Thursday, May 22, 2008

โรงเรียนของลูก

เสร็จเรื่องเสร็จราวซะที เป็นอันสรุปได้ว่าอีหนูดีต้องอำลาจากโรงเรียนแม่ชีเมื่อจบ ป. 4 เพราะอะไรๆ ก็เจริญ “ฮวบๆ” ตลอดมา ไม่ว่าเรื่องผลการเรียน โดยเฉพาะ นิสัย-ใจคอ และการพูดการจา กริยามารยาท ไม่สมกับที่ส่งไปเรียนโรงเรียนแคธอลิคแต่อย่างใด ลูกกลายเป็นแม่แสนงอน พูดจาไม่เหมือนเด็ก เรียกว่ากระแดะสูดปรี๊ดดดด…. เพื่อนๆ ก็คุกคามพูดจารุนแรงกันอย่างไม่น่าเชื่อ ครูบาอาจารย์บางคนก็เหลือรับ ไปดูตรงนี้ค่ะ http://oohsworld.blogspot.com/2008/03/blog-post_11.html บิดาก็ได้แจ้งให้ทราบว่า ไม่คุ้มกับเงินที่ต้องจ่าย ฆ่าโน่น ฆ่านี่ ฆ่าติวอิชั่น ฆ่าสารพัด ฯลฯ รวมแล้วเสียไปปีละเกือบ 6 พัน ลูกใคร-ใครก็รัก การที่ลูกเราสุขภาพจิตและสติปัญญาเจริญลง เราก็ไม่น่าจะต้องเสียตังค์ค่าธรรมเนียมใดๆ หรือจ้างใครๆ เพื่อการนั้นเลย อิชั้นก็ “เห็นควรด้วย” อย่างมากเลยฆ่า..ค่า..ข้า..... โรงเรียนที่เราคิดว่าดีที่สุดสำหรับลูก ถูกแพงก็ต้องสู้กันไป
 
จากนั้นคุณพ่อคุณแม่ก็ไปตะเวนหาโรงเรียนให้ลูกน้อยแสนรัก มีทั้งหมด 4 โรงเรียนที่อยู่ในลิสต์ของเรา คือ




1) โรงเรียนดั้งเดิม ดิ๊กซี่แลนด์ Dixieland ลูกเคยเรียนตอนอนุบาลกับ ป. 1 โรงเรียนนี้มีถึง ป. 8 อยู่ในเขตที่บ้านเราตั้งอยู่ มีรถบัสรับ-ส่ง จ่ายแต่ค่าอาหารกลางวัน มีอ๊าฟเต้อร์สคูล ถ้าหากเลือกจอยโปรแกรมหลังเลิกเรียน อีแม่ต้องขับรถไปรับลูกเอง (ฝ่าทุ่งและสวนผลไม้ไป 11 ไมล์) ทุกๆ 5-6 โมงเย็น ลืมๆ โรงเรียนนี้ได้รับรางวัลสารพัด เรื่องดีๆ แหละ และเด็กๆ จะ “ติดดิน” ซึ่งน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะครูจะเฮี้ยบ…ดุมาก โน๊โหน่ เรื่อง  sassy ต่างๆ และ อ๊อพชั่นทั้งหลายๆ not allow นะคะ อย่างพวกลิปมัน มือถือ อะไรเงี๊ยะ 


2) โฮหวาด Howard มีถึง ป. 8 อยู่นอกเขต ในทุ่งในสวนเหมือนดิ๊กซี่แลนด์ (แต่อีกด้านของเมือง) ลูกๆ จะได้มีเพื่อนร่วมชั้น “โลโซ” หน่อยๆ เหมือนกัน แต่อันนี้ต้องไปรับส่งเองเพราะเราอยู่นอกเขต ก็ประมาณ 14-15 ไมล์ได้) เป็นพับลิคสคูล ค่าเล่าเรียน หนังสือหนังหาฟรี เสียแต่ค่าอาหารกลางวัน พอไปติดต่อ อีคุณเจ้าหน้าที่ แบบๆ ไม่รู้จ้า อีคนที่รู้ไปแหล่กข้าวจ้า ติดต่อมาใหม่ต้นสิงหานะ อะไรกันฟะ แหลกข้าวตอนบ่ายสาม โมโห โมโห และแหวะมากๆ ไม่ประทับใจ ตัดไปได้เลย


3) นิชิโมโต้ Nishimoto มีถึงแค่ ป.6 เป็นโรงเรียนเก่ง เด่น ดัง ใหม่เอี่ยมในเมือง คหบดีชาวยุ่นยกที่ทางให้เคาน์ตี้สร้างโรงเรียน เลยตั้งชื่อให้เกียรติท่านซะหน่อย โรงเรียนนี้อยู่ประมาณ 3-4 ไมล์จากบ้าน อันนี้ต้องไปรับส่งเองตลอดเช่นกันเพราะเราอยู่นอกเขต เป็นพับลิคสคูล ค่าเล่าเรียน หนังสือหนังหาฟรี เสียแต่ค่าอาหารกลางวันเหมือนกัน ติดอยู่ที่พอจบ ป.6 ต้องย้ายไปมิดเดิ้ลสคูลอีก 2 ปี ก่อนไปต่อไฮสคูล ไม่เหมือนที่จบ ป.8 แล้วต่อไฮสคูลเลย พ่อแม่ก็จ้องหน้ากัน อันนี้ตัดออกจากลิสต์ด้วยเหมือนกัน

4) เชอร์แมน ธอมัส Sherman Thomas เป็นชาร์เตอร์สคูล Charter School ต่างจากพับลิคสคูลตรงเงินที่นำมาใช้เป็นภาษีท้องถิ่น(ซักประเภทนึงแหละ) บุคลากรเป็นแบบกึ่งอาสาสมัคร ไม่ค่อยแน่ใจนักในรายละเอียดไม่อยากพูดเยอะกลัวผิด 5555 และแผนการเรียนการสอนเอกเทศน์ไม่ขึ้นกับใคร (มั๊ง) ค่าเล่าเรียนฟรี หรือ เสียนิดหน่อย (none to minimal) อาหารกลางวันต้องนำไปเอง รับส่งลูกเอง แต่ต้องรอคิว waiting list ยาวมากๆ เคยไปต่อคิวให้อีตัวแสบนี่แหละ แต่เค้าตอบรับช้าไปหน่อย ซึ่งตอนนั้นโรงเรียนแม่ชีตอบรับเอามันเข้าแล้ว เราไปเสียฆ่าทงฆ่าเทอมเรียบร้อยแล้ว ก็เลยสละสิทธิ์ให้ลูกคนอื่นได้เข้าไป คราวนี้ก็กะว่าจะลองอีก เผื่อได้ แต่หลังจากไปแวะที่ดิ๊กซี่แลนด์ก่อน ก็เลยต้องตัดไอ้ชาร์เต้อสคูลนี้ออกไปซะ ง่ายดี ไม่ต้องมารอลุ้นอีก เดี๋ยวเล่าให้ฟัง

วันที่ไปดิ๊กซี่แลนด์ (หลังจากไปหมดอารมณ์มาจากโฮหวาดแล้ว) ก็ไปเจอครูที่เค้าเคยสอนอีตัวแสบ เค้าก็ เฮ่ๆๆ ยู้..... เรารู้จักกันป่าววะ พอบอกไปว่าจะเอาคนเก่าๆ ชื่อ รอมมี่มาส่งคืน เค้าก็ วี๊ด ว้าย กันยกใหญ่ ก็ต้องรีบออกตัว โน่ๆๆๆๆๆ น๊อต-เดอะ-เซม-วัน 55555 but the bad one!!! เค้าก็ขำ ยกยอปอปั้นอีตัวแสบใหญ่ หมื่นกู้ด-แสนดี จนถึง ล้าน-เกรท พ่อแม่ก็หน้าบานแฉ่ง แถมครูยังบอกอีกว่า ดีใจจังที่รอมมี่จะกลับมา เด็กเก่งๆ เจ๋งเป้งแบบรอมมี่ ที่ไหนๆ ก็เวลคั่ม เราก็หุบเลย เอารีพอร์ทคาร์ดให้เค้าดู จาก เอ-รวด มาตลอด จนถึง ป.3 แต่ผลการเรียนตอน ป.4 ของมันแฟนตาซีสุดๆ มีตั้งก๊ะ ซีลบ ไปจนถึง เอ พวกครูๆ ที่มามุงดูก็บอก โห.... เนี่ยดี สวย เก๋ เก่งขนาดนี้ พ่อแม่คนอื่นๆ คงดีใจโครมๆ กันไปแล้ว แต่อะนะ This is not for Rommy! เราก็บอกใช่เลย พ่อมันก็ผสมโรงใหญ่ She was good…she was great! แต่ตอนนี้ She’s Super Badddddd…….. จริงๆ ด้วย ม้าม่าอะกรี ต้องปวดหัว ปวดหาง หลั่งน้ำเนตร กับมัน อยู่ไม่ได้หยุด

สรุปโดยย่อ อีดีมันมีที่ไปแล้ว 55555 ไปโรงเรียนจ้า ไม่ได้ไล่ให้มันไปไหนหรอกกกกก...... แต่ว่าวันที่เอาอีดีไปดิ๊กซี่แลนด์ ไปพบครูๆ ตามคำขอ เลยเอาไอ้ตี้ไปด้วย ไม่เอามันไปก็ไม่รู้จะเอามันไปไว้ที่ไหน พอมันเข้าไปถึงอ๊อฟฟิซเค้า พ่อก็วิ่งตื๋อเลย หน้าไปฟาดกะมุมโต๊ะเตี้ยๆ ดูเอาเองเตี้ยขนาดไหน เลือดไหล ร้องกรี๊ด ทั้งตกใจ ทั้งสงสาร ทั้งโมโห ทั้งสมน้ำหน้า แล้วจะโทษใครดี โทษไอ้โต๊ะที่เตี้ยๆ หรือ โทษไอ้ตี้ตัวเตี้ยๆ ดีฟะ

No comments: