Tuesday, February 16, 2010

หวาน หวาน…เป็นลม..จริงหรือปล่าว

page-505

ด้วยมีเห็นให้บ้านนอกต้องโห่เข้าเมืองกัน เพราะว่าพาสปอร์ตหมดอายุไปตั้งแต่ปีที่แล้ว ก็เลยไปทำเป็น “อีพัดปอด” ซะให้มันเสร็จๆ แต่ไอ้ที่จะไปทำนั่นอยู่แอลเอโน่น โชคดีนะที่แอลเอ เพราะ e-passport ต้องเอาหน้าสวยๆ นิ้วอ้วนๆ ไปสแกนด้วย ถ้าเค้าไม่มีกงสุลไทยที่แอลเอ ครอบครัวของอิชั้นจะทำยังไง ต้องโห่ไปดีซีโน่นเลย ตายห่า….ง่าๆๆๆๆๆ เลย โสหุ้ยการไปดีซีนี่ไปเที่ยวเมืองไทยได้เลยนะ รูปข้างบนนั่นเป็นช่วง Grapevine บน I-5 (Interstate Highway) ก็ขึ้นเขา-ลงเขา เห็นบนเขามีหิมะประปราย ถ้าเป็นเดือนก่อน ก็มีปิดถนนกันเลยแหละ เพราะเป็นฟรีเวย์เส้นสำคัญของแคลิฟฯ รถบรรทุกใช้กันหนาแน่น ทางขี้นลงก็ลาดชัน

page-504

ส่วนรูปนี้เป็นรูปผู้โดยสาร ท่านตี้กับหญิงรอม อิรอมหลับอ้าปากหวอรอดักแมงวัน 555 ไอ้ตี้ก็จ้อไปตลอดทาง ดันไปม่อยกระรอกตอนเกือบเข้าตัวแอลเอ

page-506

ส่วนรูปนี้เป็นที่โรงแรม ตื่นขึ้นมาเตรียมตัวไปทำธุระ โรงแรมนี้เป็นโรงแรมที่ไปนอนกันประจำเวลาไปแอลเอ เป็นโรงเตี๊ยมราคาย่อมเยาแถวฮอลิวู้ด (คืนละ $82.-) ปกติจะหอบหมอนผ้าห่มไปด้วย คราวนี้ดันลืม เลยเปิดฮีทเตอร์ให้อุ่นจัดๆ จะได้ไม่ต้องห่มผ้า นอนมันบนผ้าคลุมเตียงแบบนั้นเลย ครอบครัวเราจะไม่ค่อยทุ่มเรื่องโรงแรม ต้องเป็น 4 ดาว หรือ 5 ดาว เอาแค่ อยู่ย่านไม่น่ากลัว ดูสะอาดหูสะอาดตา เพราะแค่ซุกหัวนอน ตื่นมาก็ไสหัวไปไหนต่อไหนกันแล้ว เก็บตังค์ไปซื้อหาอะไรอร่อยๆ กินกันดีกว่า 555 เห็นแก่กินจริงๆ 5555

page-503

ที่ต้องไปพักใกล้ๆ ไทยทาวน์ ทุกครั้งที่ไปแอลเอก็เพราะไอ้เรื่อง “เห็นแก่กิน” นี่แหละ ไปถึงก็รีบไปฟาดซะรอบนึง ดึกๆ ออกไปหาเตี๋ยวเรือกินอีกรอบนึง ตื่นขึ้นมา เช็คเอ๊าท์เสร็จ ก็ไปหาอะไรฟาดอีกรอบนึง พอไปทำธุระที่กงสุลเสร็จก็บึี่งกลับมาหาอะไรโซ้ยให้หนักอีกรอบนึงก่อนกลับ กินอาหารไทยแถวนี้…สะใจกว่าที่ไหนๆ เพราะมันรสชาติเหมือนเมืองไทย (ไอ้เรื่องหวานนำ ยังนำอยู่ แต่ไม่แหลมปี๊ดน่าเกลียดแบบแถวๆ ที่อยู่) ก๋วยเตี๋ยวก็มีสารพัด เตี๋ยวเรือ เตี๋ยวหมู เตี๋ยวเนื้อ เตี๋ยวเป็ด ก๋วยจั๊บ เย็นตาโฟ เตี๋ยวห้อยขา-ยกขา ถ่างขา-หุบขา ฯลฯ มีโม้ดดดด….. 555 เดินเข้าร้านเค้าเหมือนจะบ้า อยากกินมันไปซะทุกอย่าง

คืนแรกที่ไปถึง กินข้าวราดแกงกันเป็นรอบแรก พอกินเสร็จก็หาบขนมขะต้ม กลับโรงแรม มาตั้งหลักกินๆๆๆๆๆๆ เพราะจะได้รู้ว่า อันไหนเริ่ด…จะได้โกยซื้อหอบกับมากินที่บ้านนอก จากรูปมันก็อร่อยทุกอย่าง ไอ้ปุยฝ้ายนั่น นุ่มนวลอร่อยเหมือนของเอสแอนด์พี อันนี้มาทุกครั้งซื้อ (หลายถุง) ทุกครั้ง ลูกผัวอิชั้นเรียกมันว่าคัลเล่อร์ฟูลคัพเค้กค่ะ 555แป้งจี่-บ้าบิ่น ก็ซื้อมาเก็บใส่ตู้เย็น จะรับทานก็เอาออกมาอุ่น.. หอม อุ่น อร่อย ทุกครั้ง มีหนมเบื้องด้วย แต่เดินฟาดกันจนหมดก่อนถึงโรงแรม ทองหยิบ-เป็นของโปรดรอมมี่มัน แพงกว่าเค้าเพื่อนมั๊ง 12 ดอก 6 เหรียญ ขนมชั้น กาละแมเขียว-ดำ ก็อร่อยมากกกกก…. เจือกซื้อมานิดเดียว ขนมถ้วยกับขนมฟักทอง..งั้นๆ ไม่ปลื้มกัน กะยาสาทร..ก็แหงะ อิก๊อตเห็นแล้วต้องซื้อ พอลองกินคำนึง ก็ไม่แตะอีกเลย อิชั้นไม่ชอบกะยาสาทรตั้งแต่เกิดเลย ก็เลยไม่ลอง ตอนนี้นิมนต์ลงขยะไปแล้ว ส่วนปาท่องโก๋ ก็ซื้อมาเก็บไว้ในตู้เย็น พอจะทานก็เอาใส่เตาติ๊ง กินกะกาแฟร้อนๆ ใช้ได้แหละ ไม่เริ่ดเหมือนสดๆ จากกระทะที่เมืองบางกอกแน่อนอน ส่วนไอ้สังขยาซื้อมากะจะจิ้มโก๋กินในรถ แหวะมากๆ แป้งล้วนๆ รสชาติใช้ไม่ได้เลย หนักแน่นเหนียว น่าเอาไปทำพวกไส้หนมปังหรือโตเกียวมากกว่า จิ้มไม่ได้เลย

page-502

อันนี้เป็นข้าวของที่ซื้อมานิดหน่อยจากร้านคนไทย เห็นน้ำปลายี่ห้อโปรดเลยซื้อมา 2 ขวด อีโน วิคส์ แล้วก็ยาดมวาเป๊กซ์ เห็นแล้วก็อดซื้อไม่ได้ คนเมืองไทยอยากได้ของเมืองนอก คนอยู่เมืองนอกอยากได้ของจากเมืองไทย 5555 ที่เจ็บใจสุดๆ ก็คือ ไอ้สาหร่าย…แงๆๆๆๆ อิรอมกับแม่ หงุดหงิดมาก เพราะซื้อมาแค่ถุงเดียว แล้วมาเปิดกินกันตอนถึงบ้านแล้ว ถ้าเปิดกินตั้งแต่ที่โน่น ก็คงจะหาบกลับมาเต็มรถ หร่อยมากกกกก….กินเพลินเลยแหละ ไอ้พวกพริกแกงก็ซื้อมาอย่างงั้นเอง ที่บ้านก็มีตุนอยู่พอสมควร แต่อิรอมเค้าอยากทำเป็ดย่าง เลยหยิบผงเป็ดย่างมาให้แม่ดู ทำกินกันนะแม่นะ เออ…ก็ได้วะ ลองดู แต่ไม่รู้เมื่อไหร่ 555 รอไปก่อนลูก

ที่จั่วหัวเรื่องหวานๆ ก็เพราะ กินขนมไทยหวานๆ แบบบานตะไท ตลอดสัปดาห์ อิก๊อตท้าให้เจาะเลือดตรวจน้ำตาล ไม่กล้าเลยค่ะ ท่านผู้ชม กลัวมิเตอร์แตก 55555 หลายวันผ่านมาเลยตรวจซะหน่อย ก็ยังไม่ค่อยดี วันก่อน 176 วันนี้ ลงมาที่ 145 แล้ว เฮ้อ….ทำยังไงดีวะ ถึงจะควบคุมได้ตามที่หมอกำชับ ตื่นนอน fasting ประมาณ 95-115 ระหว่างวัน ไม่ควรเกิน 125 นะเธอ ทำยังไงดี ช่วงนี้ไม่ได้เป็นเบาหวาน แต่กลายเป็น “หนักหวาน” 5555 จะตายมั๊ววะเนี่ย ที่ว่า “หวานเป็นลม ขมเป็นยา” เฮ้อ….. ยังไงก็ขอหวานดีๆ ไว้ก่อนดีกว่า ไม่ชอบกินยาเล้ยยยย….

สรุปว่าเป็นทริปด่วนๆ รีบไปรีบมา แต่พวกเราก็มีความสุข สนุกสนาน อิ่มหนำสำราญตามอัตภาพ ที่สำคัญที่สุด เรา 4 คนพร้อมหน้าพร้อมตา..สุขใจแหงๆ แน่นอน…. ส่วนพาสปอร์ตก็รอกันต่อไป เพราะเจ้าหน้าที่บอกว่าประมาณ 4-6 สัปดาห์ นี่ก็ผ่านไป 10 วันแระ รอกันอย่างใจจดจ่อต่อไป….

Shared joy is a double joy;

shared sorrow is half a sorrow.

StrawberryMama-02

No comments: