Thursday, November 12, 2009

เปลี่ยนไปตามฤดูกาล

เห็นรูปแล้วดูเหมือนเป็นควันหลงฮัลโลวีน จะว่าใช่ก็ใช่ค่ะ คือ ครอบครัวเราบ้าจี้ เปลี่ยนของใช้ไปเรื่อยๆ ตามฤดูกาล แล้วก็ตามหลังฤดูกาลด้วย อย่างปีนี้ พอเริ่มเดือนตุลาคม อิชั้นก็เปลี่ยนสบู่ล้างมือในครัวและห้องน้ำ ให้เข้าบรรยากาศ Halloween และ Harvest Season หรือ Fall Season รวมทั้งเปลี่ยนไอ้ตัวที่เสียบปลั๊ก Wallflower ให้บ้านหอมๆ ด้วย จากเป็นอะไรจืดๆ เซ็งๆ ก็เอาไอ้พัมพ์กิ้นโจรสลัดซึ่งที่ ตา จมูก ปาก เป็นไน้ท์ไล้ท์ด้วย แต่เปลี่ยนเป็นกลิ่น Evergreen ป่าต้นสนแทน เพราะไม่ค่อยชอบกลิ่น Pumpkin Spice เท่าไหร่ สบู่ล้างมือก็กลิ่นนั้นแล้ว รอใช้ให้หมดจะเอากลิ่นส้มมาเติมใส่แทน สีส้มๆ เหมือนกัน แล้วกลิ่นส้มก็เป็นกลิ่นโปรดด้วย จำได้ว่าวันแรกที่เอาไอ้กลิ่นเอเว่อกรีนมาเสียบแทน Wallflower (Dancing Water)ที่เสียบอยู่ก่อน คุณซะมีเลิกงานเดินเข้าบ้าน ทำจมูกฟุตฟิตแล้วชมใหญ่ หอมดี แล้วถามว่า Christmas already? อะไรที่มันจำเจ อบอวลอยู่นาน จมูกก็ชินชา เลยไม่ได้กลิ่น พอได้กลิ่นใหม่ๆ ที่แปลกไปก็รู้สึกได้ นี่ก็ 2 เดือนผ่านไป ชักจะไม่ได้กลิ่นกันแระ นอกจากเวลาออกไปไหนกันแล้วเปิดประตูเข้าบ้านก็ได้กลิ่นกันที คนอื่นๆ หรือใครไปใครมาก็จะทักว่าบ้านหอมดี เจ้าของบ้านก็หน้าบานได้อีก เดี๋ยวหลัง Thanksgiving ก็เปลี่ยนเป็นพวกสโนว์แมน แซนต้า ….5555 ถือว่าเป็นความบันเทิงเล็กๆ ของครอบครัวเราเลยก็ว่าได้

ThingPage-11

ตานี้ก็มาถึงสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่ดูไม่สลักสำคัญอะไร มันคือแน๊พกิ้นธรรมดาๆ นี่เองค่ะ อิชั้นจะซื้อให้ลายแปลกใหม่ไปเรื่อยๆ บางทีก็ซื้อให้เข้ากับเทศกาล บ่อยๆ ที่ซื้อหลังเทศกาล เพราะเค้าจะขนมา “โล๊ะราคา” เหลือแพ๊คละเหรียญเดียว อย่างตอนนี้เรายังใช้ลายฮัลโลวีนอยู่เลย ส่วนไอ้ลายบาร์บีคิวจากช่วงซัมเม่อร์นั่นตุนไว้หลายแพ๊คเหมือนกัน บ้านนี้ใช้เปลือง แล้วที่คาดไม่ถึงว่าจะได้จากกระดาษแน๊พกิ้นธรรมดาๆ ก็คือ ตอนที่ลูกชายไอ้ตี้เป็นเบบี้ ช่วยให้ลูกหัดพูด หัดชี้ เวลาป้อนอาหารลูกจะเห็นลูกพินิจพิจารณาไอ้แน๊พกิ้นเนี่ย จิ้มนั่น ชี้นี่แล้วก็ทำเสียงตลกๆ อู้…เอ๊ะๆ ก็เลยมีเรื่องชวนลูกคุยและหลอกล่อให้ลูกกินอาหารได้บ้าง ทุกวันนี้ลูกพูดได้เยอะแล้วแต่ยังชอบดูลายต่างๆ ที่พิมพ์บนแน๊พกิ้นอยู่เลย แล้วก็บอกแม่นี่ตัวเหมียวๆ นี่ตัวคิตตี้ สิงสาราสัตว์ ข้าวของอะไร ดูน่าสนใจมากๆ สำหรับลูก มีอยู่รูปนึง ไอ้ตี้บอกว่า “อันนี้…กรีมมู” ทายกันไม่ถูกล่ะสิว่าหมายถึงอะไร 5555 มันคือ ไอศครีมค่า…5555 ไอศครีมที่ซื้อมาแช่ไว้ประจำช่องฟรีซจะมีรูปวัวพิมพ์อยู่ที่กล่อง ไอ้ตี้เรียกวัวว่า มูมู แล้วก็เรียกไอศครีมว่า กรีมๆ ไม่รู้ไปไงมาไง ไอ้ตี้เรียกไอศกรีมว่า กรีมมู มาได้หลายเดือนแล้ว 5555

page-292

อันนี้เป็นของใช้ในครัวที่ไม่ได้ซื้อหามาใช้แล้วเปลี่ยนไปตามฤดูกาล แต่ใช้กันมาตลอดชาติเลย คือ ภาชนะกระดาษที่ใช้แล้วทิ้ง อันแรกทุกคนในครอบครัวเรียกเหมือนกันว่า “เรือ-boat” กระทงกระดาษอันนี้บ้านเราใช้เปลืองมากๆ แพ๊ค 250 ใช้ได้ 2-3 เดือนเท่านั้น เพราะใส่ขนมให้ลูก ใส่อาหารอุ่นในไมโครเวฟ ฯลฯ สารพัดประโยชน์จริงๆ เค้ามีขายหลายไซ้ส์นะ สำหรับบ้านเราอันนี้พอดีแล้ว ไม่ใหญ่หรือเล็กจนเกินไป เวลาใส่ขนมหรืออาหารให้ลูกถือไปมาก็ไม่ใหญ่กว้างเกะกะ ไม่หกกระจายง่ายเหมือนจานกระดาษอ่อนๆ ส่วนจานกระดาษอันนี้เป็นจานกระดาษที่แข็งแรงมากๆ ไม่ต้องใช้ตระกร้าพลากสติก (รูปที่ 3 ด้านล่างซ้าย) รองเลย เวลาจานแข็งๆ นี้ขาดครัว แล้วซื้อที่มันบางๆ flimsy มาใช้ก็ต้องใช้ไอ้นั่นช่วยรองก้นจาน

page-293

เวลาทานอาหารเป็นมื้อๆ ตามปกติ ครอบครัวเราก็ใช้ถ้วย จาน ชาม ช้อน ปกติค่ะ ไอ้พวกกระดาษเนี่ยใช้เวลาสแน๊คเท่านั้น หรือเวลาที่ทานไม่เป็นมื้อ พิซซ่า บาร์บีคิว หรือเวลามีญาติโกโหติกามาบุก ก็กินๆ เหวี่ยงๆ ให้มันจบๆ เสร็จๆ ไม่ต้องมาเก็บล้างให้ยุ่งยาก แม่บ้านเชาเชาหลังยาวถนีดอยู่แล้ว 5555

If you can't do the time,

don't do the crime.

HaveNiceDay-01

No comments: