไม่ได้หามดหมออะไร พอโตๆ มาดูแลตัวเองก็กินยาเรื่อยมา หลายปีมาแล้วเลี่ยงๆ การกินยา พยายามใช้ยาพ่นอย่างเดียว ใช้ยาพ่นมาหลายตัว สุดท้ายมาเอาอยู่ที่ไอ้ขวดนี้ ก็พ่นก่อนนอน ถ้าวันไหนอาการรุนแรง หูตาตูบ ไอจามไม่หยุด น้ำตาฉ่ำ เศร้าโศกตลอดวันก็พ่นตอนกลางวันด้วย เค้าให้พ่นได้แค่วันละครั้ง ไม่จำเป็นอย่า “เบิ้ล” 5555 หรือเพิ่ม Claritin เข้าไปอีก 1 มะเล็ด if need อันนี้โรคประจำองค์หมออู๋จัดได้เอง 555 แต่ไอ้ยาพ่นจมูกนั่นต้องแพทย์สั่งนะเค๊อะ

IMG_0950-s

มาดูรูปยาล๊อตเดือนที่แล้ว มีแปลกประหลาดอยู่ 5 อย่าง จริงๆ ต้องเรียกว่าไม่ประหลาดสิ เพราะอันนี้ได้มาก่อน ไอ้พวกได้มาใหม่สิเน๊าะที่ประหลาด ยาในรูปนี้กินมานานแล้ว ที่เห็นก็มียาแก้ปวดขวดใหญ่ 2 ขวด Naproxen 500 mg จริงๆ มันก็คือ Aleve ที่หาซื้อได้เองไม่ต้องให้หมอสั่งในชื่อทางการค้า “อะลีฟ” แก้ปวดหัว ลดไข้ ใช้แก้ปวดกล้ามเนื้อ เพราะเมื่อก่อนปวดข้อมือซ้ายมากๆ ปวดตั้งแต่คลอดไอ้ตี้โน่นแหละ คืออุ้มลูกแล้วมันบิดเอี้ยวห้อยโหนไปมาจนข้อมือพลิกแหละ ปวดจนนอนไม่หลับ หมอจ่ายยานี้ให้ก็กอนไปงั้น สามปีผ่านมาข้อมือที่ปวดก็ค่อยๆ ทุเลาลง ตอนที่ปวดก็กินบ้างไม่กินบ้าง แล้วก็เลิกกินไปนานแล้ว แต่ราคาขวดนี้แค่ 40 เซ็น ก็เลยบอกหมอสั่งๆ มาเหอะ ถูกดี ตอนนี้อีซะมีกินแทนซะนี่ (ผิด กม. นะคะ กินยาที่เลเบ้วชื่อคนอื่น) แต่เดือนนี้บอกหมอว่าไม่เอาแล้วมีตุนอยู่อีกขวดนึง ส่วน Ibuprofen 800 mg อันนี้ก็เป็นยาแก้ปวดสามัญประจำบ้านทั่วๆ ไป หาซื้อได้ตามร้านในชื่อว่า Motrin แต่ที่หมอสั่งให้จะเป็น double strength 800 มก. มอทรินที่ขายทั่วๆ ไปจะเป็นไอบูโพรเฟ่น 400 มก. ก็ใช้ลดไข้แก้ปวดเหมือนๆ พาราฯ เป็นพิษเป็นภัยต่อไตและตับพอๆ กัน หมอสั่งให้เพราะอยากให้ใช้แทนไวโคดินเวลาอาการปวดไม่รุนแรง เค้ากลัวอิชั้นจะติดยาค่ะ ได้มาก็ไม่เคยแตะ พอราคาถูกๆ 40-50 เซ็น อีพวกอินลอว์ชอบมาขอก็เลยตุนไว้เรื่อยๆ ปวดหัวตัวร้อนก็จัดหามากินเองบ้าง จัดให้ลูกให้ผัวบ้าง หมออู๋จาดห้ายยยยยย……..

ส่วนไอ้ Crestor พูดไปแล้ว ก็กินมาครบปีพอดี เริ่มกินตอนสุขภาพเมื่อปีก่อนตอนที่เค้าตรวจพบว่าคลอเรสเตอรอลชักสูง ไม่ถึงกับเป็นอันตรายแก่ชีวิตแต่หมอแนะนำให้ควบคุมไว้ให้ดี พอมาตอนนี้ก็ให้เลิกกินซะ และเขวี้ยงทิ้งไปเลย ขวดต่อมา Enalapril 2.5 mg เป็น generic ของ Vasotec เป็นยาควบคุมความดันทุรังสูง ก็กินเรื่อยๆ มาถึงแม้ความดันจะปกติเรื่อยมาก็ตาม หมอไม่ยักกะบอกให้หยุด แต่เม็ดจิ๋วนึง เลยทนกินได้เรื่อยมา ขวดต่อมา Metformin 500 mg พูดถึงไปแล้ว กินมาหลายปี กินกันทั้งตระกูล ทั้งสะเด็ดแม่และพี่หญิงใหญ่รวมทั้งคุณพี่เขยด้วย แล้วก็มีเกลอแก้วไวโคดินและเวร่ามิสต์อยู่ในรูปด้วย

IMG_0958-s

คราวนี้มาดูกล่องยาอิชั้น รูปนี้เป็นยาและวิตามินที่กินทุกวันก่อนที่จะเปลี่ยนไปนิดหน่อยจากคอมมานล่าสุดจากหมอคาน กล่องใหญ่กินตอนเช้าพร้อมอาหาร กล่องเล็กกินก่อนนอนค่ะ หมอคานบอกให้อิชั้นกินยาชุดใหม่ไป 1 เดือนแล้วให้เสนอหน้าไปหาเค้าอีกทีดูว่าร่างกายทำปฏิกริยาต่อยาชุดนี้อย่างไร เฮ่ออออ…เจาะเลือดกรูไปเป็นโอ่งๆ อีกแน่เลย ยิ่งโลหิตจางอยู่ด้วย ฮึ่ม

IMG_9399-s

อันนี้เป็นวิตามินกัมมี่ของทั้งครอบครัว หมออู๋จัดเรียงไว้ถวายครอบครัวให้กินพร้อมๆ กันก่อนนอน ส่วยในถุงก็จะห้อยไว้ที่ไมโคเวฟให้รอมมี่กินในตอนเช้า คือรอมมี่ต้องไปโรงเรียนก็จะเข้านอนก่อนใครๆ กว่าแม่จะแจกวิตามินก็โน่นแหละ ก็หลังเที่ยงคืน...เด็กๆ จะเน้นวิตามินรวม เพิ่มวิตตามินซี ดี3 แคลเซี่ยมและไฟเบ้อร์เข้าไปด้วยเพราะไม่ค่อยกินผักกัน แม่กับพ่อก็ฟาดเซนทรั่มแล้วก็กัมมี่เหมือนๆ ลูก แต่แม่ก็กินบ้างไม่กินบ้าง เพราะกินยาก็เยอะแล้ว นี่ไม่ได้เอาวิตามินของอีก๊อตมาให้ดู 55555 ซะมีอิชั้นแด๊กวิตามินวันละ handful ค่ะ เพราะมันกลัวตายยยยย….มว๊าก 5555

page-572

The greatest wealth is health.

DontMess-01

Wednesday, September 22, 2010

โจรกระจอก……จนมุม (ซะแล้ว)


BigNokiaCellPhone(1)

เรื่องของเรื่องเกิดเมื่ออิชั้นเกิดละโมบโลภมากแบบโง่ๆ เคยทำได้ เลยได้ใจ พอทำอีก ถูกจับได้จ้อยยยยย.... ตานี้จะทำยังไงดี พลีสสสสสส...แอ๊ดไว้ซ์......ตายห่าแน่กรูงานนี้

เล่าตั้งแต่ต้นเลยละกัน โบราณกาลนานมาแล้ว หลายปีมากกก..... อิชั้นทำโทรศัพท์มือถือหาย โทรไปแจ้งหายเค้าก็ถามกลับมาว่าทำประกันไว้หรือปล่าว ยิ๋งเอ๋อก็ตอบไปแบบเอ๋อๆ โง่ๆ ตามฟามเป็นจริง ...ไม่มีประกันจ้า... เสียงตอบกลับมาก็คือ ช.ม.ด....ช่วยไม่ได้ หายแล้วหายเลย ซื้อใหม่จ่ายตังค์เองเด้อค่ะเด้อ พอเล่าให้อีคุณซะมีฟัง ก็บ่นซ้ำเติม ทำไมไม่ซื้อประกันด้วยเล่าอีอ้วนนนน..... เอ..ตอนนั้นยังไม่อ้วนนี่หว่า แค่อึ๋มๆ 5555 ก็สวนไปไปอย่างชาญฉลาดตามปกติ โห.....จะให้ซื้อประกันทุกเดือน 4.99 เหรียญเนี่ยอะนะ คนโง่เท่านั้นแหละแก ยังไม่ทันจบ...มันยิงกลับมาเปรี้ยง...แล้วไงหละอีฉลาดล้ำ (ทำได้หมด) ต้องมาควักเกือบ 200 เหรียญเพื่อซื้อโทรศัพท์ใหม่ สรุปงานนั้นเสียตังค์ซื้อโทรศัพท์มือถืออันใหม่ จ่ายแบบเต็มราคาไปค่ะ เจ็บนี้อีกนาน เจ็บนี้ไม่ลืม เจ็บหนักก็ตรงโดนผัวด่า 5555 ....

page-567Sony Ericsson Cyber-shot C905a 8.1 MP Camera Phone VS Sumsung Impression

จากประสบการณ์คราวนั้น อิชั้นก็จำนนจ่ายค่าประกันโทรศัพท์มือถือทุกๆ เดือนๆ ละ 4.99 เหรียญ พอ 2 - 3 ปีต่อมาหลังจากอัพเกรดเปลี่ยนมือถือตามกำหนดเวลามาลงเอยที่มือถือถูกใจ Motorola Razr V3 ใช้อยู่นานกว่ารุ่นไหนๆ พับแบนๆ สะดวกพกพา ทำหาย ทำพัง เคลมประกันไป 2 รอบ ในระยะเวลา 2 - 3 ปีที่ว่า ทั้ง 2 เคลม เป็นเรื่องจริงๆ ไม่มีการแตหลอ....ใดๆ เลย

page-570เรเซ่อร์ วี3 ที่เคยครอบครองเปลี่ยนไปมาถึง 3 เครื่อง เป็นโมเดลที่ใช้ติดต่อกันนานที่สุด

พอมาเมื่อปลายปี 2009 ได้เวลาอัพเกรดโทรศัพท์มือถือในราคาพิเศษ อิชั้นก็เลือกจะเป็นเจ้าของ Sony Ericsson Cyber-shot C905a 8.1 MP Camera Phone ทั้งที่รุ่นนี้ไม่ได้ดังเปรี้ยงป้างโครมคราม เพราะออกมาพร้อมๆ ไอโฟนรุ่นที่ใหม่กว่าแต่ราคาลดลง เป็นเพราะชอบถ่ายรูปลูก ก็เลยคิกว่าใช้โทรศัพท์ที่มีกล้องคุณภาพดีๆ คงจะเหมาะกว่า เคยพล่ามไว้ที่นี่ http://oohsworld.blogspot.com/2009/10/blog-post_26.html ความฉลาดแกมโกงก็เริ่มเกิด พอมาคิดคำนวนค่าประกัน ที่เสียมาตลอดหลายปี รวมๆ กันแล้วหลายตังค์เหมือนกันเน๊าะ พอดีกับกำลังจะพาลูกๆ กลับเมืองไทย เลยอยากจะหาอะไรไปฝากคุณพี่สาวแบบไม่ลงทุน 555 เพราะคนโน้นโทสับพัง คนนี้โทสับหาย คุณพี่ยิ๋งใหญ่ก็เป็นฝ่ายจัดการจัดหาสนอง “นีด” ให้คนอื่นอยู่ร่ำไป สำหรับตัวเองยังไงก็ได้ อะไรก็ใช้ได้ ก็เลยคิดว่าไอ้โทสับที่ใช้อยู่น่าจะให้ความบันเทิงใจและไล่ทันเทคโนโลยีสำหรับพี่สาวบ้างไม่มากก็น้อย

พอไอเดียเกิด ก็รีบดำเนินการเลย โทรไป “ตอ”.....โทสับชั้นหายเมื่อกี้นี้ ก็ตอบคำถามนิดๆ หน่อยๆ พร้อมกับรับทราบเรื่อง deductable 50 เหรียญที่จะเพิ่มมาในบิลงวดหน้า ก็เยสๆๆๆๆ ไป รับทราบและเข้าใจเป็นอย่างดี เพราะเคลมมา 2 รอบแล้วนี่เค๊อะ 24 ชม.ต่อมาเจ้าโซนี่อีริคสันก็มานอนรอที่หน้าประตูโดยไม่ต้องจ่ายค่าชิปปิ้งแต่อย่างใด บริการเป็นเริ่ด..... เล่าแบบลัดตัดความมาถึงตอนที่ทำพิธีมอบโทสับเจ้าปัญหาให้คุณพี่ยิ๋งใหญ่ เจ้ก็อิดออด ที่มีก็ยังดีอยู่ อิชั้นก็แบบ...แหม ตั้งใจอย่างแรง คดโกงเค้าเอามาฝากเชียว 555 ไม่มีอาย สุดท้ายพี่สาวก็รับไว้ แต่ไม่เห็นเอาออกมาใช้ มาชื่นชมเลยวะ อีกไม่กี่วันก็จะกลับแล้ว พอทักถามไป พี่สาวก็บอกว่าเดี๋ยวจะเอาไปแก้อีมี่ (ไม่ใช่อีรอมมี่ หรือ “อีมี่” เวลาโดนแม่ด่า 555) ด้วยที่เป็นคนอยากได้ใคร่รู้ ปะ ปะ ไปกัน..เอาไปทำให้รู้ดำรู้แดงเลยว่าแก้อีมี่แล้วจะใช้ได้หรือปล่าว พอไปแก้เสร็จมันก็ใช้ได้นะคะคุณ แต่มันแปลกๆ แฮะ ติดๆ ขัดๆ โทรๆ อยู่ก็ปิดกิจการ-ปิดเครื่องหนีไปเฉยเลย เอยังไงวะเนี่ย เสียใจเหมือนกันนะ อยากให้พี่ได้ใช้อะไรๆ เหมือนๆ กัน ก็ไม่ได้อย่างใจเลย สุดท้ายพี่ยิ๋งใหญ่ก็คืนโทสับนั่นให้เอากลับมาใช้ที่บ้านดังเดิม

page-571นานมาแล้ว โนเกีย 2110 อดีตมายเลิฟ ใช้อยู่ 2-3 ปีก่อนที่จะบ๊าย บาย กันเมื่อปี 2000

พอกลับมาถึงบ้าน ก็เลยยกเจ้าโทสับที่แก้อีมี่มาจากเมืองไทยให้อีมี่ไปใช้ อีมี่ใช้ได้ 2 วันก็มาบอกว่าเครื่องรวนซะแล้ว ไฟกระพริบไปทุกปุ่มตุ่มตอเลยยังกะดิสโก้เทค อีมี่ก็เลยเอา “ซิม” ไปใช้กับเครื่องเก่าของอีมี่ที่ป้าแม้วยกให้ ส่วนไอ้เครื่องเจ้าปัญหา อิชั้นพยายามปลุกปล้ำให้มันกลับมาใช้งานได้อีก ถอดแบตเตอรี่ออกข้ามคืนก็แล้ว ทิ้งๆ ลืมๆ ไม่ยุ่งไม่เกี่ยวกับโทสับนั่น หลายวัน หลายสัปดาห์ จนหลายเดือน วนเวียนกลับไปดูบ้าง เผื่อว่ามันจะฟื้นคืนชีพขึ้นมา แต่มันก็ยังเป็นรุ่นไฟกระพริบอยู่นั่น แน่นิ่ง ไม่ไหว ไม่ติง ใช้งานไม่ได้ ก็คิดอยู่หลายครั้งว่าจะเคลมอีกซักทีดีมั๊ย เพราะคราวนี้เครื่องพังจริงๆ นะ จนเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้วอิชั้นก็อดรนทนไม่ได้ ลองดูอีกซักที คราวนี้ไม่มีแตหลอแน่ๆ พอโทรไป อีก 24 ชม เครื่องใหม่ก็มาเช่นเดิม 50 เหรียญดีดั๊กเทเบิ้ลเหมือนทุกครั้ง แต่คราวนี้มีจดหมายรักแนบมาว่า แก แก แก.... ต้องส่งเครื่องที่พังคืนมานะ

ตายห่า ตายห้า ตายหก จะส่งไปได้ไง เพราะไอ้เครื่องที่พังและต้องส่งกลับไปเป็นเครื่องที่อิชั้นโกหกไปว่าหาย ได้เครื่องใหม่มาแทน แล้วยังเอาไปแก้อีมี่อีก แต่ละเครื่องก็มีหมายเลขอีมี่ (IMEI Number*) จะให้ส่งไอ้เครื่องที่ยังใช้ได้ดีกลับไปก็ดูโง่ๆ พิกล เพราะต้องเก็บเครื่องที่พังใช้งานไม่ได้ไว้ แล้วส่งเครื่องที่ดีๆ ให้เค้าไป การที่จะส่งเครื่องแรกที่พังและได้แจ้งว่าหาย...กลับไปให้เค้านั่น....เป็นไปไม่ได้เลย เดี๋ยวจะโดนฟ้องว่า fraud ได้ อีกทางเลือกที่อิชั้นอยากทำคือ ไม่ส่งอะไรกลับไปเลย แกล้งโง่ อยู่เฉยๆ ไม่รู้เรื่องอะไร ไม่ได้อ่านจดหมายนั่น ตอนคุยทางโทรศัพท์ไอ้เจ้าหน้าที่ไม่ได้พูดถึงเรื่องส่งเครื่องที่พังกลับไป แต่ในกล่องโทรศัพท์เครื่องใหม่ (ล่าสุด) ที่เค้าส่งมา ได้มีเลเบ้ว pre-paid สำหรับส่งเครื่องที่พังกลับไปด้วย อูยยยย....โจรปวดกบาลมากค่ะ กับของราคาไม่เท่าไหร่ จะต้องติดคุกมั๊ยวะเนี่ย ถ้าไม่ส่งกลับไปเค้าอาจจะชาร์จค่าเครื่องโทรศัพท์ได้ แงๆๆๆ เอาไงดีวะ ปรึกษาผัวก็โดนด่าซ้ำ แงๆๆๆๆ ไอ้คนนั้นเดินข้ามม้าลายเหยียบเส้นมันยังด่าเลย ถ้าเดินนอกเส้นมันโทรเรียกตำรวจจับเมียแน่ๆ

page-569ยังจำได้ไหม ใครที่เคยแบกไอ้พวกนี้ 5555 พี่เขยช้านนนนน…คนนึงแหละ 5555

เพราะความโลภแท้ๆ นอนไม่หลับมาหลายคืนแล้ว อ้อ...อีกอย่างนึง เค้ายกเลิกประกันโทรศัพท์ของอิชั้นไปเลยค่ะ เพราะเคลม 2 ครั้ง ภายในเวลา 12 เดือน จากนี้ไป พัง ตก แตก หัก ก็เหมาไปเต็มๆ ไม่รู้มาก่อนนะคะเรื่องนี้ บทเรียนนี้จะจำไปจนตายเลยทีเดียว หรือจะจำไปจนเอ๋อโน่นแหละ งานนี้โดนผัวด่าซ้ำแล้วซ้ำแก ตั้งแต่รอบแรกที่โทรไปโกหกเค้าว่าหายแล้วได้เครื่องให้เอาไปเมืองไทย เจอด่าๆๆๆ อยุ่เป็นระยะ เปลี่ยนชื่อให้อิชั้นว่า Thief พอโทรไปรอบสองว่าเครื่องพัง..ก็เลยไม่ได้เรียนให้คุณผัวทราบ แต่สุดท้าย...แงๆๆๆ โจรก็ต้องสารภาพ เพราะคิดไม่ออกว่าจะเอาไงดี เผื่อเป็นคดีความ..ผัวจะได้ลงเข่งจำเลยด้วยไง 55555

ส่วนโทรศัพท์เครื่องล่าสุดที่เค้าส่งมาแทนเครื่องที่พังนั่นก็ไม่ใช่รุ่นเดิม เพราะโซนี่อีริคสันรุ่นนั้นตกยุคไปแล้ว เลยได้ไอ้ซัมซุง Impression มาแทน ไม่ชอบเลย (อาจจะเป็นเพราะยังไม่คุ้นเคยมั๊ง) เป็นอะไรที่เคยไม่อยากได้ ไม่ชอบ กล้องแค่ 3 เมก ไม่มีแฟลช ฟูลคีบอร์ด ทัช-สกรีน ฯลฯ อาจจะต้องใช้ไอ้เครื่องนี้ต่อไปอีกนาน คิดทบทวนปมาก็เอนเอียงไปทางเลือกที่จะต้องส่งเครื่องที่ดีไปให้เค้า (เค้าคง..งง...พังตรงไหนวะ แงๆๆๆ) เก็บเครื่องที่พังไว้ เพื่อจบเรื่องโจรโง่ๆ เฮ้ออออออ.........

IMG_0822-s[5]โทรศัพท์ เจ้าปัญหา ทั้ง 3 อัน the good, the bad, and the ugly!

แต่หลายวันมานี้ก็เจอไอ้ AT&T เอเจ้นโทรมาวันเว้นวันว่า นี่ๆๆๆ แกๆๆ ยังไม่ส่งเครื่องที่พังกลับมาเลยนะ (พวกเครื่องที่พัง ส่งคืนกลับไป เค้าก็จะส่งไปผ่านขั้นตอนตรวจเช็ค ถ้าพบว่ายังสามารถปลุกให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้ ก็จะส่งกลับโรงงานออริจิ้น ทำการซ่อมแซม ขัดสีฉวีนวล นำกลับมาจำหน่ายใหม่ เป็นสินค้า refurbished** ราคาย่อมเยาว่าของใหม่เอี่ยมถอดด้ามนิดหน่อย แต่ประกันคุ้มครองแค่ 90 วันเท่านั้น) คือ โดนเค้าทวงโทรศัพท์เจ้ากรรมนายเวรคืนวันเว้นวัน ทางโทรศัพท์ ทางอีเมล์ สุดท้ายก็เลยทำการโทรศัพท์กลับไปแตหลออีกครั้ง ว่า นี่ๆๆๆ แก...ชั้นทำพรีเพดเลเบ้วที่ส่งมาพร้อมโทสับหายไป แกช่วยส่งมาให้ใหม่ได้ป่าว เสียงตามสายก็ตอบมาทันที...เยส...แมม... รออีก 5 วัน 7 วันนะเทอๆๆๆ....

refurbished_nokia

ระหว่างที่รอเลเบ้ว (จ่ายเองแพงอยู่นา...ค่าส่งของผ่าน FedEx) ก็ทำการประชุมกันกับลูกสาวใหญ่และสามี สรุปว่า เราจะส่งโทสับที่ดีๆ อยู่ กลับไป เก็บไอ้ที่พังๆ ไว้ดูเพื่อเตือนสติ ทีหน้าทีหลังก็จงแจ้งไปว่า “หาย” สถานเดียว คราวนี้จะทำยังไงกับโทสับที่ดีๆ ให้มันเป็นของเสีย ของพัง เริ่มด้วยวิธีแรก อิชั้นก็เอาไอ้โทสับเข้ากรรมนายเวรใส่เข้าไปในถุงเท้าหนา แล้วก็โยนพาดพื้นพรมแรงๆ ประมาณ 50 ครั้ง ปรากฏว่า...มันยังคงใช้งานได้ดีเยี่ยมเช่นเดิมทุกฟังชั่น ที่ต้องเอายัดใส่ไปในถุงเท้าเพราะไม่อยากให้มัน มี Ding หรือ Dent ให้เค้าดูออกว่าเราชำเรามันก่อนส่งกลับ

หลังจากใส่ถุงเท้าเป็นบัมเป้อร์ แล้วมันยังดีอยู่ ก็เอามันโยนฟาดพื้นพรมแบบปล่าวๆ เปลือยๆ อีกหลายสิบครั้งมาก น่าจะร่วมร้อยครั้ง เพราะแม่กับหนูดี “เขวี้ยง” กันจนเมื่อหัวไหล่ โยนจนแยกร่าง แบตเตอรี่ ฝา กระจายแยกร่างไม่รู้กี่สิบครั้ง สรุป... ยังทำงานเจ๋งแจ๋วเต็มร้อย กล้องก็ยังเวิ๊กดีเช่นเดิม คราวนี้เลยเอามาลองโยนที่พื้นครัวที่เป็น Linoleum Floor คือเหมือนกระเบื้องยางแต่หนานุ่มกว่าหน่อยๆ เริ่มด้วยเอาโทสับยัดใส่ถุงเท้าก่อน โยนๆๆ ฟาดๆๆ เฟี้ยงๆๆ ปาๆๆ หลายสิบครั้ง.... มันก็ยังโอเคอยู่ เลยเอามาโยนแบบเปลือย พอโยนๆๆๆ แยกร่าง กระจัดกระจายหลายหน ใส่ทุกอย่างกลับคืน....เปิดเครื่อง..คราวนี้...จอมืดตึ๊ดตื๋อ ไม่หือ ไม่อือ เป็นว่าเราสังหารโทรศัพท์แบบโคตรโหดเลย ตายโหงลงด้วยฝีมือฆาตรกรแม่ลูก แต่จริงๆ แล้วมันเป็นความจำเป็นนะคะ ไม่งั้น บิลค่าโทรศพท์งวดหน้าจะมียอดเพิ่มมาให้ช๊อคอีก 399.99 เหรียญค่ะ มันจะชาร์จเราเท่ากับราคาของโทรศัพท์ที่ไม่มี โปรโมชั่นใดๆ เอาแบบเต็มๆ ราคาหน้ากล่องเลย รวมภาษีไปอีก 8.975% อ๊ากกกกกกก........ โจรก็เลยต้องกลายเป็นฆาตรกรอำมหิตด้วย .... R.I.P. เน้อ....โทสับเอ้ยยยย....

*The IMEI (International Mobile Equipment Identity) number is on all GSM and UMTS mobile phones, commonly found in Europe, Asia, Africa and increasingly in America. Verizon Wireless & T-Mobile are the major US carriers but there are growing numbers of regional carriers who are switching to GSM like Centennial Wireless, Highland Cellular, Dobson Cellular to name a few. Mobile phone companies can use the number to identify valid subscribers and the type of equipment used. The carrier could thus use the number to remotely disable the phone in the event it is stolen or reported lost and customize data content to be compatible with the type of equipment used, among other things.

** Refurbished products cannot be sold as new products in the US, which is why they are relabeled as refurbished or refreshed units even if they are good-as-new (if, for example, the unit was returned for some reason unrelated to the product itself, such as the customer changing their mind about the color). Refurbished items may have scratches, dents or other forms of cosmetic damage which do not affect the performance of the unit.

Refurbished products could possibly be the products which are returned by the customer within the 90 day period Returns Policy of the company which sold the product, without any defect with the product. Studies show that 83% of "refurbished items" are, in fact, not broken or damaged in any way. Refurbished products are generally bench tested and certified by the authorized service centers of the company and then re-packaged, labeled as a Refurbished Product.

Refurbished electronics are products, which have most often been returned to the manufacturer because it was unwanted or had some minor defect. The items are simply returned because most major retail superstores offer a 30 day money back guarantee on their products and there are those consumers that just simply take advantage of this liberal return policy. However, there is also a very good chance that the unit you receive may never have been used as it may have been a unit whose box was damaged or simply an overstock model that many retailers return to the manufactures to make room for incoming models. When the electronic goods such as TVs, home theater systems, computers and other electronics have been returned in an undamaged and fully functional condition and although they are still in a brand new condition, due to legal reasons they cannot be marketed or sold as new. In such cases, where it is found to have a minor defect, the manufacturer rectifies this by replacing the defective component, or permanently repairing it.

Refurbished items are generally thought to be cheap and poorly fixed products because of their sometimes shorter warranties. However, most products have nothing wrong with them, they were simply exchanged over incompatibility or are cosmetically damaged. Most mechanical fixes are by trained technicians who work for the original company that distributed the product.

Learn from yesterday, live for today, hope for tomorrow.

OLL-02

Tuesday, September 21, 2010

FALL Has Begun..!!

fall-tree-no-leaves

Yeeee…..Ha! ในที่สุดก็ Fall (Autumn - ฤดูใบไม้ร่วง) ก็มาถึง ปีนี้รอๆๆๆๆๆ ให้ฟอลล์มาถึงเร็วๆ เพราะเบื่อจ่ายบิลค่าไฟอย่างแรง 555 พอฟอลล์กับสปริงบิลค่าไฟจะลดลงแบบฮวบฮาบ ถูกใจเป็นอย่างยิ่ง หน้าร้อนกับหน้าหนาวก็หนักหน่อย แต่หน้าร้อนจะหนักที่สุด เพราะเปิดแอร์ทั้งวันทั้งคืน ขนาดเปิดแบบให้ลูกๆ อยู่สบายตัวไม่ได้เย็นเยือกแต่อย่างใด คือประมาณ 77°F ซึ่งต้องจ่ายประมาณเดือนละ 350 เหรียญ พอหน้าหนาวค่าไฟก็ลดลงมานิดนึง นิดเดียวจริงๆ คือประมาณ 280 เหรียญ เพราะเปิดฮีตเต้อร์เฉพาะช่วงหัวค่ำ พอถึงช่วงสายๆ ก็ปิด พอเริ่มเข้าฟอลล์ หรือสปริง หรือปลายๆ หน้าหนาว อากาศเย็นสบาย ไม่มีการเปิดฮีตเต้อร์หรือแอร์คอนดิชั่นเน่อร์เลย ค่าไฟหล่นลงมาให้ชื่นใจอยู่ที่ประมาณ 80-100 เหรียญต่อเดือน

แต่วันนี้…วันแรกของฟลอลล์…แอร์บ้านอิชั้นยัง “หึ่ง…..ง..” ครวญครางอยู่อย่างปกติ ก็ไม่ใช่ว่าเปลี่ยนฤดูปุ๊บ อากาศเย็นลงปั๊บนี่นา กลางๆ หรือปลายๆ ตุลาโน่นแหละ ถึงจะได้หาเสื้อหนาวมาใส่กัน ตอนนี้อากาศก็จะลดลงเรื่อยๆ กลางคืนเย็นสบาย กลางวันยังคงร้อนตับแหก (วันนี้finally-hereอยู่ที่ 92°F) ตอนเช้าขับรถไปส่งลูกต้องเปิดฮีตเต้อร์ พอบ่ายไปรับลูกก็เปิดแอร์ อุณหภูมิแตกต่างแบบลูกเล็กเด็กแดงน่าป่วยไข้แหละ สาเหตุที่อิชั้นปลื้มกับการมาถึงของฤดูใบไม้ร่วงเป็นที่สุด เป็นเพราะไม่ชอบหน้าร้อน ไม่สบายเนื้อสบายตัว คันคะเยอ ฯลฯ พอฟอลล์มาถึงอีกไม่นานก็หน้าหนาว อากาศเย็นลงเรื่อยๆ ชื่นฉ่ำหัวใจ หนาวก็ขนใส่เสื้อผ้ารองเท้าถุงเท้าให้ร่างกายอบอุ่นได้ แต่ร้อน…เดินแก้ผ้าโทงๆ ก็ไม่หายร้อน เผลอๆ โดนตำรวจจับอีก ถ้าหากอิชั้นจะคลั่งเดินแก้ผ้าคลายร้อนในบ้าน ก็…อูย…สงสารลูกผัวจัง….อุจาด 55555 แค่คิดก็อุบาทว์เกิ๊นนน.. 55555

page-566

พอเข้าฟอลล์ ใบไม้เริ่มเปลี่ยนสี เป็นโทน เหลือง แดง ส้ม น้ำตาล และเขียวขี้ม้า ให้ดูสวยแปลกตาอยู่ซักพักนึง จากนั้นก็ร่วงหล่นเต็มพื้น เหลือต้นยืนโกร๋นหนาวเหน็บไปตลอดหนาว จะมีพวกที่ใบไม่เปลี่ยนสี ใบไม่ร่วง ที่เค้าเรียกว่า Evergreen ให้เห็นอยู่บ้างเหมือนกัน ส่วนมากจะเป็นพวกต้นสน แถวนี้เป็นแถบกึ่งทะเลทราย ที่อยู่ใกล้ๆ เทือกเขา Sierra Nevada ซึ่งปกคลุมไปด้วยป่าสน พอฤดูมีหิมะปกคลุมไปจนถึงปลายๆ พฤษภาคม ซึ่งถือว่าเป็นแหล่งน้ำที่สำคัญของผู้คนแถวนี้ หิมะจะค่อยๆ ละลายไหลลงมาที่ทะเลสาป อ่างเก็บน้ำ reservoir แล้เค้าก็ถูกจัดจ่ายไปให้ได้ใช้ทั่วกันตลอดฤดูร้อน ถ้าปีไหนหิมะน้อย…เหอๆๆๆ ไม่อยากจะเซด เจอมากับตัว เสีบบ้านไปเลยค่ะ ต่อๆๆๆๆ ป่าเขาแถวนี้น่าจะเป็นเขตป่าผลัดใบ (Deciduous Forest) มากกว่า เพราะเขตทุนดรา (เมกันออกเสียง “ทันดร้า” – Tundra) น่าจะหนาวเย็นกว่านี้ แบบอลาสก้าโน่น ถ้าให้คิดเองเทือกเขาเซีร่าเนวาด้าเนี่ย..น่าจะอยู่ระหว่างภูมิอากาศหรือภูมิประเทศหว่า 555 แบบป่าสนไทก้า (Taiga) กับ ป่าผลัดใบ ส่วนแถวๆ ตีนเขาลงมาถึงแวลเล่ย์ที่อิชั้นอยู่น่าจะเป็นแบบ “ทุ่ง-กุ-ล่า” Toong-gular 55555 เพราะแถวนี้แห้งแกร่ก ยิ่งหน้าร้อน แห้งโคตรรร…. 5555

page-565

คราวนี้มาดูกัน ว่าฤดู (เอาเฉพาะฤดูใบไม้ร่วงเท่านั้นนะคะ) ของแต่ละซีกโลกห่างกันอย่างไร กูเกิ้ลมาฝากกัน อันแรกของซีกโลกเหนือค่ะ

In 2010, fall begins on September 22nd for countries in the Northern Hemisphere (United States, Canada).
Note: In 2010, Autumn begins on September 23 for countries in Europe.

FallNaorth

อันนี้ของซีกโลกใต้

In 2010, fall begins on March 20th for countries in the Southern Hemisphere (parts of South America, parts of Africa, Australia, and Antarctica).

FallSouth

เคยพล่ามเรื่อง Fall ไว้ตรงนี้ ด้วย http://oohsworld.blogspot.com/2009/09/hello-fall-good-bye-summer.html

ยังไงก็ขอให้ทุกคน Happy Fall (but not Falling) นะคะ

HappyFallPumkinLARGE

Do not dwell in the past,

do not dream of the future,

concentrate the mind on the present moment.

-- Buddha --

OLL-03

Saturday, September 18, 2010

รูปเล่าเรื่อง (อีกที)

แม่บ้านหลังยาววววว…..มาแร้ววววว…. คราวนี้ดูรูปกันไปก่อน มู้ดดี้พักใหญ่ๆ แล้ว นึกเรื่องพล่ามไม่ออก เลยเอารูปมาเล่าเรื่องดีกว่า มามะ มาดูกันว่าช่วงที่หายหัวไป อิชั้นไปทำอะไรมาบ้าง

อันแรกก็พาบุตรธิดาไปทำสะอาดฟันตามปกติทุกๆ 6 เดือน หกเดือนผ่านไปไวเหมือนโกหก 555 เหมือนเพิ่งพาไปไม่นานมานี้เองว่ะ คราวนี้คุณหมอฟัน ก็วางแผนฟันๆๆๆๆ ตามปกติพวก “หวัง-ฟัน-เจ้า” พบว่ารอมมี่มีฟันผุจิ๋วๆ 3 ที่ ก็ทำนัด แล้วก็พาไปปะผุกันให้เสร็จสรรพ แล้วก็ไอ้รอมยังต้องดัดฟันอีก ดัดฟันที่นี่ราคาก็เท่ากับซื้อรถมือสองสภาพใช้ได้ 1 คันเชียวนะ 7-8 พัน เห็นเค้าประเมินมา แล้วประกันสุขภาพฟันไม่ “คัฟเว่อร์” ค่ะ ก็เลยบอกไอ้คุณหมอไปว่า ทำแน่จ้า แต่รอเดี๋ยวตอนนี้ยังไม่ไหว มีอะไรเรียงคิวรอให้ต้องจับจ่ายเพียบ เป็นต้นปีหน้าละกัน เด้อหมอเด้อ

page-556-b

ฉลอง Independent Day (4th of July) ก็แต่งตัวเข้าเทศกาลตามปกติ แถมสะใจคุณแม่ สีแดง ชอบๆๆๆๆ ก็พาลูกไปเล่นพลุบ้านเพื่อนลาวของอิชั้น เค้าบาร์บีคิวมากันหลายครอบครัว เด็กเพียบ เด็กๆ ก็ขนพลุมาเล่นกัน ที่เผากันคืนนั้น อูยยยย….. นึกแล้วเสียดายตังค์ คิดแบบคร่าวๆ รวมแล้วน่าจะ 2 พันได้ เพราะบ้านเราก็ปาเข้าไปร้อยก่าๆ แล้ว เผาเงินเผาทองกัน เสียดายๆ ถึงจะปีละครั้งก็เหอะ แต่ไอ้เด็กหนวดนั่นดูเหมือนจะไม่ค่อยสนุก 5555 คอยแกะแพ๊ค คอยจุดไฟให้เด็กๆ แล้วก็คอยด่าเด็กที่วิ่งพรวดพราดออกไปกลางถนน พ่อแม่คนอื่นๆ ก็เลยหลบเข้าป้าไปกินไปดื่มกันสบายเฉิ่บ ป๋าก๊อตเทคแคร์ตรงนี้หลายปีติดต่อกันมาแล้ว 555 อิชั้นก็ไปกรึ๊บกะเพื่อนๆ อยู่ที่หลังบ้านโน่น มีผัวไม่ดูดไม่ดื่มก็ดีตรงนี้แหละ ไม่ดูดบุหรี่ ไม่ดื่มเหล้าเบียร์ย่ะ อย่าคิดลึก แล้วเวลาเมีย “กรึ่มๆ” ก็ไม่ต้องกลัวตำรวจเรียกไป “เป่า” เป่าท่อพวกเมาแล้วขับน่ะค่ะคุณๆ เพราะมีผัวขับรถให้ค่ะ แต่เวลาไปเมาแล้วไม่มีอีก๊อตไปด้วย ก็ “ลุ้น” หน่อยนึง 5555 รูปลูกๆ เหวี่ยงไอ้ sparkle stick กันแทบแขนหลุด เพราะแม่มันร้อนวิชาถ่ายรูปที่เพิ่งเล่าเรียนมา 555 หมดไปหลายสิบอันแหละ ถ่ายออกมาได้แค่นี้ ไอ้ตี้ฉลองวันชาติด้วยการไม่ใส่ไดเป้อร์ออกนอกบ้านเป็นครั้งแรก 555 มี accident หน่อยนึง เก่งมาก…..สุดหล่อของแม่ แต่ไหงกลัวเสียงประทัด 5555

page-554[3]

ตลอด 2-3 เดือนที่ผ่านมารอมมี่วุ่นวายอยู่กับผมตัวเอง อยากตัดผมสั้น อิชั้นเลยตัดรำคาญ ทำพิธีตัดผมให้ลูกเอง ประหยัดไป 30 เหรียญ 555 ไอ้มะนาวยักษ์นั่นจากต้นหลังบ้าน ลูกเบ้งๆ เต็มต้น เก็บมากินมาใช้ไม่ทัน ร่วงเน่าเต็มพื้น

page-555[3]

เมื่อต้นสิงหา..คุณเพื่อนเลิ้บ “สุมนา” กับสามีแวะมาเยี่ยมเยือน อุตส่าห์บินข้ามฟากมาจากฝั่งอีสต์โน่น ซื้อข้าวของขนมนมเนยมาฝากเพียบ ถ้าเป็นอะไรโบราณๆ หน่อย คุณเพื่อนของอิชั้นคงจะช่วยกันแบกชะลอมมากะคุณสามี 555 เพราะเยอะแยะเหลือเกิน แถมแจกตังค์เด็กๆ อีก มาบ่อยๆ นะเพื่อนนะ เจอกัน 2 วัน 2 คืน แย่งกันพูดแย่งกันคุย ลืมถ่ายรูปเลย กว่าจะนึกออกก็ตอนเพื่อนจะกลับ ได้รูปเป็นที่ระทึกแค่นี้เอง ฮึ่ม… ขนมไทยที่เพื่อนแวะไปซื้อมาฝากจากแอลเอก็ไม่ต้องพูดถึง หายวับไปอย่างรวดเร็ว ลืมถ่ายรูปเลย กาละแม ทองหยิบ ปุบฝ้าย ฯลฯ สาธยายไม่หมด บอกได้แค่ว่า “เพียบ” ของโปรดของหนูดีคือทองหยิบ น้าสุมก็ลากมาให้ งานนี้อีหนูดีเอาขนมไปซ่อนด้วย 555 อยากให้มดขึ้นห้องนอนมันจัง แต่มดยกขบวนมาบุกไม่ทัน มันรีบสวาปามแบบไม่ทิ้งร่องรอย 5555 ลูกเอ๊ยลูก…..

page-557

งานอดิเรกอีกอย่างของอิชั้นคือวาดแท๊ตทูสนอง need คุณลูกๆ เรียกว่า sharpie tattoo 5555 ก็อยู่ไป 3-4 วันสบาย แหว่งก็เติมให้ฟรี ไอ้ตัวFก็สารพัดเฮลโหลคิตตี้ การ์ตูนญี่ปุ่นทั้งหลาย ไอ้ตัวเล็กก็ Lightning McQueen กับ Thomas the Train เป็นหลัก ไอ้รถแดงจากการ์ตูน Cars กับรถไฟสีฟ้านั่น “หมู” มากกกกก…. แม่จัดให้ อย่ารีเควสอะไรประหลาดๆ ยิ่งหมู หมา แมว ไก่ ก็ ส.บ.ม. เช่นกัน 555 แวะไปดูที่นี่เลย http://www.flickr.com/groups/sharpie_tattoos/ เค้าวาดกันสวยๆ น่ารักๆ ก็เยอะ น่ากลัวก็มาก ต้องบอกว่า…อิชั้น..มิ…สา…มาด…เจ้าค่ะ

ส่วนรูปล่างก็พาลูกๆ ไปดูหนัง Toy Story 3 จริงๆ ก็พาลูกไปดูหนังบ่อยนะ หนังเด็ก หนังผี ก็แห่กันไปดูเรื่อยๆ แหละ พ่อบ้านบ้านนี้ชอบดูหนัง หนังในทีวี-เคเบิ้ล หนังโรง หรือ หนังแผ่นก็ขยันซื้อไม่ได้ขาด หนังท่วมบ้าน เฮ่อออออ…..

page-558

ความสุขที่พอหาได้ บางทีไม่จำเป็นต้องแฟนซีแต่อย่างใด เครื่องเล่นหยอดเหรียญหน้าร้านต่างๆ เห็นเป็นต้องเสียงเงินทุกที แต่ลูกแฮ้ปปี้ แม่ก็โอเคแหละ บางทีก็รู้สึกแหวะ… เพราะผู้คนมากมายมาเล่น มาจับ ขี้มูก ขี้ตา ฯลฯ แหวะเน๊าะ ลูกๆ คง “อิมมูน” กันดี ไม่ป่วยไม่ไข้ จะให้มาเช็ดถูก่อนลูกเล่นก็อะนะ ….555 เกิดเป็นลูกแม่อู๋ต้องสู้ว๊อยยยย….. แม่มันตายยาก ลูกมันก็ต้อง…บักอึ้ด..เหมือนแม่

page-559

ดูขาไอ้ตี้..แท๊ตทูที่มันดีไซน์เอง บางทีเพิ่งอาบน้ำออกมาให้เกลี้ยงๆ ผ่องๆ หล่อเชียว หันหลังให้มันแป๊บเดียว..เขียนเต็มแขนเต็มขาเลย อยากฟาดจริงๆ ถ้าเป็น permanent marker ก็อยู่ไปหลายวัน วันนั้นต้องออกไปซื้อของอาบน้ำอาบท่าให้ อิชั้นไปแต่งตัวเสร็จเตรียมออกไปกัน ไอ้ตี้ลายพร้อยเชียว ก็พามันไปทั้งอย่างนั้นแหละ ใครเห็นมันก็แอบเหล่มาที่แม่มัน พอขากลับขับรถมามืดๆ ไม่เห็นลูก มันแอบล้วงขนมอออกมากินปากเลอะ มือไม้ดูไม่ได้ แล้วหลับคร่อกมาตลอดทาง พอถึงบ้านอุตส่าห์แบกเข้ามา…ตื่นซะนี่ ล้วงขนมออกมากินต่อ ลูกกรู….. ส่วนเสื้อแดงสองพี่น้องนั่นกะลังเตรียมพร้อมจะออกไปงานแฟร์กัน พี่สาวหวีผมทรงกรี๊ดให้น้องมัน ทรงกะลาครอบของบักจัสติน บีเบ้อร์ แม่ไม่ชอบไอ้บีเบ้อร์นั่น ไอ้ดีก็เลยแกล้งหวีผมให้น้องซะงั้น กวนตรีนแม่มัน 555

page-560

พาลูกออกไปงานใหญ่ประจำตำบล 5555 คืองานแฟร์นั่นเอง ขับรถไปรอทางเข้าที่จอดรถแถวยาวเป็นไมล์ รอ รอ รอ ไม่ขยับ เลยขับแตกแถวออกไปจอดศูนย์การค้าใกล้ๆ เดินเอาหน่อย ไม่ต้องเสียค่าจอด ไม่ต้องเผาน้ำมันรถทิ้ง เยียบเบรค เหยียบคันเร่ง จนเมื่อย ตอนเดินไปไม่เท่าไหร่ พอขากลับตีกันนุงนัง ร้องไห้กะจองอแง เบื่อจริงๆ ก็แวะถ่ายรูปแกล้งลูกซะหน่อย ดูไอ้ตี้เอาเถอะ ซื้อดาบเลเซอร์ของเจไดให้ มันก็ฟาดแม่ฟาดพี่ เข็นรถมันไม่ได้เลย พากันวิ่งหนีมัน แหกปากซะ ต้องรีบกลับไปเข็นมันต่อ กลัวตำรวจมาลากคอ 5555 ส่วนรูปอมยิ้มนั่น … ไอ้พี่มันกินแล้วไม่ชอบเลยให้น้องกินต่อ 555 เลียแล้วก็ส่องกระจกอยู่นั่น พึงพอใจอย่างมากกกกก….ที่ลิ้นสีฟ้า

page-561

บรรยากาศงานแฟร์ที่ถ่ายมานิดๆ หน่อยๆ เดินไปถ่ายไอ้ Curly Fried ทอดแบบยกกระชอนเลย เห็นคนที่เค้าซื้อกันก็โรยเคทฉับ แล้วแคะกิน บิกินกัน คนนั้นทีคนนี้ที กินแล้วก็เลียดูดนิ้วมือ แล้วก็กินต่อ คนอื่นก็มากินต่อ แหงะ 5555 เค้าไม่รักกันคงไม่แบ่งกันกินหรอกเน๊าะ 555 พอเดินไปดูใกล้ๆ อีตาคนขายก็โชว์ออฟใหญ่ สาธิตซะหน่อย ก็เลยถ่ายรูปมาให้ดูกัน..กลัวแกจะเก้อ 555 ร้านนี้ขายของทอดที่หากินได้เฉพาะงานแฟร์ คือประหลาดๆ น่ะ ไม่มีแมลงทอดเท่ๆ แบบบ้านเราหรอก แต่เอาขนมมาชุบแป้งทอด เห็นแล้วไม่อยากรับทานหรอก เพราะขนมตัวเปล่าๆ อิชั้นก็ไม่ชอบอยู่แล้ว ขนมฝรั่งมันหวานแสบไส้จริง ที่เห็นดังๆ ก็ ทอดโอริโอคุ๊กกี้ สลิงกี้ โฮโฮ ขนมฝรั่งน่ะ..ไม่ประทับใจอิชั้นร๊อกกกก… อะไรก็ไม่อร่อยเท่าขนมบ้านเราหรอก หวานมัน อูย… คิดถึงบ้าน คิดถึงกับข้าวกับปลา อาหารไทย แงๆๆๆๆ

page-563

เมื่อวันศุกร์ อีหนูดีเค้ามีงานแด๊นซ์ที่โรงเรียน นานๆ เค้าให้เด็กไปเต้นหงิกงอกัน เด็กๆ จะตื่นเต้นเตรียมตัวกันเป็นอาทิตย์แหละ จะใส่อะไรดี จะทำผมทรงไหน รองเท้าคู่ไหน เค้าจัดตอน 6 โมง ถึง 2 ทุ่ม ตอนไปรับย่องไปแอบดูซะหน่อย เค้าจะมีครูอาจารกั้นประตูโรงยิมไว้ทุกด้าน ห้ามเข้าออก ต้องให้ผู้ปกครองไปรับ (ตอนนี้ทุ่มนึงก็เริ่มมืดแล้ว เพราะใกล้จะเข้าฤดูใบไม่ร่วงแล้ว ตอนหน้าร้อน 2 ทุ่มยังแดดเปรี้ยงเลย) เค้าปิดไฟโรงยิมมืด ห้อยบอลดิสโก้ ติดไฟสายๆ ระยิบระยับเป็นจุดๆ ตรงที่ขายเครื่องดื่ม ที่ขายพิซซ่า ฮ๊อตดอก ที่ขายของเล่นพวก Silly String (สเปรย์โฟมสาย) ของเล่นไฟหระพริบ เรืองแสง ฯลฯ เด็กๆ ก็ไปสนุกกัน เห็นมีเต้นกันหลายแบบ มี พวกเต้นเป็นเรื่องเป็นราว พวกเต้นออกแนวฮิพฮอพ (กวนตรีนหน่อยๆ) พวกเต้นแบบแร่ดเกินวัย (ดูยั่วยวนเหมือนหญิงอาชีพพิเศษ) พวกเต้นแบบกระโดดๆๆๆ (อีหนูดี+เพื่อน มันโดดๆๆๆๆ เห็นแล้วปวดตับ มันจะกระโดดกันทำไมฟระ แถมแหกปากร้องเพลงอีก) พวกเล่นวิ่งไล่จับ (อันนี้เห็นเป็นเด็กผู้ชายซะมาก) มีอีกหลายแบบ เห็นแล้วก็นึก….ลูกโตเร็วอิ๊บอ๋าย ยังนึกว่าลูกเป็นเบบี๋อยู่เลย เฮ่ออออ…..

page-564

เหนื่อยนักก็พักก่อน 5555 ชอบถ่ายรูปตอนลูกหลับแบบประหลาดๆ ไอ้ที่นอนตูดเบียดกันนั่น มีเหตุก่อนหลับ ตีกันโครมๆ แม่มันด่าล้่นบ้าน โมโหเดินหนีไปดูทีวีในห้องนอนคนเดียว เอ๊ะ…เงียบๆ ย่องไปแอบดู อ้าววว… มานอนรักกันอยู่ตรงนี้ได้ไงวะ เพิ่งไล่ฆ่ากันอยู่หยกๆ ส่วนไอ้ตี้..จะเห็นมันนอนตกโซฟา ตกเตียงประจำ บางทีก็ตกตู้มมมม…ไปเลย บางทีก็ค่อยๆ ไหล ค่อยๆ ย้วยลงไปเรื่อยๆ อิแม่มันก็ค่อยๆ ถ่ายแชะๆๆๆ ไปเรื่อยๆ เหมือนกัน ถ้าพ่อมันอยู่โดนด่าทุกที แทนทีจะช่วยจับลูก อุ้มลูกกลับขึ้นไปนอนดีๆ เจือกถ่ายรูปอยู่นั่น แล้วถ้าพ่อมันอยู่ก็ไม่ค่อยได้เห็นซีนดีๆ หรอก เพราะพ่อมันจัดการโยนกลับเข้าที่อย่างรวดเร็ว ไม่หนุก ไม่หนุก 5555

page-562

Good Night Everybody,

Have a Happy Red Sunday!

Mom-01