Sunday, April 27, 2008

วิชาภาษาและวัฒนธรรม

วันนี้มีเรื่องขำอุบาทว์ๆ มาเล่า 55555 ขำเองก่อนเลย ต้องออกตัวก่อนว่าดูเหมือนว่าถ่อยๆ ถุนๆ ไปหน่อย โปรดให้อภัย เพราะมันเป็นอะไรที่แก้ไขไม่ได้เสียแล้ว เรื่องที่จะกล่าวถึงก็คือ คุณก๊อตสุดที่ร๊ากกกก..... คือแกเป็นคนพูดไม่เพราะเอาซะเลย จะพาไปหาหมอผ่าเอาหมาบ้าออกจากปากก็คงไม่ดีอะไรขึ้นมา เพราะแกเลี้ยงไว้ในปากเป็นฝูง แรกๆ มาอยู่เป็นผัวเป็นเมียกันก็ทำให้ตะลึงพรึงเพริดเป็นการใหญ่มาแล้ว เพราะตอนเป็นแฟนกันไม่เคยได้ยินแบบพูดคำสบถอีกสามคำ ออกจะน่ารักน่าเอ็นดูสุภาพระดับพอดีๆ ส่วนเราก็เป็นสุภาพสตรีไทยรู้กาละเทศะ มีเหมือนกันที่ต้องเถื่อนๆ แบบไทยๆ ถุลบ้างกับบางคนเพื่อความมันส์เท่านั้น 555555 จริงๆ นะเฟ้ย.....

เข้าเรื่องเลย เมื่อมาอยู่ที่นี่ จ้า... ที่นี่ที่ไม่ใช่เมืองไทยน่ะ บ้านนี้เมืองนี้ ใช้สแลงมาก การพูดคำสบถคำดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติ คงพอเห็นตัวอย่างกันบ้างจากในหนังฮอลิวู้ด แต่ก็ไม่ได้เหมาว่าคนที่นี่จะเถื่อน-ถุย-ถุนแบบนั้นไปซะหมด มันก็มีแหละนะ-คนที่เค้าสุภาพเรียบร้อย พูดจาเพราะไพเราะอ่อนหวาน มีมารยาทงดงาม จะตดก็ขอโทษ แล้ววิ่งหนีไปตดที่อื่น 55555 แล้วก็พูดไม่ได้ด้วยว่าระดับการศึกษาทำให้คนเป็นคนมีมารยาทดีเลวต่างกัน บางคนมีปริญญาด๊อกเต้อร์ 3-4 ใบ พูดคำแล้วก็สำรากตามออกมาที 3-4 คำ ก็เคยเห็น บางคนต่ำต้อยด้อยค่าไร้การศึกษา ....แหม้..... ช่างวาจางาม อุปนิสัยเป็นเลิศ ส่วนพี่ก๊อตของอิชั้นแกเข้าแก๊บไปซะหลายเรื่องทีเดียวเชียว เกิดมาจน เรียนคอลเลจไม่จบ โตมาในบ้านแตก ทำงานโรงงานมาตลอด คือบลูคอลล่าร์ตัวจริงเสียงจริง แถมเรดเน๊คของแท้อีกตะหาก แค่พอสังเขปเน๊าะ ไม่อยากสาวไส้ให้กากินเยอะๆ เอาแค่พอให้กา 2-3 ตัว อิ่มเน๊าะ คือแกพูดไม่เพราะเอาซะเลย มาใหม่ๆ ก็ทำให้มีน้ำหูน้ำตาอยู่บ่อยๆ พอเค้า เชี๊ยต ชิต ฟ๊ากกกก.... แดมน์ ฯลฯ อื่นๆ อีกมากมาย เราก็เริ่มเลย โมโห อึงด่าอูเหรอ อีก๊อตก็งงแบบ อะไรของมันอีกฟะ เป็นว่าขัดข้องเคืองใจกันอยู่นานเชียว บางทีเราก็งอนตะบักตะบวยเป็นวันๆ อีก๊อตออกไปทำงาน เราก็ซัดประตูเปรี้ยง งอนง่อกๆๆๆๆๆ อยู่คนเดียวที่บ้าน โอ้ย...งอนอยู่นานเหนื่อยโว้ย เลิกดีกว่า พออีก๊อตกลับมาก็ดันเจือกลืมงอนต่อ หรือบางทีที่ไม่ลืมก็รีบงอนง่อกๆๆๆๆๆ ต่อ อีก๊อตก็งง... มันเป็นไรของมันฟะ จะพูดด้วยก็กลัวมันอาละวาด เป็นวงเวียนกรรมเช่นนั้นอยู่นานเชียว จนกระทั่งถึงจุดเดือด ก็เลยพูดไปว่า อึงเลิกพูดแบบนั้นกะอูนะ อูไม่ชอบ ห้ามพูดที่บ้านด้วย เดี๋ยวลูกเอาเป็นตัวอย่าง เออ แล้วในรถด้วย ลูกจะได้ยิน ถ้าพูดแบบนั้นกับอูอีก เลิกกัน มันก็เดือดเลย อีบร้า..... มาท้าเลิก 55555 ตัวพี่ก๊อตนั้นมิเคยพูดคำน้อยให้น้องอู๋ระคายเคืองหรือเสียใจ ที่พูดคำเห่าคำนั้นไม่ได้มีคำไหนที่เจตนาโยนมาที่น้องอู๋เลย คือมันห้ามไม่ได้จ้า เผลอตัวไปนิด เคยตัวเวลาคุยกะเพื่อนถุนๆ ที่โรงงาน ต่อไปนี้พี่จะระวังปากระวังคำจ้า 555555
สรุปว่าก็ไม่ค่อยได้ยินคำพิเศษแบบนั้นอยู่พักใหญ่ๆ มีเหมือนกันที่แบบเวลาพี่ก๊อตดูโทรทัศน์ อ่านหนังสือ หรือท่องอินเตอร์เน็ท หลุดมาให้ได้ยินอยู่เป็นระยะ เราก็ไม่ว่าอะไร ถ้าลูกอยู่แถวๆ นั้นก็ทำตาเหลือกใส่นิดหน่อย พอให้ อุ๊ย....ซอรี่น้า.... แต่เวลาขับรถนี่สิ โห....อย่าให้เซด มันพรั่งพรูออกมาแบบ ... น่าโมโหที่สุด ก็พอเห็นแหละว่าแกพยายาม “อม” เอาไว้บ่อยๆ ไม่ให้หลุดออกมา แต่หมาบางตัวมันก็ทะลึ่งจริงๆ กระโดดพรวดออกมาไม่เกรงใจใคร จนอยู่มาวันหนึ่ง ไปไหนกันไม่รู้-จำไม่ได้น่ะ พี่แกก็ขับรถไป ฟึดฟัดไป ออกอาการโมโหโกธาเพื่อนร่วมถนนตามปกติ พอดีแกคงลืมกลั้นไว้มั๊งหลุดออกมาหน่อยนึงว่า “....Mother!!! ....Oops!!!.....” แล้วก็หันมาจ้องหน้ากันแบบเงียบๆ แต่อีหนูดี (สามขวบ ณ ตอนนั้น) นั่งกร่างอยู่ในคาร์ซีทด้านหลัง โพล่งมาเสียงดังอยากภาคภูมิใจว่า “ม้า-เต้อ-ฟ๊าก-เก้อ...Daddy, you gotta finish it!!! เราก็หันไปเหล่ผัวแบบซ้ำเติมนิดนึง “You must be very proud!…huh!”
ต่อๆๆๆๆ พออีหนูดีไปพรีสคูล คือประมาณ 4 ขวบ ก็เป็นอะไรที่แม่กลุ๊ม...กลุ้มใจค่ะ กลัวมันไปพูดม๋าๆ ที่โรงเรียน จะแย๊บถามครูก็กลัวเค้ารังเกียจ ดูถูก และกากะบาทหัวลูกเราไว้ (คือทั้งแม่และลูกต้อง represent Thailand very well ค่ะ) ก็เลยเงียบๆ ไว้ ก็พร่ำสอนแหละว่าห้ามพูดแบบนั้นนะ เป็นเด็กต้องพูดเพราะๆ และทำตัวดีๆ มันก็สวนมาว่าๆ “why why why? Do I have to wait until I’m an adult?” ก็บอก โนๆๆๆๆ ถึงเป็นผู้ใหญ่ก็ห้ามพูด มันยิงสวนมาอีก “Or….wait until after I get married?” แม่เลยบอกไป เออ!!!! ก็ได้วะ จากนั้นไม่นานมันไปเห็นบักร๊อบบี้ (หลานชายลุงก๊อต 5 ปีแก่กว่าอีหนูดี ตอนนั้นก็ 9 ขวบแหละ มันแย่จริงๆ มันด่า ตา ยาย แม่ น้า คือคนร่วมบ้านมันน่ะ) ตะโกนด่าตากับแม่ของมัน “ฟ๊ากกกกก...ยู” แถมยกนิ้วกลางให้พวกนั้นด้วย เราก็อึ้งเลย คือตกใจจริงๆ ไม่เคยเห็นอะไรแบบนั้น ก็เดินหนีไปเลย อีก๊อตกะจะเข้าไปจัดการแต่ช้ากว่าหนูดีค่ะ มันสาดไปเลย “You can’t talk like that! ‘Cuz you’re not a grown-up & you’re not married yet!” พ่อมันก็แบบหันขวับมาที่เราแล้วก็ฮากันโย้กหย่าย 555555 ลูกแม่อู๋ 555555
 

แต่จริงๆ แล้วไม่มีอะไรให้น่ากังวลใจเรื่องเรื่องคำหยาบกับหนูดีหรอก เพราะลูกรู้ดีว่า มันพูดแบบนั้นไม่ได้ ไม่ว่าที่ไหนๆ หรือกับใครๆ เพราะแม่จะเอามันถึงตาย ไม่เป็นเพราะมันเป็นแคธอลิคสคูลเกิร์ลหรอก มันดีเพราะมีแม่ดุตะหาก หรือแม้แต่อีพ่อมันซึ่งเป็นคนพูดไม่เพราะเอง ก็คงลุยมันเละแน่ๆ ถ้ามันพูดไม่เพราะ (ตูพูดได้คนเดียว เพราะแก่แล้ว และแต่งงานแล้ว 555) แต่ไอ้พูดกะแนะกะแหนกับนิสัยแสนงอนเนี่ย แก้ไม่ได้จริงๆ เซ็งเลยพูดเรื่องนี้ ตัวพี่ก๊อตเองก็เถอะ ถึงจะพูดจาไม่ไพเราะหูเป็นบางครั้ง จริงๆ แล้วเป็นคนอ่อนโยน มีน้ำใจ คือเป็นคนดีมากๆ คนนึง ไอ้โรคปากคุณสุ-คงแก้ไขไม่ได้ เพราะเกิดมาแบบนั้นคงต้องเป็นแบบนี้ไปจนวันตาย พอเราเริ่มเข้าใจ พยายามมองข้ามไป ทำใจให้ยอมรับ (ยากเหมือนกันนะ) ก็เลยไม่เอามาเป็นปัญหาใหญ่ แต่ก็ยังต้องด่าต้องปามไว้ตลอด เพราะตอนนี้มีเบบี้บอย-ไอ้ก๊อตตี้ น่าห่วงเน้อ...... ลืมบอกไป พี่ก๊อตเนี่ย ปากหมาบ้าบอเฉพาะกับอิชั้นและที่บ้านเท่านั้น ที่ทำงานไม่ซาบได้ เพราะไม่ได้ไปทำงานด้วย แต่เวลาไปไหนๆ เจอเพื่อนฝูง ไม่มีหลุดจ้าไม่มีหลุด แถมไม่น่าเรียกว่า “ไอ้ก๊อต” เลยแหละ น่าเรียก “อีติ๋ม” มากกว่า เพราะขี้อายสุดๆ ที่แกเถื่อนๆ ที่บ้านนั้น มีข้อแก้ตัวว่า แกไม่ได้ว่าใคร แกเลิ้บของแกมาก แต่คือมัน เอ่อ.. อ่า... I’m happy…& too relax & too comfortable ไปนิดนึง เลยเผลอตัวไปหน่อยจ้า.... 555 จริงๆ เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้ฟาดฟันกันเรื่องนี้เท่าไหร่ เพราะใช้วิธี หนามยอกเอาหนามบ่งจ้า

ตัวอย่างล่าสุด สดๆ เกือบลืมเล่า เกี่ยวกับ ครอบครัวผีบ้าของเรา 5555 เมื่อคืนวานดูหนัง “The Abyss” กัน มีอยู่ตอนไอ้พระเอกไปแอบๆ อยู่ อีก็อตก็เป็นห่วง พ่นออกมาว่า “Where is that dumb-fuck? อีแม่อู๋กับหนูดีลูกรักก็หันไปที่แด้ดดี้พร้อมกัน โดยมิได้นัดหมายและพร้อมกับชี้นิ้วไปที่พ่อมัน แล้วพูดพร้อมกันว่า “He’s here” 555555 ก๊ากกกกก.... กันสนั่นหวั่นไหวเลย 555555 แม่ลูกไม่ได้พูดคำหยาบซักกะติ๊ดดดด... แต่อีพ่อก็หน้าหุบโมโหตุ๊ยตุ่ยไปเลย สมน้ำหน้า 55555 หนามยอกก็ต้องเอาหนามบ่งค่ะ

 

TheIngles-02

No comments: