Tuesday, September 13, 2011

วีคเอนด์ปกติ

วีคเอนด์ที่ผ่านมาพ่อบ้านต้องไปทำงาน แต่อิชั้นต้องไปซื้อกินของใช้เล็กน้อยที่เฟสโน่ พอจัดการธุระต่างๆ เสร็จก็พาลูกไปดินเน่อร์ที่ร้าน Landmark ร้านอาหารร้านนี้เป็นร้านหรูเล็กๆ ประจำตำบล อย่าไปอยากเห็นสารูปของร้านค่ะ เพราะดูไม่ได้จริงๆ อาหารก็เป็นอาหารฝรั่งทั่วๆ ไป (Traditional) American และ Basque** อาหารราคาพอทนได้ เนื่องจากเมื่อเดือนมีนาอิชั้นได้ขนซื้อ vouchers ของร้านมาตั้ง 10 ใบ ราคาใบละ $30.- แต่มูลค่าของ voucher ใช้แลกเป็นค่าอาหารและเครื่องดื่มได้ $60.- ค่ะ ที่แย่ก็คือ เวาเช่อร์ของร้านนี้อายุสั้น จะหมดอายุในวันที่ 6 ตุลาค่ะ อิชั้นจะทำยังไงดี เหลือตั้ง 3 ใบ ก็เลยต้องพาลูกไปกินๆ ให้เสร็จๆ ยังเหลืออีก 2 วีคเอนด์ที่ต้องแห่ไปใช้บริการเค้าค่ะ มาดูกันว่าวันนั้นทานอะไรไปบ้าง ลืมบอกไปว่าร้านนี้ appetizers ของเค้า so…so…GOOD…..! โดยเฉพาะ escargot และ Sautéed Portobello Mushroom Ummmm…YUM!

**The Basques as an ethnic group primarily inhabit an area traditionally known as the Basque Country, a region that is located around the western end of the Pyrenees on the coast of the Bay of Biscay and straddles parts of north-central Spain and south-western France. แบสค์ คือ ชนกลุ่มน้อยแถบใจกลางยุโรป คงเหมือนกับชนกลุ่มน้อย ม้ง-แม้ว แถบๆ เซ้าธ์อีสต์เอเชียแถวๆ บ้านเรามังคะ 5555 แต่อาหารของชาวแบสค์ถือว่าเป็นที่รู้จัดแพร่หลายไปทั่วโลกเหมือนกันนะคะ ถึงจะไม่เด่น ดัง โด่ง เหมือนอาหารอิตาเลี่ยน จีน ญี่ปุ่น และอาหารไทยก็ตาม..FYI

page-729

พ่อบ้านและเด็กๆ ชอบอาหารร้านนี้ ส่วนอิชั้น…ถือว่าโอเคค่ะ วันไหนนึกอยาก meaty ก็สมหวังที่ร้านนี้ค่ะ ปกติชอบทาน medium วันไหนเนื้อ “สุก” ไม่ถูกใจ พอบอกเค้า - ก็จะได้จานใหม่เนื้อก้อนใหม่ที่ถูกใจกว่าค่ะ บริกร และ บริการ ร้านนี้เค้าเด็ด สมกับทิปที่ต้องทิปกันแรงๆ (จริงๆ แล้วร้านอาหารไหนๆ ก็ต้องบริการลูกค้าแบบนี้ทั้งนั้น แต่อิชั้นไม่เคยบ่นค่ะ ทนๆ ไป ครั้งแรกที่บ่นคือร้านนี้ ตอนที่ได้ well-done มา เค้าก็มาขอโทษขอโพย แล้วก็เอาจานใหม่มาเปลี่ยนให้ จุ๊ๆๆ บ่นไป 2 ครั้งแล้วค่ะ อิอิ) วันนั้นรอมมี่สั่งจานโปรด Cajun-Style Catfish กับ Fettucini Alfredo ส่วนก๊อตตี้…ยากนิดนึง เพราะร้านนี้ไม่มี kids menu ค่ะ ก็เลยต้องสั่ง Cheese Burger ค่ะ ส่วนอิชั้น (มาดามโลหิตจาง 555) สั่ง Filet Mignon with Portobello Mushroom Sauce ค่ะ รูปซ้ายมือดูน่าเกลียดมาก เหมือน tumor 555 พอเขี่ยเอาเห็ด Portobello (portabella) ไว้ข้างๆ ค่อยดูเหมือนสเต็กหน่อย จานนี้ไม่ได้ใหญ่ยักษ์อะไร จัดจานมาแบบ no class มากๆ 5555 แต่อร่อยนะคะ รอมมี่ต้องขอแจม ลูกคนนี้เป็น carnivore (meat eater ค่ะ) มันฝรั่งอบก็งั้นๆ เหมือนมันฝรั่งอบทั่วๆ ไป ที่ไม่ได้ถ่ายรูปก็มี escargot ที่ทานแกล้มกับ parmesan garlic bread แม่ดื่มโค้ก ก๊อตตี้ดื่มนม ส่วนรอมมี่ขอน้ำแข็งเปล่าค่ะ

page-728

รูปข้างบนเป็นไอ้ก๊อตตี ตอนไปซื้อกับข้าวกับแม่ แล้วก็ตอนที่เอ็นจอย Maraschino Cherries ที่ waitress เอามาให้ เพราะเห็นว่าอาหารช้ามากๆ ลูกทั้งสองคนไม่ชอบเชอรี่สำหรับคอคเทลแบบนี้ เวลาไปกินไอติมกัน อิชั้นก็เป็นคนที่เสียสละกินเชอรี่แช่อิ่มให้ลูกๆ ค่ะ 555 ค่าเสียหายวันนั้นเบ็ดเสร็จจ่ายไป $13.- + ทิปไป $10.- เพราะทิป 15% ต้องคิดจาก total ค่ะ ไม่ได้คิดจากส่วนต่างหลังจากหัก voucher $60.- ออกแล้ว ถ้าไม่มี voucher ก็คงไม่ได้ไปร้านนี้กันบ่อยๆ หรอกค่ะ เกือบลืมไป จานของอิชั้นวันนั้น แพงเหลือหลายค่ะ เพราะในเมนูไม่บอกราคาไว้ แต่เป็น market price เลขที่ออก …งวดนี้คือ $31.95 แพงอิ๊บอ๋าย รู้สึกว่าเอาเปรียบครอบครัวมากไปหน่อย เพราะเนื้อวัวเกรดดีๆ  แพ๊คโตๆ ราคาประมาณ 30 กว่าๆ กินกันได้ทั้งบ้าน ปรุงได้หลายจาน หลายมื้อ นานๆ ทีเน๊าะ ไม่มีใครว่ากันอยู่แล้ว

page-shopping-01

ไปดูกับข้าวกับปลาที่ซื้อมาวันนั้น หลักๆ คือน้ำดื่มของพ่อบ้านค่ะ นอกนั้นก็…เท่าที่เห็นในรูป สลัดกุ้ง พ่อบ้านกับรอมมี่ชอบ กุ้งเค้าตัวโตๆ แต่ก็เลี่ยนๆ อิชั้นเฉยๆ ค่ะ ส่วนซูชิ…เป็นถาดแรกในชีวิตเลยนะคะ ที่ซื้อซูชิแช่เย็น เคยแต่ทานซูชิม้วนกันสดๆ พอทานดู..ก็โอเคนะคะ ไม่ได้เลวร้ายอะไร แต่ก็ไม่ได้วิเศษวิโสอะไรเช่นกัน พอแก้ขัดไปได้ อันนี้ไม่มีใครแย่งค่ะ ส่วนไอ้ Danish ถาดยักษ์หน้าตาน่าเกลียด….ซื้อเป็นครั้งแรกเหมือนกัน และจะเป็นครั้งสุดท้ายด้วยค่ะ เพราะไม่อร่อย โคตรหวาน แหวะมากๆ รอมมี่รบเร้าให้ซื้อ พอถึงบ้านรีบเปิดออกทานเลย คำแรกก็ทำหน้า อึ๋ยยยย….แล้วก็วางทิ้งไว้ น่าเอายีหัวนัก เพราะที่เหลือไม่มีใครแตะอีกเลย ต้องให้พ่อบ้านแบกไปที่โรงงาน เผื่อว่าใครชอบ เห็นบอกว่าขนอะไรไปก็…เกลี้ยงงงง… ดีกว่าโยนลงถังขยะค่ะ

KitchenPage-16

รูปนี้ไม่ใช่ของที่ไปซื้อมางวดนี้ค่ะ ซีอิ๊วกับวาซาบิ เป็นของที่มีอยู่ในตู้เย็น พอซื้อซูชิมาก็เลยเอาออกมาใช้ ส่วนซองๆ ที่เค้าให้มาก็เก็บแช่ตู้เย็นไว้ แช่ทำไม 555 งงเหมือนกัน  จะเอาพกพาไปไหนเหรอ 555 ส่วนยำสาหร่าย…อร่อยมาก ซื้อมาจาก Costco กินอยู่คนเดียว ไม่หมดซักที เค้าบอกว่าเปิดแล้วต้องกินให้หมดภายใน 5-7 วัน ผ่านมา 3 อาทิตย์แล้วก็ยังกินไม่หมด 5555 แต่ไม่โยนทิ้งหรอกค่ะ เพราะยังอร่อยดีเหมือนเดิม ส่วน golden kiwifruit ลองซื้อมาทาน 4 ลูก / $1.- เห็นว่าเป็น super fruite (อีกแล้วววว…) high antioxidants อิมพอร์ตจานิวซีแลนด์โน่น พอได้ลองแล้ว แหงะ ไม่อร่อยเลย ไม่ชอบค่ะ

Prunes

ลูกพรุนมาแร้ววววว…. อันนี้ไม่มีใครแย่งแน่นอน มีคูปองลดราคาถุงละ $0.75 ค่ะ อิชั้นชอบอยู่คนเดียว แต่ไม่ชอบแบบเป็นกระป๋องนะคะ มันเหนียวเลอะเทอะ แหยะๆ ไม่อร่อยๆ แต่ individually wrapped แบบนี้สะดวก และอร่อยกว่ามากค่ะ เพราะพรุนจะแห้งๆ นิดนึง ใหม่สดตลอดเวลา 5555 ไม่ใช่แบบเปิดกระป๋องแล้วกินไป 2-3 ลูก จากนั้นก็ทิ้งไว้ให้เก่า…

IMG_7910-s

วันนี้ไป Wal-Mart เพราะจะไปซื้อเทปมาแพ๊คข้าวของต่างๆ ไปเจอ baby wipes ของฮักกี้ภูเขาใหญ่ เห็นใครๆ มุงกัน เลยต้องไปมุงกับเค้าด้วย เค้าลดเหลือแพ๊คละ $0.50 ค่ะ จากราคาเต็ม $1.89 เลยซื้อมา 6 แพ๊ค ยังนึกเสียดายน่าจะซื้อมาเยอะกว่านี้ เพราะต้องพกติดกระเป๋าไว้ตลอดตั้งแต่รอมมี่เกิด (แต่ที่เมืองไทยแพงมากกกก….ยังจำได้ดี) ประชาชนบ้านนี้ติดใช้กระดาษเปียกกันค่ะ โดยเฉพาะไอ้ก๊อตตี้ ทำเลอะเทอะตลอดเวลา ทั้งในบ้านและนอกบ้าน ติดตัวไว้สะดวกดีค่ะ

page-purses-11

ท้ายสุด-สุดท้าย ขอพูดถึง “ปลอกคอคุณสุ” คนใกล้ชิดพอจะทราบว่าอิชั้นมักจะมีปลอกคอหมาอันเล็กห้อยกระเป๋าถือตลอดเวลา และถูกถามอยู่เรื่อยๆ ว่า..ทำไมต้องพกเจ้า dog collars ไปไหนๆ ด้วยตลอดเวลา ก็อธิบาย อธิบาย และอธิบาย จนชักเบื่อที่จะอธิบายแล้วค่ะ คราวนี้เลยไม่ลืมที่จะถ่ายรูปมาแปะไว้ที่นี่ เผื่อว่าใครๆ ชอบในไอเดีย ก็ลองไปซื้อหามาพกพาเหมือนอิชั้นก็ได้ค่ะ ประโยชน์ของปลอกคอสุนัขที่เราสามารถเอามาใช้ในชีวิตประจำวันมีเยอะแยะมาก คล้องโน่น มัดนี่ ทำได้มากกว่าในรูปที่อิชั้นแปะไว้ ปลอกคอหมาอันนี้ราคา $1.- ค่ะ อิชั้นปรับไว้แบบสั้นที่สุด หากภารกิจใหญ่โตกว่านี้ก็ปรับสั้นยาวได้ตามต้องการค่ะ กระเป๋าใบที่ใช้อยู่เป็นแบบกระดุมแป๊ะแม่เหล็ก บางทีก็เอาพัน 2 รอบ ก็ช่วย secure กระเป๋าได้มากอีกนิดนึง ถ้าเวลาต้องล้วงเข้าออกกระเป๋าบ่อยๆ ก็คล้องไว้แค่ 1 รอบ เวลาไปซื้อของก็เอาล็อคหูกระเป๋าติดไว้กับรถเข็น ใครที่คิดจะฉกชิงวิ่งราว ก็ต้องตั้งอกตั้งใจมากกว่าปกตินิดนึง เพราะต้องใช้เวลามากกว่าวิ่งมา “ฉก” แล้ววิ่งหนีไป พอซื้อข้าวของเสร็จก็เอาคล้องถุงต่างๆ ในท้ายรถ พอเข้าบ้านก็ยกเข้าบ้านรวดเดียวหมดเลย ลองหามาใช้กันดูนะคะ เดี๋ยวนี้มีแฟนซีสวยๆ เยอะแยะ เอามาเป็น accessory ที่ใช้ประโยชน์ได้สบายๆ ค่ะ

 

We live on the leash of our senses.

 

No comments: