Thursday, December 22, 2011

Christmas Dinner

ตลอด 4-5 เดือนที่ผ่านมาครอบครัวเรามีเรื่องยุ่งๆ ต้องทำเยอะแยะ เรื่องเครียดๆ ทั้งนั้น โปรเจ็คซื้อบ้านก็ยังทำให้รู้สึกตุ๊มๆ ต่อมๆ อยู่ ก็เลยคุยๆ กันไว้ว่าคริสต์มาสปีนี้ลูกๆ คงจะไม่มีของขวัญชิ้นใหญ่ๆ เพราะครอบครัวถังแตกมานาน 5555 และจะไม่ทำกับข้าวเยอะแยะสำหรับคริสต์มาสดินเน่อร์ ขออยู่แบบ super low key lifestyle ตามปกติ 555 เพราะทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว 555 แต่บังเอิ๊นนนน บังเอิญ ที่พ่อบ้านจับได้บัตรของขวัญทานอาหารมา จากงานเลี้ยงของบริษัท ก็เลยทำให้เราได้มีโอกาส DRESS UP & DINE OUT with the kids for our Christmas Dinner! แต่ๆๆๆๆๆ แต่ มันมีปัญหาตามมา เพราะไอ้ร้านที่ได้บัตรมา ราคาอาหารโคตรแพง แล้วได้บัตรมาแค่ร้อยเดียว จะพอทำยาอะไร เลยต้องไปซื้อบัตรมาเพิ่มอีก 100 นึง พอซื้อที่ Costco ก็ได้ลดราคานิดนึง คือ จ่ายไป $75 ได้บัตรมามูลค่า $100 สรุปเรามีงบ $200.- สำหรับมื้อค่ำคืนนั้น

Screenf2

เป็นว่าครอบครัวเราจะไปดินเน่อร์ที่ร้าน Fleming's Prime Steakhouse & Wine Bar และจะเป็น (early) Christmas Dinner ไปซะเลยให้เสร็จๆ เด็กๆ ไม่ได้ไป เดรสอัพดินเน่อร์กันบ่อยๆ แม้แต่พ่อแม่เองก็เหอะ มีโอกาสปีละไม่กีครั้ง…เหมียนกัลลลลล์ 555 ไอ้เดรสอัพ เดรสดาวน์ ไม่ใช่ปัญหา เพราะเราแต่งตัวหล่อสวยตามมีตามเกิดเป็นปกติอยู่แล้ว 555 แต่เนื่องจากร้านเชี่ยเนี่ย ราคาค่อนข้างแพง แต่ได้กิ๊ฟการ์ดมา ก็ไปสนองซะ เพราะฉะนั้นมันจะเป็น one time deal คือ ไม่ต้องกลับไปอีกแล้ว เราต้องกินให้หมด $200.- ไปเลย เริ่มจากเข้าไปเว๊บของร้าน ทำจอง บอกเค้าไปว่าวัน เวลา ที่เราจะไป มีกี่คน และเรามีเด็กๆ เลย prefer booth วันรุ่งขึ้นก็ได้ confirmation email ตานี้ก็มาถึงเลือกอาหารเพื่อผลาญให้ครบ $200.- ให้หมดงบที่มีอยู่ 5555 (รูปขวาข้างบนเป็นอีเมล์แต๊งกิ้วที่เค้าส่งมาให้ ขอบคุณที่ใช้บริการ กลับมาถึงบ้านเช็คเมล์ก็เจอเลย ยังย่อยไม่หมด 5555 ด่วนจริงๆ 555)

IMG_6493-s

ตอนเลือกอาหาร ก็ถามลูกๆ ว่าอยากกินอะไร รอมมี่ก็บอกว่าอยากกินสเต๊กกับ lobster tail พอดูราคาสเต๊ก ก็โอเคนะ แพงหน่อย แต่มันเห็นๆ ไง พอมาไอ้ล๊อบสเต้อร์ ..ดันเป็น market price ก็เลยบอกลูกไปว่า ไม่ให้สั่ง เพราะแม่ไม่ชอบ เซอร์ไพร้ส์ 555 พ่อก็กลัวลูกเสียใจ บอกว่าวันหลังพาไปกินที่คาสิโน หรือ Red Lobster ดีกว่า อร่อย และราคาไม่เกินเหตุ ก็เลือกโน่นนี่กัน คำนวนภาษี ทิป เสร็จสรรพ ตั้งใจว่ากินให้ครบไปเลย เกินนิดหน่อยก็ช่างมัน แล้วค่อยทิปเป็นเงินสด $30-40 หรือจะยังไงก็ค่อยว่ากัน

page-771

พอวันนั้นไปถึง ร้านเค้าก็สวยงามดี บริกรสาวที่พาไปส่งโต๊ะถามเลยว่า napkin สีขาวที่วางๆ อยู่ที่โต๊ะโอเคหรือปล่าว อยากเปลี่ยนเป็นสีดำมั๊ย 5555 ขาวสิวะ จะได้เห็นว่าสะอาด จากนั้นก็มีบริกรหนุ่มอีกคนมาถามเครื่องดื่ม พร้อมกับเสริฟ sour dough bread และเครื่องจิ้มเป็นการเรียกน้ำย่อย อิชั้นไม่ชอบหนมปังเปรี้ยวแถมอบมาค่อนข้างกรอบ แม่กับไอ้ตี้เลยขอบาย แต่สั่ง POM-tini (แก้วนี้ $9.95 ค่ะ) เอามาดวดย้อมใจ ฮิฮิ ส่วนพ่อบ้านกับรอมมี่อร่อบหนมปังกับเครื่องจิ้มกันใหญ่ รอมมี่ชอบพามาชาน dip สีส้มๆ พ่อชอบ tredition dip ขาวๆ แล้วก็มีไอ้คนที่จะ wait โต๊ะเรามารายงานตัว ชื่อบักไมเคิ่ล ก็ถึงเวลาแม่อู๋จะบรรเลงสั่งอาหารที่ทำลิสต์ไว้ เริ่มจาก สลัดให้พ่อบ้านก่อนเลย อีตาคนนี้ต้องกินสลัดผักก่อนเสมอ สลัดที่ไม่มีอะไรแปลกประหลาดจานนี้ราคา $7.95 ค่ะ

page-772

ต่อมาก็สั่ง Lobster Tempura ($22.50) เสริฟมากับสลัดหวานๆ เผ็ดๆ ประกอบด้วย ใบ arugula, jicama (มันแกว) และ แอ๊ปเปิ้ล แต่ให้มาแค่ขยุมนึง อิชั้นชอบสลัดอันนี้ อร่อยดี ไม่ได้ลองล๊อบสเต้อร์ เพราะลูกๆ ชอบ ก็เลยไม่อยากแย่ง ซ้อสที่ให้มา ไม่อร่อย ทีแรกนึกว่า ฮันนี่มัสตาร์ด แต่ไม่ใช่ อะไรก็ไม่รู้เค็มมาก…. จากนั้นก็สั่ง Jumbo Lump Crab Cakes ($15.95) ซึ่งโปะมาบน roasted red pepper and lime butter sauce จานนี้เฉยๆ ไม่ประทับใจ ทั้งซ้อสและเค้กปู ค่อนข้างเค็ม อีก 2 จานที่เห็นจากรูปข้างบนเป็น side dishes จานแรกเป็น Grilled High Country Asparagus ($8.95) รสชาติปกติธรรมดา จานนี้ก๊อตตี้เหมาเกือบหมดจาน พ่อแม่จะจิ้มมากินซะหน่อย ไม่ค่อยกล้า เกรงใจลูก ส่วนอีกจานเป็น Fliming’s Potatoes ($ 8.95) เป็น house specialty ของเค้า ถม scalloped potatoes มาด้วย cream, jalapeños and cheddar cheese แล้วอบ จานนี้ก็เฉยๆ ไม่เด่นล้ำอะไร ลูกๆ ไม่สน พ่อแม่ก็ทนๆ กินแกล้มกับ main dishes (ข้างล่าง) ไปซะให้หมดๆ

page-773

วันนั้นเราสั่ง main dishes มาแค่ 2 จาน จริงๆ อยากสั่ง 3 แต่พอถามรอมมี่ (ปกติจะเป็นคนกินเยอะกว่าเพื่อน และ เป็น meat eater ด้วย) ลูกก็สั่นหัวอยู่นั่น ก็เลยต้องเปลี่ยนจากที่ตั้งใจจะสั่ง Main Filet Mignon มาเป็น Bone-in New York Steak ($45.50) เพราะฟิเลมิยองแค่ 12 oz. (ซึ่งถ้ากินคนเดียวก็ไม่หมด แต่ถ้าต้องแบ่งกับลูก ก็จะไม่อิ่มทั้ง 2 คน 555) ส่วนนิวยอร์คใหญ่กว่า หนัก 20 oz. แบ่งกับรอมมี่ได้สบายๆ แพงกว่านิดหน่อย เริ่มจากเค้าเอาจานเปล่าๆ สปริงเกิ้ลผักเขียวฝอยๆ มา 555 แต่ในรูปพ่อบ้านแบ่งปลาโซลใส่จานลูกไปนิดนึง ส่วนพ่อบ้านสั่ง Alaskan Rock Petrale Sole ($29.50) เสริฟมากับ crab beignets, lemon butter sauce จานนี้ถือว่าโอเคนะคะ ไอ้เจ้า crab beignets บางร้านเรียกว่า hush puppies ที่มากับจานนี้ทำจากเนื้อปู ถ้าลดเกลือนิดนึงก็จะอร่อยมากกกกกก….. ส่วนซ้อสเฉยๆ เอ…นี่อิชั้นกลายเป็น Food Critic หรือ Restaurant Critic ไปแล้ว 5555 จะเห็นว่า main dish ไม่มีเครื่องแกล้ม เครื่องเคียงใดๆ ประหนึ่งว่าเป็นร้านหรูไฮโซ เนื้อก็มาเปล่าๆ เปลือยๆ side dishes ก็มีให้เลือกไม่เยอะแยะมากมาย ราคาก็ประมาณ จานละ $8 to $10 ที่สั่งมา 2 อย่างมันฝรั่งกับแอสพารากัส ถ้าทานกันผู้ใหญ่เลย 2 side dishes น่าจะพอสำหรับ 3 คนค่ะ สเต๊กวันนั้น เนื้อนุ่มดี อย่างที่ฝรั่งเปรียบเปรยว่าสเต๊กชั้นเลิศ จะต้อง melt in your mount บร้าาาา… เนื้อชนิดไหนในโลกละลายในปากวะ ไม่ใช่ท๊อฟฟี่ ช็อคโกแล๊ต หรือไอติมนี่เน๊าะ 5555 แต่ต้องบอกสเต๊กวันนั้น ปรุงมาพอดี๊พอดี (สั่งไปมีเดี่ยม เพราะรอมมี่ชอบเนื้อออกชมพูและเลือดซึม 555 โหดมากลูกช้านนน… คือ Medium Rare แต่แม่ขอแค่ชมพูจัดๆ ก็พอค่ะ) อยากจะพูดว่า เกือบเกือบค่ะ แค่เกือบ…จะละลายในปาก เนื้อนุ่มอย่างที่เค้าเลื่องลือ เสียอย่างเดียว เค็มมากกกกกก…. เสียของหมดเลย ขนาดรอมมี่เป็น carnivore ตัวแม่ ก็ใช้เวลาตั้งนานกว่าจะกินหมด

page-774

พอจัดการอาหาร บักไมเคิ้ลก็เอาถาดยักษ์ที่เต็มไปด้วยขนมหวาน เค้ก เครมบูเลต์ ลาว่าเค้ก ฯลฯ มาให้เด็กๆ เลือกดู ลูกๆ ของอิชั้นพร้อมกันชี้ไปที่ถ้วยผลไม้สดทันที เด็กๆ ชอบสตรอเบอรี่ บลูเบอรี่มาก ต่อให้เค้กที่หน้าตาดีทั้งหลายอยู่ตรงหน้า ก็ไม่มีอะไรชนะผลไม้โปรดไปได้หรอกค่ะ รอมมี่ก็สั่ง Fresh Berries & Chantilly Cream ($9.50) ไปอย่างรวดเร็ว ซักพักเค้าก็เอามาเสริฟ หน้าตาธรรมดามากๆ มาพร้อมกับครีมแชนทิลลี่ (วิปครีมปั่นสด-รสวานิลา) ครีมเนื้อหนักแน่นดีค่ะ ไม่ได้โปร่งเบาแบบวิปคริมกระป๋องที่กินกันเป็นประจำ ลูกๆ ชอบมาก แป๊บเดียวหมดเกลี้ยง หลังจากเค้ามาเก็บโต๊ะเรียบร้อยเหลือแต่น้ำดื่ม คราวนี้ก็รอบิล แม่อู๋ชู 3 นิ้ว 5555 ให้คะแนนแค่ 3 ดาวค่ะ อาหารโดยรวมถือว่า….แค่…โอเค เท่านั้น เค็มหนักไปซะเกือบทุกจาน สถานที่และบริการถือว่า หรูหราสะอาดดี เด็กเสริฟฉับไว น้ำไม่ให้พร่อง rush over to refill your water after each sip เลยทีเดียว ราคาแพงเกินคุณภาพอาหารและบริการ so…so…overprices ถ้าเทียบกับอาหารและบริการกับร้านประจำของเรา อาหารประมาณ (ปริมาณ จำนวนจาน) นี้ บริการเรียกได้ว่าสูสี รสชาติและคุณภาพของอาหาร..สูสีไปจนถึงดีกว่า เพราะไม่มีอะไรเค็มโดดเด่นทารุณแบบร้านนี้ และเมนูมีรายการอาหารให้เลือกเยอะกว่าหลายเท่า แต่สถานที่ร้านโปรดที่ว่า…สู้เฟรมมิ่งส์ไม่ได้ ซึ่งมันก็เป็นสิ่งที่แหลกม่ายล่ายเน๊าะ 555 ขอให้ดูสะอาดหูสะอาดตาก็พอแล้ว สรุปว่าถ้าเป็นร้านนั้นน่าจะต้องจ่ายประมาณ $60-70 รวมทิปก็ 100 นึงสบายๆ แต่บิลวันนั้นผิดคาด $170.92 ฮ่วย.. คำนวนผิด รู้งี้ สั่งมาร์ทินี่น้ำทับทิมมาโซ้ยอีกซัก 2-3 แก้ว ดั๊นเหลือเงินมาในบัตรอีก $29.08 แล้วเค้าให้กิ๊ฟการ์ดมาอีก $25.- ว่าจะเป็น one time deal แล้ว สงสัยอิชั้นต้องแอบไป ลั้๊นเชี่ยนคนเดียวเสียแล้ว 5555

page-775

พอออกมาหน้าร้านลูกๆ อยากถ่ายรูปตรงน้ำพุ แต่ดันนั่งหันหลังให้ร้านชีสเค้กแฟคตอรี่ 555 รูปเลยออกมาแบบนั้น ไม่เดินไปนั่งหันหลังให้ร้านที่กิน 555 จากนั้นก็เดินหนีหนาวเข้าไปในมอลล์กันนิดนึง รอมมี่กับแม่ไปวินโด้ว์ช้อปปิ้งหลายร้าน ถ่ายรูปลองแว่นตลกๆ กันหลายรูป พ่อพาก๊อตตี้ไปซื้อเพร็ตเซลเจ้าประจำ (ไม่ใช่แอ้นตี้แอนน์นะคะ ร้าน local อร่อยมากกว่าเยอะเลย) ขาจะออกมาแวะซื้อช๊อคโกแล๊ตเจ้าโปรดของแม่มา 1 ปอนด์ (See’s) แล้วก็เค้ก ทีรามิสุ เจ้าประจำอีก 1 ก้อน จากนั้นก็ฝ่าหนาวมาเอารถ บึ่งกลับบ้าน นอนอ้วนดูทีวีกัน จบไปอีกหนึ่งวันดีๆ สำหรับครอบครัวของเราค่ะ

Forecast

ดู forecast แล้วก็รู้สึกดีหน่อย ตลอดเดือนที่ผ่านมาอากศเย็นขนาดติดลบทุกคืนเลยค่ะ ปีนี้แถวนี้หนาวผิดปกติค่ะ เพราะแถวๆ นี้ปกติปีนึงอากาศติดลบไม่กี่คืนหรอกค่ะ แต่ก็ดีอีกอย่างนึงค่ะ ปีนี้ไม่มีหมอกหนามหาภัยมากนัก เจออยู่ไม่กี่ครั้งเท่านั้น แต่ใครจะไปรู้ หมอกผีอาจกลับมาอีกก็ได้ ช่วงมกรา-กุมภา จะอะไร อย่างไร ก็แล้วแต่ ชีวิตต้องดำเนินต่อไปค่ะ

xmas-merry-christmas

May the Blessings of Christmas be with you

today and always.

1 comment:

Jingjung said...

เฮ้ยมรึง ลดความอ้วนเถอะ มันเริ่มมองไม่ให้ภาพสาวออฟฟิศ แต่งตัวเนี๊ยบ เดินใส่ส้นสูง ขายาว ๆ แล้วนะ
สุขสันต์ปีใหม่นะ ขอให้ถูกล็อตโต้ ที่นี่สักที