Saturday, September 5, 2009

วิธีการถ่ายรูปแอ๊บแบ๊วแบบมืออาชีพ

แควนๆ ที่คิดถึงโปรดแซบ อิชั้นห่างหายไปจากบล็อกเสียนาน ยังไม่ตายนะคะ ยังดีอยู่ วุ่นวายไม่มากมายแต่มันร่ำไรเป็นปกติ เดี๋ยวจะมาบอกเล่าว่าทำไรบ้างถึงหายหัวไปเสียนาน วันนี้มาขอมักง่ายอีกที ทำงานที่ถนัด “ก๊อป+แปะ” อย่างชำนาญชาญเชี่ยวและหน้าไม่อายเช่นเคย อ่านแล้วขำๆ เลยต้องเอามาแบ่งกัน จริงๆ ขัดข้องใจมานานแล้ว กับรูปสาวน้อยสาวใหญ่สมัยนี้ที่ถ่ายรูปแล้วต้องทำปากจู๋ 5555 เอ้าขอบคุณต้นทางซะหน่อย …..

Thanks > > http://atcloud.com/stories/48796

วิธีการถ่ายรูปแอ๊บแบ๊วแบบมืออาชีพ

ที่มาของการถ่ายรูปแอ๊บแบ๊ว...
การ ถ่ายรูปแอ๊บแบ๊วเป็นส่วนผสมของการถ่ายรูปบุคคล (หรือ Portrait) กับภาพ Close-up โดยไม่ทราบที่มาแน่ชัด แต่หลักการของการถ่ายรูป แอ๊บแบ๊วนั้น จัดได้ว่าถ่ายง่ายมาก แต่บางทีก็ติดที่ข้อจำกัดของตัวแบบเอง หรือขีดความสามารถทางด้านการสร้างสรรค์มุมกล้อง และมันสมองคนถ่าย

ซึ่งก็มีทฤษฎี หนึ่งที่เชื่อกันว่า ท่าทางแอ๊บแบ๊วนั้นมาจากพฤติกรรมของสัตว์โดยเฉพาะสัตว์น้ำครับ ซึ่งผมจะอธิบายไว้ในช่วงถัดไปว่ามันมีที่มายังไงอีกทีแล้วผลก็คือเมื่อนำมา รวม ๆ กันแล้วก็จะได้ท่าที่เรียกได้ว่า "แอ๊บแบ๊ว" ออกมากลายเป็นมุมกล้องที่ดูน่ารัก น่าหยิกที่สุด เท่าที่สมองมนุษยชาติ(บางคน)จะคิดได้
อุปกรณ์ก่อนแอ๊บแบ๊ว


กล้อง ถ่ายภาพ ซึ่งก็ควรจะเป็นกล้องโทรศัพท์มือถือ หรือกล้อง Compact เท่านั้นเพราะการใช้กล้องระดับ Digital SLR นั้น มีแต่จะก่อให้เกิดอุปสรรคในการถ่ายรูปถ้ากล้องไม่ตกใส่กบาลจนหัวแตกเลือดซิบ แขนที่ถือกล้องอยู่ก็อาจมีกล้ามขึ้นได้ที่สำคัญไม่ได้ไปถ่ายภาพสารคดีหมี ควาย ไม่ต้องไปใช้กล้องเทพระดับพระเจ้าก็ได้

หมายเหตุ : กล้องเว็บแคมก็ได้น่อ

หลักการแห่งการถ่ายรูปแอ๊บแบ๊ว

การถ่ายภาพแอ๊บแบ๊วนั้นไม่ยาก แต่ถ่ายอย่างไรให้ดูน่าหยิกอันนี้สิที่ยากยิ่งกว่าเนื่องจากบางคนหน้าตาชวน ให้แสดงออกพฤติกรรมที่รุนแรงยิ่งกว่าหยิกหรือจับหลักการดังกล่าวจะช่วยให้ ท่านแอ๊บแบ๊วได้ง่ายดายแม้หน้าตาท่านจะ Abnormal โดยรูปแบบการถ่ายภาพแอ๊บแบ๊วนั้นมีหลักการง่าย ๆ (แต่สำคัญ)ในการถ่ายดังนี้

1.) มุมแอ๊บแบ๊ว
ซึ่งมุมกล้องแบบนี้เราเรียกว่าอีกอย่างว่ามุมกล้องแอ๊บแบ๊ว หรือ Abbeaw Shotคือ คนจะแอ๊บแบ๊วได้ต้องใช้มุมกล้องในพิกัดนี้เท่านั้น เนื่องจากผมยังไม่เคยเห็นคน แอ๊บแบ๊วคนไหนจะถ่ายแบบสะพานโค้ง หรือแบบลอดขาถ่าย เราจึงกะระยะได้เท่านี้ ที่สำคัญมุมกล้องนี้ถ่ายเองได้ เพราะสามารถใช้มือเดียวในการกดชัตเตอร์ได้สบาย ๆ โดยมุมที่นิยมมากที่สุดคือมุมสูง (ประมาณ 30o-50o) เพราะจะทำให้หน้าตาดูแบ๊วได้ใจ ที่มุมกล้องในระดับนี้ได้รับความนิยม คาดว่าน่าจะมาจากปัจจัยที่ทำให้ใบหน้าโดดเด่นได้รูปเป็นที่สุด

มุมกล้องที่ถูกหลักมาตรฐานแอ๊บแบ๊วสากล

2.) การแต่งหน้าแอ๊บแบ๊ว
ถ้า ท่านรู้ตัวว่าหน้าตาท่านไม่ดี เหมือนผีตายทั้งกลมชุบแป้งทอด ก็ขอให้ท่านแต่งหน้าด้วยการแต่งหน้าแบบแอ๊บแบ๊วจะไม่ยากมาก ก็คือแต่งหน้าธรรมดา ๆ ไม่ต้องถึงขั้นลิเกนั่นแหละคือไม่ต้องรองพื้นมากเหมือนโรยปูนขาวในงานกีฬาสี เอาบาง ๆ ก็พอ ถ้าพ่อไม่ได้ทำแป้งขาย ที่ต้องขับเน้นก็คือรอบดวงตา เพราะจะต้องทำตาโต เหมือนกับที่บ้านถูกหวยแจ๊กพ็อต 38 ล้าน แก้ม...อันนี้สำคัญ ทางที่ดีแก้มควรจะมีสีแดงระเรื่อ เป็นแก้มก้นโดนเตะด้วยรองเท้า Combat ริมฝีปาก อันนี้ก็ใช่ ให้ทาลิปมันไว้ด้วย อย่าให้คล้ำซีด ถ้าไม่มีลิปให้ต่อยปากเอาู รับรองแดงได้ใจ

3.) การทำหน้าแอ๊บแบ๊ว
สำหรับการทำหน้าให้ถูกสนธิสัญญาแอ๊บแบ๊วสากลนั้น หลักใหญ่ใจความไม่ยากมากนักหรอก
คือการทำหน้ามันไม่ยากนะครับ มันก็จะประมาณเอาสัตว์น้ำหลาย ๆ ชนิดมาผสมข้ามพันธุ์กันดังนี้

  • ดวงตา : จะคล้าย ๆ ปลาตีน ใครเคยเห็นปลาตีนคงรู้ดี เพราะตามันโตใสแบ๊วมาแต่ไกลเลย
  • แก้ม : เหมือนปลาทอง แต่เป็นปลาทองตะกระที่อมซากุระไว้ในกระพุ้งแก้มแบบเต็มความจุนะ
  • ปาก : ปลาซัคเกอร์ (ปลาเทศบาล) คือทำปากให้ประมาณว่าจะเล็มตะไคร่ที่หน้าดินใต้น้ำได้สบาย ๆ
  • รวม ๆ แล้ว = จาจาบิงส์ จาก Star Wars: Episode I - The Phantom Menace...

4.) การจัดท่าทาง
บาง คนการแสดงออกทางสีหน้ายังไม่แบ๊วพอ จึงต้องใช้ท่าทางเข้าช่วยเพื่อเสริมพลังแอ๊บแบ๊วโดยการออกไม้ออกมือจะช่วย ท่านได้ การเอานิ้วจิ้มแก้ม หรือทำตัววี (Victory) เป็นท่าสิ้นคิด ส่วนใหญ่แล้วก็ไม่หนีกันไปไหน ท่าก็จะสิ้นคิดคล้าย ๆ กัน บ่งบอกถึงระดับสติปัญญาคนทำท่าว่าลอก ๆ ตามกันมา จนกลายเป็นรูปแบบพื้นฐาน ใครคิดท่าอื่นจะผิดผี หาใช่วิถีแห่งแอ๊บแบ๊วไม่

5.) การตกแต่งภาพ
จาก ผลสำรวจบอกว่าร้อยละ 35% ขึ้นไปของผู้แอ๊บแบ๊ว จะต้องเอาภาพผ่านโปรแกรมตัดต่อรูปเนื่องจากการถ่ายภาพแอ๊บแบ๊วส่วนใหญ่นั้น จะเป็นการถ่ายแบบ Close Up คือถ่ายระยะประชิดดังนั้นสิวเสิว ตีนกงตีนกา ขอบตาคล้ำมันจะออกมาหมด แถมบางทีจะชัดยิ่งขึ้นด้วยแสง Flash จึงต้องนำเข้าสู่ Photoshop ในกระบวนการที่เรียกว่าลวงโลก...เอ้ย...การปรับลดจุดบกพร่อง...


คนที่ตัดต่อแต่งเติมได้ขนาดนี้ ไปเปิดคอร์สสอน Photoshop หาตังค์เลยดีกว่า...

ข้อเสียคือ...ใครเข้าสู่วิธีการนี้แล้ว "มักหยุดไม่ได้" เพราะ มันส์มือมาก แต่งภาพกันสนุกสนานมีสิวลบสิว มีตีนกาก็ทำหน้าเด้ง อ้วนไปก็บีบภาพซะ หน้าดำไปก็ทำให้สว่าง ซึ่งพอทำไปทำมาแล้ว บางทีออกมาแล้วไม่ใช่คนเดิม หรืออาจถึงขั้น "ไม่ใช่คน" คือใสมาก เหมือนตุ๊กตา ใสจนควายดูก็รู้ว่าแต่งภาพ

ดังนั้นเมื่อท่านเข้าสู่กระบวนการนี้แล้ว จึงควรกระทำอย่างมีจรรยาบรรณ พอเพียง และจิตสำนึกที่ดีต่อสังคมด้วยครับ

ติดตามเพิ่มเติมที่เว็บเจ้าของข้อมูล โปรดคลิ๊ก http://phuphu.exteen.com/20080331/entry

No comments: