Tuesday, March 4, 2008

หายไปนาน กลับมาแล้ว


หายไปนาน หายไปเลย เลยมีเรื่องต้องเล่าให้โลกได้รู้ค้างสต๊อกอยู่เยอะ จะค่อยทะยอยๆ โพลต์แล้วกัน ชีวิตก็ยุ่งๆ บ้าๆ บอๆ ตามปกติ บางวันก็มีเรื่องงี่เง่าต้องแก้ บางวันก็เบื่อๆ เหงาๆ เซ็ง บางวันก็เหมือนยู้ง.... ยุ่ง... วิ่งหางชี้โน่นนี่นั่นทั้งวัน ไม่ได้อะไรขึ้นมา นั่นก็ไม่เสร็จ นี่ก็ไม่แล้ว กับข้าวกับปลาก็ทำกินบ้างตามกำลังความขยัน ส่วนวันนี้ทำจับฉ่ายให้ลูกๆ กิน จริงๆ แล้วตัวเองก็โปรดจับฉ่ายมาก วันนี้ใส่ขาหมู กระดูกหมู และ หมูกรอบที่ได้มาจากบ้านเจนนี่ตั้งแต่ตรุษจีน “ขังไว้นาน” จนลืมไปแล้ว เอามาสับๆ ใส่ลงไปก็อร่อยดี ส่วนผัก ไปลากมาจากร้านลาว หน้าตาคล้ายๆ กวางตุ้ง คล้ายๆ ผักกาด ผักคะน้า เป็นใช้ได้ ลากมาเยอะแยะ รวมทั้งหัวไชเท้าด้วย สับๆ หั่นๆ ล้างให้สะอาด โยนลงหม้อไป ลูกสาวแสนสวยชอยซุปนี้ด้วย โดยเรียกซุปของโปรดนี้ว่า “ไทย มินิสสะโตรเน่ ซูป not Italian Minestrone Soup” แล้วแต่มันจะเรียกเถอะเน๊าะ ขอให้มันกินผักบ้างเถ้อออออ...

กระจกรถแคร๊ก
แต่ละวันจะมีเรื่องให้ปวดหัว ให้ตื่นตะหนก อยู่เรื่อยๆ ไม่เคยขาด จะปวดกะบาลมากกว่าปกติถ้าเป็นเรื่องที่ต้องเสียตังค์ เพราะยิ่งรวยๆ อยู่ ฮึ...เช้าวันนึง 2 อาทิตย์ได้แล้ว ขับรถไปส่งอีอ้วนที่โรงเรียน หมอกก็หนา อากาศก็หนาว เลยออกไปติดเครื่องรถเปิดฮีทเต้อร์พอให้รถอุ่นๆ ซะหน่อยก่อนที่ลูกจะเข้าไปนั่งในรถ พอเริ่มออกจากบ้าน เห็นอะไร “แปล๊บๆ” ตรงหน้ากระจก พอมองไปดู อ้าว..กระจกร้าวนี่หว่า ตั้งแต่เมื่อไหร่วะเนี่ย ทำไมเพิ่งเห็น รอยร้าวยาวประมาณ 4-5 นิ้วได้ พอขับไปอีกหน่อย รอยร้าววิ่งลิ่วๆ เลย จากนิ้วเป็นฟุต อีหนูดี “กัวน่ะแม่ กัวๆๆ” เลยปิดฮีทเต้อร์ซะหน่อย เพราะคิกว่า ความอุ่นภายในรถกับความเย็นนอกรถน่าจะเป็นสาเหตุอย่างนึง (อิฉันเป็นยอดนักวิทยาศาสตร์ค่ะ มิใช่ไสยาศาสตร์) ปิดฮีทเต้อร์ก็ไม่ใช่จะแก้ไขรอยร้าวอะไรได้หรอก เพียงแต่น่าจะทำให้รอยร้าวมันหยุดวิ่งแบบนั้นลงบ้าง พอขากลับบ้าน ก็แบบ “เปี๊ยะๆ” ต่อมาอีกซัก 2-3 นิ้ว สรุปว่า น่ากลัว เพราะไม่อยากให้มันลั่นโพล๊ะแหกแตกละเอียดเวลาขับรถไปกับลูกน้อยกลอยใจทั้งสองตัว

พอบ่ายไปรับลูก ขับรถออกไปร้านกระจกที่เคยเอาฮุนไดไปเปลี่ยนกระจกเมื่อ 2 ปีก่อน (เนื่องจากรถถูกทุบ เมื่อเกือบ 2 ปีก่อน) ปรากฏว่า หาไม่เจอ มันปิดกิจการไปแล้ว ทำไงดีวะ งงเต๊กเลย ตาหูเหลือกขับกลับเข้ามาในเมือง ชะแว๊บเห็บป้าย “ซ่อมกระจกร้าว เปลี่ยนกระจก” ก็ขับทิ่มเข้าไปในร้านมันเลย ไอ้เม๊กออกมาถามไถ่ เราก็ร่าย..นิดหน่อยแล้วก็แจ้งไปว่าอยากเปลี่ยนวินชิลด์ใหม่ ไอ้ดำเจ้าของร้านก็ออกมาจ๊ะจ๋า บอกว่าซ่อมได้นะ ยิงเจาะแล้วใช้กาวพิเศษ สะต๊อปมันไม่ให้รันไปอีก เลยถามไปว่าเท่าไหร่ คงทนอีกนานแค่ไหน มันบอกใช้ได้อีกปีนึง ไอ้บร้า... ปีเดียว ค่าซ่อม 75 เปลี่ยนใหม่ 130 บร้าป่าววะ เลยตกลงว่าจะเปลี่ยนใหม่ มันบอกวันนี้งานยุ่งให้มาพรุ่งนี้แต่เช้า ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง เออ แล้วเจอกันพรุ่งนี้

ตื่นเช้าเอาลูกไปส่งโรงเรียน แวะเอารถไปทิ้งให้ไอ้ดำ อีก๊อตขับรถไปรับกลับบ้าน วันนั้นเอารถอีก๊อตไว้ใช้ เลยต้องขับรถไปส่งปั๋วไปทำงาน พอเวลาลูกเลิกเรียน รับลูกแล้วเลยแวะไปรับรถ แล้วจะขับรถไงวะทีละ 2 คัน 55555 แผนแรก คือจะขับอีโตโยต้ากลับบ้าน เพราะคันนั้นมีเบบี้คาร์ซีท แล้วทิ้งอีฮุนได้ไว้ที่ร้านไอ้ดำ (โชคดีว่า “จิน” มันมาพักอยู่ด้วย เลยมีเบบี้ซิทเต้อร์ ไม่ต้องแบบลูกน้อยหอยสังข์ออกไปด้วย) พอถึงบ้านก็จะหอบลูกสองตัว เพื่อนหนึ่งตัว ใส่อีโตโยต้ากลับไปร้านไอ้ดำ แล้วให้ไอ้จินขับอีฮุนไดกลับบ้านให้ แต่ก็หวาดๆ เพราะจินมันไม่มี “ต้นขับขี่” 55555 แต่เอาเข้าจริงผิดแผน และไม่ยุ่งยากอย่างแผนที่วางไว้ ไอ้ดำมีลูกน้องว่างอยู่คน มันเลยให้ขับ “อีฮุน” มาส่งที่บ้าน ก็หวาดๆ อีแหละ ให้คนแปลกหน้ารู้ที่อยู่ เอาวะ ไม่มีทางเลือกมากนัก เอาให้มันเสร็จๆ ไปซะเรื่อง เลยได้ไอ้หนุ่มน้อยเม๊กขับอีฮุนมาส่งบ้าน เราก็เอาอีหนูดีไปโยนทิ้งให้น้าจินเลี้ยงอีกคน แล้วก็ขับ “อีโตต้า”ไปส่งไม้เม๊กคืนที่ร้านมัน จบข่าว อ้อสรุป ค่าเปลี่ยนกระจก ไม่ใช่ 130 ตามที่ตกลง ซ้อรี่แมม ค่านั่นด้วย ค่านี่ด้วย ฆ่าโน่นอีก รวมแล้ว 175 ย่ะ ไอ้ดำ ไอ้เวน พอเห็นล้วงเงินสดจ่าย เลยลดให้ 5 บาท

ปรากฎเรื่องไม่จบแค่นั้น วันรุงขึ้นขับรถไปซื้อกับข้าวที่เฟรสโน่ รถทำไมมันดังอื้ออึงแปลกๆ วะ จึงได้พบว่า กระจกติดตั้งไม่ดี มี “แก๊ป” เลบมีเสียงลมแทรกเสียดสี ก่อความรำคาญเป็นอย่างมากๆ ก็เลยต้องมีการเอารถไปทิ้งให้มันแก้ไขอีก เซ็งโว้ยย..... แต่คราวนี้ไปรอ เพราะมันบอก แค่ชั่วโมงเดียว เลยพากลูกกะเพื่อนเดินไปนั่งกินไชนีสบั๊ฟเฟ่ต์ แถวๆ นั้น กินกินจนเหนื่อย ไม่เคยกินบัฟเฟ็ต นานขนาดนี้ กินจนอาย กินจนอืด ครบชั่วโมงก็เบย เดินไปเอารถคืน ปากฎรถเสร็จตั้งนานแล้ว ไอ้ดำเจือกไม่โทรตาม-ตามที่ตกลงกันไว้ เราก็ร้อ....รอ..... กินๆๆๆๆๆๆ อิ่มแทบอ้วก ความผิดของไอ้ดำ 55555 จบเรื่องกระจกรถแคร๊ก ปะการะชะนี้

No comments: