Saturday, June 2, 2012

My 2 Trips to ER in 1 Week

 

อิชั้นมีอาการปวดท้องประหลาดๆ มาได้ระยะหนึ่งแล้วค่ะคุณเพื่อนๆ ไม่นับที่ปวดเก่า คือ ปวด pelvic ซ้ายขวา อยู่เรื่อยๆ ปางตายมาตั้งแต่เริ่มแตกเนื้อสาว ไอ้ที่ว่าปวดใหม่ ปวดประหลาดๆ คือ ปวดพุงโตๆ กลมๆ ทั้งพุง จนล่าสุด ปวดพุงตอนบน (บรรยายเหมือนแผนที่ภูมิศาตร์เลยว่ะค่ะ 555) หรือที่พูดแบบเมียฝรั่งว่า upper abdominal pain นั่นเอง แหวะ

พอปวดประหลาด ปวดแบบเก่า ปวดแบบใหม่ ก็หาหยูกหายากิน จนเกือบจะจัดยาได้อยู่แล้ว 3-4 ปีให้หลัง อาการหนักขึ้น หรือความทนทานน้อยลงก็ไม่ทราบ ทำให้อิชั้นเสพยาแก้ปวดชนิดที่ค่อนข้างแรงและเป็นยาเสพติดด้วย (ไวโคดิน) แต่อิชั้นไม่ติด เพราะไม่ได้กินเป็นกำๆ หรือกินทุกวัน กินเมื่อปวด พอหายปวดก็บอกสาราเลิกกันไป พอปวดก็คว้ามาเสพใหม่ เดือนนึงก็ 4-8 เม็ด ไม่เกินนั้น

จนเมื่อวันอังคาร (23 มีนา) ตอนเช้าตรู่ 6 โมงได้ เกิดปวดท้องตอนบน อย่างแรง นอนคว่ำ นอนตะแคง นอนทะแยง นอนขด นอนเหยียด จนกระทั่งนอนร้องไห้ ก็ไม่หาย เลยคว้ายาสั่งมากิน 2 เม็ด คาดว่า ...คงเหมือนเดิม อีก 15-30 นาที ยาออกฤทธิ์ก็หายปวด สบายเฉิ่บ พอดีกับเป็นเวลาที่ต้องปลุกลูกๆ เตรียมตัวไปโรงเรียน พอไม่สบายตัว ก็เลยนอนบัญชาการภาคพื้นแนวราบอยู่ที่ห้องทีวี สั่งให้พี่ดูแลน้อง แต่งเนื้อแต่งตัว จัดหาซีเรียลให้น้องกิน บลาๆๆ

พอหลังจาก 30 นาที อาการปวดทุเลาลง แต่กลับคันยุก คันยิก ตรงโน่น ตรงนี้ หัวจรดตรีนจริงๆ เพราะที่ฝ่ามือ ใต้ฝ่าเท้าก็ยังคันแบบโคตรๆ ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ยังนอนขี้เกียจเกาขี้เรื้อนไปเรื่อยๆ ซักพักรู้สึกว่า อ้าว เฮ้ย ลูบไปลูบมา เหมือนเป็นตุ่มตอเต็มไปทั่วตัว เลยลุกไปส่องกระจก ตายห่าแล้ววววว.... อิชั้นกลายเป็นขี้เรื้อน แดงไปทั้งตัว เป็นผื่น เป็นปื้น เป็นตุ่ม เป็นอะไรวะเรา เลยไปปลุกผัวขี้เซาของอิชั้นว่า เฮ้ยๆ แก ดูนี่ดิ ชั้นจะตายแล้วมั๊ง อีผัวก็บอก ไม่ตายหรอก คนอย่างแกตายยาก แล้วก็กลับไปนอนต่อ จากนั้นเลยมีด่า คราวนี้ลุกเด้งขึ้นมา อิชั้นบอกให้โทรไปที่ประกันสุขภาพด่วน กรูจะตายแล้ว คันมาก เกาจนเลือดซิบเป็นแห่งๆ

ต้องเล่านิดนึง ประกันสุขภาพของอิชั้น มันเปลี่ยนโพลิซี เรื่องการใช้บริการห้องฉุกเฉินมาได้หลายปีแล้ว คือ เมื่อก่อนถ้าป่วยแล้ววิ่งไป ER ประกันจ่ายเต็มร้อย รวมทั้งรถฉุกเฉิน อะไรต่ออะไร ทั้งหมด ผู้ประกันตนทั้งหลาย ลูกเต้า ผัวเมีย ก็ใช้บริการ ER เป็นว่าเล่น ค่าบริการห้องฉุกเฉินจะแพงกว่าคลีนิคหมอทั่วไปหลายเท่า มดกัด มีดบาด ตดเหม็น ก็พากันไป ER เพราะไปหาหมอตามคลีนิค ต้องจ่าย 20% ของบิล คราวนี้พอเค้าเปลี่ยนนโยบาย การใช้บริการต้องได้รับแอพพรูฟจาก ทีมแพทย์-พยาบาล Hotline ของบริษัทประกันเสียก่อน และยังต้องจ่ายเองประมาณ 20-40% ของบิล ซึ่งเค้าจะพิจารณาเป็นกรณีๆ ไป

เช้าวันนั้นก็ให้อิผัวโทร เพราะเริ่มพูดจาลำบาก กลัวเค้าไม่รู้เรื่อง สุดท้ายก็ต้องพูดเอง เพราะผัวบร้าของอิชั้น มันพูดไม่รู้เรื่องเพราะสติปัญญา ไม่ใช่เจ็บป่วยอะไร โมโหมากกกกก.... เค้าก็ถามคำถามมาเป็นชุดๆ แบบโปรโตคอล ( Protocol) ท้องหรือปล่าว กินยาอะไร แพ้ยาอะไร คิดฆ่าตัวตายหรือปล่าว ฯลฯ จากนั้นก็เข้าเรื่อง ก็เล่าให้เค้าฟังว่าเป็นงี้ๆๆๆๆ กินยานี้ แล้วก็เป็นงี้ๆๆๆๆ เค้าก็ซักถามอยู่พักนึงแล้วก็บอก วางสายเดี๋ยวนี้แล้วรีบไปอีอาร์โดยด่วนที่สุด เพราะแพ้ยาค่อนข้างรุนแรง และโชคดีที่รู้ตัวเร็ว

จากนั้นอิชั้นก็ฮ่อรถไปที่ห้องฉุกเฉินที่โรงบาลประจำตำบลทันที อิผัวก็อยู่จัดการไล่ลูกออกจากบ้านให้เรียบร้อย แล้วก็กลับไปนอนต่อ Yes Mam จริงๆ 555 ที่จริงก็คือ อิผัวเนี่ยทำงานกะบ่ายค่ะ นอนเช้า ตื่นบ่าย เพราะฉะนั้นให้ทำอะไรตอนเช้าเหมือนให้ตาย ต่อๆๆๆๆ พออิชั้นไปถึงที่หมาย ก็ไปเช็คอิน พยาบาลก็โผล่มาดู ถามไถ่นิดนึง เลยเอาแขนให้ดูแล้วว่าเป็นงี้ๆๆๆๆ มา นังพยาบาลก็บอกให้ไปนั่งรอ เดี๋ยวจะเรียก มีคนนั่งรอที่ล๊อบบี้ประมาณ 7-8 คน (โปรดทราบ ห้องฉุกเฉินที่นี่ไม่เหมือนในทีวีซีรี่ส์เรื่อง ER นะคะ ที่เค้าวิ่งวุ่นวายฉึบฉับกัน โนๆๆๆๆๆๆ ที่นี่เค้าจะค่อยๆ ย้ายไปย้วยมา นั่งคุยกันที่สเตชั่นหมอพยาบาลตรงกลาง มีห้องกระจกแยกเล็กๆ สิบกว่าห้อง ถ้าไม่มีใครตาย ไม่มีใคร "ทราน-สะ-เฟอ" ไปที่ไหนๆ ก็นั่งรอกันไปก่อน หรือนอนตายตรงล๊อบบี้ไปเลย) อิชั้นนั่งรออยู่ประมาณ 15 นาที พยาบาลอ้วนค่อยๆ ย้วยออกมาเรียกให้เข้าไป พวกที่นั่งรออยู่ก่อนเริ่มโมโห มาถามเอาเรื่องที่วินโด้ว์กันทีละคน 2 คน พยาบาลก็ผัดกันไปอธิบายว่า เรียกเข้ามาตามอาการ ใครที่อาการน่าจะ life-threatening ก็เรียกเข้ามาดูแลก่อน ใครที่มารถพยาบาลก็เข้ามาอีกช่องทางนึง แต่ถ้าแต่หัวปูดหัวโน ผัวตบ เมียเตะ เค้าก็เข็นให้มานอนรออยู่รวมๆ กันที่ล๊อบบี้นั่นแหละ รอเธอๆ เรียกเข้าไป ตามดวงจริงๆ

พอพยาบาลเรียกเข้าไป ก็ ทำพิธี The four main vital signs routine; Body temperature, Pulse rate, Respiration rate (rate of breathing), & Blood pressure. (เรียนมาเหมียนกัลลลล์) พร้อมๆ กับถามคำถามมากมายก่ายกอง ก็ตอบๆ ไป ที่ห้ามลืมถามผู้ป่วยคือ แพ้ยาอะไร ซึ่งอิชั้นตอบมาเป็นแสนครั้งแล้วคือ แพ้ซัลฟากรุ๊ปทั้งหมด จากนั้นพยาบายก็พาอิชั้นย้วยยุรยาทไปที่ห้อง แล้วบอกว่าเดี๋ยวหมอมาดูนะ รูดม่านปื้ด แล้วก็ปิดประตูเดินหนีไป อิชั้นก็นอนเกาขี้เรื้อน ที่พุง ที่หลัง แขนขา รออยู่แระมาณ 15 นาที ไอ้หมอก็เข้ามา เอา stethoscope มาแปะๆ แมะๆ นิดนึง แล้วก็บอกว่า แพ้ยาไวโคดินนะ จากนี้จนสิ้นใจ ห้ามเสพเข้าไปอีก อิชั้นพยายามอธิบาย นี่ๆ แกๆ หมอๆ ไอ้คันก็เรื่องนึง ไอ้แพ้ยาก็เรื่องนี้ อันนี้รู้ตั้งแต่ออกจากบ้านแล้ว แต่ที่คอนเซินเดอะโม้สสสสสส ตอนนี้คือ อาการปวดท้อง ซึ่งตอนนี้ไม่ปวดแล้วเพราะแหลกยามาแล้ว แต่กลัวว่ายาหมดฤทธิ์ก็จะปวดอีก ไอ้หมอนรกไม่พูดอะไร เดินออกไป เชี่ยมากกกก..... ไม่ยักกะเหมือน Dr. Greene หรือ Dr. Ross ใน ER เลยวะ

จากนั้นอีกไม่นานก็มีพยาบาลอ้วน แต่งหน้าแบบเหมือนใส่หน้ากากมา 5555 ผมหยิกฟู เอายาน้ำข้นๆ เหนียวๆ สีชมพูอ่อนมากเกือบขาว ใส่ dixie cup ขนาด 4 ออนซ์มาแบบเต็มเปี่ยม แล้วก็ยืนเฝ้าให้ซดเข้าไปให้หมด โห แม่เจ้า รสชาติโหดมาด ซดเข้าไปกรึ๊บแรก ริมฝีปากชา ลิ้นชา คอหอยชา ก็ทนดวดเข้าไปจนหมด กระเพาะน่าจะชาไปด้วย แล้วน้องอ้วนก็บอกให้นอนลง จากนั้นก็ฉีดยาเข้าที่ต้นแขน 2 เข็ม อิชั้นรู้สึกมึนๆ ง่วงๆ ในทันที ไม่รู้ว่าเป็นผลจากยาตัวไหนกันแน่ ก่อนที่น้องอ้วนจะเดินออกไป อิชั้นก็บ่นไปว่า หมอไม่เห็นว่าอะไรกับที่กรูปวดท้องเลย ช่วยบอกหมอด้วย สักพักน้องอ้วนกลับเข้ามาใหม่ เอาตะกร้าเจาะเลือดมาด้วย แล้วก็บอกหมอให้เจาะเลือดไปตรวจ 3 หลอด อ้าว...ไอ้หมอ จะสะเด็ดเข้ามาดูพูดจากับกรูอีกซักทีเนี่ย....ตายมั๊ย คือคิดในใจค่ะ ไม่กล้าบ่นว่าอะไรออกอากาศหรอกค่ะ เห่าในใจ 5555 น้องอ้วนก็เจาะ ทิ่ม แทง ไป 3 รู จากหลังมือ มาที่ข้อพับ ย้ายไปข้อพับอีกข้าง ก็ยังไม่ได้เลือด เธอก็บ่นๆ ออกมาสงสัยต้องตามคนอื่นมาเจาะแล้ว เธอก็บิดๆ งัดๆ แงะๆ ไอ้ Winged Blood Collection Set ที่คาอยู่ คุณโลหิตก็ไหลออกมาช้าๆ เธอก็พยายามนะคะ งัดแงะจนได้ครบ 3 หลอด ดีที่อิชั้น มึน งง ชา นั่งดูน้องอ้วนทำทารุณอย่างไร้วิญญาน จากนั้นเธอก็บอก อิชั้นน่าจะเป็นนิ่วในถุงน้ำดีแน่ๆ เอ๊ะ อีนี่ เลือดก็ยังไม่ไปไหน หมอก็ไม่ได้ว่าอะไร RN คนนี้ใช้กระแสจิตตรวจกรูได้ด้วย 55555 แล้วเธอก็ขนข้าวขนของเดินจากไป จากนั้นอิชั้นก็สิ้นใจ นอนตายไม่รู้เรื่องอะไรอีกเลย

พอประมาณ ใกล้ๆ เที่ยง ได้ยินเสียงประตูเปิด น้องอ้วนเดินเข้ามาถามไถ่เป็นไงบ้าง ก็บอกไม่เจ็บไม่ปวด ตุ่มตอหายวับไปเหมือนเล่นกล เหลือเป็นรอยเกาถลอกมาแทนที่เต็มไปหมด แต่ว่ามีนๆ หนักๆ หัว รู้สึก dingdong นิดๆ แต่อยากกลับบ้านแล้ว น้องอ้วนก็บอกโทรตามใครมารับนะ ทางโรงบาลไม่ยอมให้ยูขับรถกลับบ้านหรอก ก็บอก..เออจ้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ไล่แขกก็เข้ามา เอาเอกสารปล่อยตัว (discharge form ..เหมือนนักโทษเลยว่ะ 5555) มาให้เซ็น เอาใบสั่งยามามาให้ด้วย น้องอ้วนกลับเข้ามาถาม มีใครมารับหรือยัง ก็บอกเดี๋ยวออกไปรอที่ล๊อบบี้ ก่อนเดินออกมาน้องอ้วนบอกว่า อย่ากินอาหารมันๆ นะ ไม่ดี (เตือนตัวเองเหอะ อีอ้วนนนนน....) หมอบอกว่ายูเป็น Gastroenteritis กินยาตามที่หมอสั่งนะ แล้วก็อย่าลืมนัดหมอของยูนะ เค้าจะได้รีเฟอร์ไปหา specialist ให้ นั่นก็หมายถึง 3-4-5 more bills เลยนะเว้ย โมโห โมโห กรูอุตส่าห์ลากสังขารมาถึงอีอาร์ ไม่ทำไรเลย ไล่กลับซะงั้น

พอเดินออกมาก็ขับรถกลับบ้านเลย 5555 รีบๆ ล่กๆๆ เหมือนนักโทษแหกคุก ตอนขับรถกลับบ้าน ระยะแค่ 2 ไมล์ รู้สึกเหมือน forever มาก ไม่ถึงซักที ครึ่งหลับครึ่งตื่น แต่ก็รอดมาถึงบ้านจนได้ อีผัวก็ด่า ทำไมไม่โทรตาม แต่ไม่มีแรงจะทะเลาะ เลยสาดไปนิดนึงว่า ถ้ากรูโทรมา...เมิงจะรับโทสับมั๊ย นอนเป็นตายขนาดนั้น จากนั้นอิชั้นก็สิ้นใจไปอีกรอบ นอนหัวบี้หัวแบบ ลูกกลับบ้าน ผัวไปทำงาน เด็กๆ มีอะไรกินหรือปล่าว ไม่รู้เรื่องเลย พี่ก็คงเลี้ยงน้องตามมีตามเกิด เห็นครัวเลอะเทอะ ...หนูดีทอดไข่ดาวคลุกข้าวใส่น้ำปลาให้น้องกิน 5555 น่ารักมาก...

อิชั้นว่าอิชั้นเก่งกว่าหมออีกนะคะ จะมาว่ากรูเป็น Gastroenteritis (Stomach Flu) ได้ไงวะ ไม่ครี่แตก ไม่อ้วก ไม่มีไข้ หรืออาการใดๆ ที่เกี่ยวกับโรคที่มันบอกว่าเป็นเลย แต่ก็กินยาตามที่มันสั่ง เพราะตายไม่ได้ ...ลูกยังเล็ก และเพราะหมดที่พึ่ง เผื่อว่ามันจะช่วยได้ หรือถ้าตาย ลูกผัวจะได้สบาย "ซู" มันเลย 555

จากวันนั้นอาการก็ค่อยๆ ดีขึ้น ไม่ปวด ไม่คัน ไม่มึน ไม่งง ไปไหนมาไหนได้ปกติ ก็รีบเอาใบสั่งยาไปซื้อยามากิน ยานรกนี่แพงมาก ราคาเต็มๆ $440 แต่หักลบกลบหนี้กับประกันแล้วต้องจ่ายไป $93.23 ต้องกิน 14 วัน เป็นยาแพ๊คมาให้สะดวกและรักษาคุณภาพของยา ต้องบอกว่าเป็นยานรกจริงๆ เพราะกินแล้วคลื่นไส้ ขมในปากทั้งวันทั้งคืน น้ำลายก็ขม ถ่มถุยทั้งวัน ยังกะเทศกาลรอมมะดอนเลยว่ะ ขนาดนอนหลับยังตกใจตื่นตอนกลืนน้ำลยนี่แหละ ขมมาก เลยไม่ค่อยได้นอนเต็มๆ ก็พยายามกินให้หมดเผื่อว่าเป็นโรคไส้เน่าอย่างที่ไอ้หมอบอกจริงๆ

พอมาถึงคืนวันอังคารตอนดึก อาการปวดท้องตอนบนกลับมาระรานอีก ปวดแบบ gradually ปวดมากขึ้นเรื่อยๆ พออิผัวกลับบ้านก็บอกว่าจะตายอีกแล้ว ยาก็กินไม่ได้ อีผัวก็รีบโทรฮ๊อตไลน์อีก เสียงตามสายก็อนุญาตให้ไปอีอาร์ด่วนอีก ก็ต้องรีบขับรถแจ้นไปเองตามเคย เพราะพ่อต้องอยู่บ้านดูแลลูกๆ ที่หลับอุตุกันอยู่ พอคราวนี้ไปเช็คอิน บอกปวดท้องมา yes mam คุณพยาบาลให้นั่งร้องไห้หงิกงออยู่ที่ล๊อบบี้กับเพื่อนๆ ร่วมชะตากรรมอีก 4-5 คน อยู่นานมาก คาดว่าเกินกว่า 30 นาที พอเค้าเรียกเข้าไป พยาบาลก็ทำตาม standard procedure ตรวจเช็ควัดโน่น นี่ นั่น สอบถามอะไรๆ ตามปกติ อิชั้นทนทานไม่ไหว ปวดจนร้องไห้ เธอก็พาเข้าห้องขังแล้วก็บอกเดี๋ยวหมอมาเหมือนเคย ซักพักหมอเปิดประตู เข้ามา อ้าว เว้ย เฮ้ย เจอไอ้หมอคนเดิน แถมทักทายว่า เฮ้ยยู เราเจอกันเมื่อเดือนที่แล้วใช่ปล่าว ก็บอกไปว่า โน่ เมื่ออาทิตย์ที่แล้วเว้ย

พอมาก็ทำเหมือนเดิม กดท้องนิดๆ หน่อยๆ พอเป็นพิธี แล้วก็เดินจากไป ไม่ว่าอะไรเหมือนเคย ซักพักพยาบาล (คนนี้ไม่ใช่น้องอ้วน) ก็เอายาน้ำชมพูนั่นมาให้ซดอีก แล้วก็บอกว่าให้เก็บฉี่ไปตรวจ อิชั้นก็จัดการตามที่เค้าบอก เธอยังบอกว่าหมออาจให้ทำอัลตร้าซาวนด์ แล้วเธอก็หายหัวตามหมอไปอีกคน อิชั้นปวดมาก ปวดแบบนั่งก็ไม่ได้ นอนก็ไม่ไหว ต้องยืนเอาหัวพิงกำแพง ร้องไห้อยู่คนเดียว สุดท้ายอดรนทนไม่ได้ เลยเดินไปที่สเตชั่นพยาบาลว่านี่พวกแก...ชั้นปวดมากกว่าเดิมอีกนะเว้ย พวกเธอๆ ก็แยกย้ายจากวงที่คุยกันอยู่ แล้วพยาบาลคนนึงก็บอกว่า เดี๋ยวจะบอกพยาบาลของยูให้นะ

อิชั้นก็ลากสังขารกลับห้องไปยืนบิดร้องไห้ต่อ รออยู่อีกนานมาก กว่านังพยาบาลจะเข้ามาพร้อมกับเข็มฉีดยาหนึ่งหลอด แล้วก็ยิงเข้าที่ต้นแขนเหมือนเคย อิชั้นเริ่มปวดน้อยลงนิดนึง นั่งที่เตียงได้ แต่ยังนอนไม่ได้ เลยถ่ายรูปข้างบนและโพสต์ จากนั้นก็ใจขาดไปเลย

พอประมาณ 6 โมงเช้า พยาบาลเข้ามา เก็บโทรศัพท์ที่ตกอยู่ที่พื้นให้ ตกไปตอนไหนก็ไม่รู้ แสดงว่าไม่มีใครเปิดประตูเข้ามาดูใจเลย เธอก็ถามไถ่อาการว่าเป็นยังไงบ้าง มันก็เหมือนเดิมแหละ ไม่ปวดท้องแล้ว แต่สะลึมสะลือมากกว่าครั้งก่อน เธอก็บอกว่า ให้โทรตามสามีมารับเลยนะ คราวนี้ไม่ไหวจริงๆ ก็เลยโทรตาม โชคดีที่หนูดีตื่นแล้วงัวเงียมารับโทรศัพท์ เลยบอกให้ลูกไปปลุกพ่อ ให้มารับแม่ด้วย ลูกงง อ้าว..แม่ไปโรงบาลตั้งแต่เมื่อไหร่ ตานี้ก็ถึงโพรเสสการเช็คเอ้าท์เหมือนเดิม แต่คราวนี้ไม่มียา ก็เลยถามพยาบาลไปว่า หมอไม่สั่งอะไรเหรอ ไหนบอกว่าต้องเอ๊กซเรย์ อัลตร้าซาวนด์ แล้วเธอก็บอก โน่ บอกแต่ว่าให้รีบทำนัดไปหาหมอประจำตัวเลยนะ อะไรกันวะ ถ้าเกิดกรูไส้จะแตก เป็นมะเส็งเคร็ง ก็แค่กลับบ้านไปตายเหรอ มาอีอาร์ด้วยอาการเดิม 2 ครั้ง 2 ครา หมอไม่ทำเชี่ยไรเลย โมโหอีกแล้วววว....

แล้วเธอก็เดินจากไป อิชั้นก็ดั๊นนนน... ใจขาดเผลอหลับไปอีก อิผัวมาถึง พยาบาลด้านหน้าบอกดิสชาร์จไปแล้ว อิผัวโมโหหุนหันขับรถกลับบ้านไป แล้วก็เซ่อมาก รถอิชั้นจอดเป็นคันแรกเห็นเด่นชัดเลยจากประตูทางออก ไม่ได้มองหรอก เดินผ่านไปขับรถตัวเองกลับบ้านเฉยเลย พอถึงบ้านก็โมโห คุณเมียไปไหน โทรเข้ามือถือบ่นว่าอยู่ไหน ก็บอกนอนตายอยู่ที่เดิมนี่แหละ พยาบาลคนเดิมก็เดินเข้ามาบอกว่า มีใครมารับหรือยัง ก็บอกยัง ซักพักก็ได้ยินเสียงล๊งเล๊งมา อิผัวหน้าเป็นตูดบ่นกะปอดปะแปดใส่พยาบาล ไหนๆ ชีอยู่ไหน หรือว่ายูเข็นไปห้องดับจิตแล้ว (ฮ่วย ... อีบร้า กรูยังไม่ตาย) แล้วก็ยังบ่นต่อ ข้างหน้าบอกไปแล้ว ข้างในบอกให้มารับ ส่วนอิชั้นไม่มีแรงพูดอะไร เดินโผลเผลไปขึ้นรถ หลับต่อ

พอถึงบ้านก็ล้มตัวลงนอน ตื่นขึ้นมาอ้วกเป็นระยะ อ้วกจนหมดไส้หมดพุง จิบน้ำจิบเล็กๆ ก็อ้วก คืออ้วกเป็น 10 ครั้ง เรียกว่านอนกอดถังขยะเลยค่ะ ปั่นป่วนมวนอ้วกจนเจ็บหน้าอก

พอเที่ยงกว่าๆ อิผัวมาปลุก นี่ๆ แก ไปเอารถกลับบ้านเหอะ คือ ตอนกลับมาด้วยกันขับรถอิชั้นกลับมา ทิ้งรถตัวเองไว้ที่โรงบาล พอเดินไปที่โรงรถก็อ้วกลมอ้วกแล้ง ถึงลานจอดรถโรงบาลก็อ้วกแห้งอีก เหนื่อยมากๆ จากนั้นก็เป็นผีดิบพยายามขับรถกลับบ้านอย่างสะลึ๋มกึ๋มมากๆ  พอถึงบ้านก็หลับเป็นตาย ลูกเต้าเป็นอะไรยังไงไม่รู้ คอแห้งมาก จิบน้ำก็ไม่ได้ ดีไฮเดรตอย่างแรง นอนตายไปแบบแห้งๆ แบบนั้นจนครบ 24 ชั่วโมง ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ น้ำหนักหายไป 6 ปอนด์เลย 5555 ถ้าเป็นอย่างนั้นซักอาทิตย์ จิเซล ก็ จิเซล เหอะ (Gisele Bundchen) เจออู๋หน่อย 55555

วันนี้พยายามฝืนใจ ตื่นไปตกระกำลำบากตากแดด ร่วมพิธีหนูดีจบเกรด 8 ส่วนไอ้ตี้มีปาร์ตี้ปิดเทอมจบชั้นอนุบาล ไปมัน 2 โรงเรียนเลย รอบฉลองหนูดีอิพ่อมันไปด้วย แต่รอบไปโรงเรียนไอ้ตี้...หนีกลับบ้านไปนอนซะงั้น อิชั้นก็ไปแบบซอมบี้ ไปนั่งซึมกระทือห่อหมก ขับรถสู้แดดไปมา วันนี้ร้อนมากด้วย แทบตาย ตอนนี้ก็ทนกินยานรกนั่นให้หมด พรุ่งนี้พาไอ้ตี้ไปสมัครเรียนว่ายน้ำ แล้วก็จะไปหาหมอประจำองค์เลย ก็คงจะเป็นวันวุ่นๆ ร้อนๆ อีกวัน เฮ่อ.... สรุปอยากจะบอกว่า ยัง... ยัง... ฉันยังไม่ตาย 5555

 

I feels like death has chewed me up,

spit me out, stomped on me,

ran me over with a freight train,

and is back for round two. :(

No comments: