Sunday, December 28, 2008

ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น-แต่-ลูกนี้หล่น“ตุ๊บ”ที่โคนต้นเลย

ขอบ่นนิดนึง ด้วยที่ตัวอิชั้นเองเป็นมนุษย์ธรรมดา บางทีเผลอ (เวลาไม่มีใครรอบข้าง) ก็สถบสำรากขากถุยคำที่ไม่ไพเราะออกมาโดยมิได้ตั้งใจจริงจิ๊งงงง (ต้องออกตัวก่อนว่าดิชั้นเป็นคนมีมารยาท รู้กาละเทศะ บิดามารดาครูบาอาจารย์ได้อบรมสั่งสอนมาเป็นอย่างดีนะคะ มีการศึกษาอยู่บ้างค่ะ) คำที่ติดปากเวลาดุลูก “เดี๋ยวเถอะมึง” อีมี่เคยถามว่า What does มึง mean? คุณแม่ก็รีบตอบไปว่า มันเป็น superative ของ YOU แต่มีความหมายที่ค่อนไปทาง rude อีดีได้ฟังเช่นนั้นก็แว้ดดดดด…. เลย ว่าทำไมใช้ภาษา รู้ดๆ กะมัน ก็ต้องออกตัวไปว่า “เดี๋ยวเถอะมึง” เป็นคำพูดลอยๆ สบถออกมาเพื่อโชว์ดีกรีความเม๊งในตอนนั้นๆ เหมือนภาษาอังกฤษแบบ Damn ฟ๊ากกก ฯลฯ อีมี่เค้าก็ยังคาใจอยู่มั้ง แต่เมื่อสะเด็ดแม่ไม่มีความสามารถอธิบายได้อย่างชัดเจน มันก็เดินจากไปแต่เก็บไว้ในใจเรื่อยมา

ตอนนี้ไอ้ตี้ซึ่งพูดภาษามะนุด อยู่ได้ไม่กี่คำ แต่พูดภาษารถไฟธอมัส ตลอดเวลา ชู้ๆๆๆๆ มันมีคำใหม่ “บ้า” บ้าๆๆๆ ชัดเจนแจ่มแจ๋ม มันพูดคำนี้เวลามันโกรธ โมโห ไม่พอใจ พอดุมันนะ มันจะพ่น “บ้า” ใส่หน้าเลยแหละ อิชั้นก็ เออนะ ได้คำดีๆ ก็ไม่จำมาพูดไอ้ลูกบ้า 5555

อีมี่นี่เข้าใจภาษาไทยซัก 50-60 % อ่านเขียนไทยไม่ได้เลย แม่ไม่มีปัญญาสอนจริงๆ นะคะ เวลาลูกพูดไทยจะตลกมากๆ แต่พยายามจะไม่ขำ เพราะเดี๋ยวมันเลิกพูดไทย (แต่บ่อยไปที่อีคุณแม่ขำ ก๊าากกกก….ออกมาอย่างแรง ยกตัวอย่างไม่ได้แล้ว นึกไม่ออก แต่บ่อยมาก แม่อู๋-คอนเฟิร์ม) พอดีอิชั้นมีเพื่อนชาวลาวอยู่หลายคน ภาษาลาวนี่ถ้าเทียบกับภาษาไทยฟังแล้วจะจุกได้ง่ายๆ แรกๆ ก็รับแทบไม่ไหว คิดว่าเค้าหยาบคาบ หลังๆ มาก็ โอเค เข้าใจ ว่าภาษาเค้าไม่มีมากมายหลายระดับที่ถี่ยิบในความหยาบคาย-ความสุภาพแบบภาษาไทย มีอยู่วันนึงที่อิชั้นมีตึงๆ กะอีก๊อตฝาละมี แล้วลูกถามอะไรซักอย่าง จำไม่ได้แล้ว แต่คำตอบที่อิชั้นให้ลูกไปคือ “พ่อมึงแหละ” อีดีเค้าก็สวนมา “พ่อกูก็ผัวมึงแหละ” อั๊กๆๆๆๆๆๆ ขำไม่ออก ดาบนั้นคืนสนอง-เป็นเช่นนี้เอง จุกถึงคอหอย ตอนหลังมาก็ระวังปากมากๆ เวลาพูดกับอีมี่ อ้อคำว่า “ผัว” เนี่ย คนไทยไม่ค่อยพูดกัน ถ้าไม่ใช่ซี้ปึ๊ก หรือในทำนองล้อเล่น คิดว่าอีมี่ได้ยินมาจากเพื่อน “ลาว” ของแม่มัน พวกนี้เค้าจะไม่พูดคำว่า แฟน สามี มีคำเดียวเลย ผัวๆๆๆๆๆ เฮ้อ…..

สดๆ เมื่อคืนนี้เลย อีมี่เค้าจะมีขวดน้ำเอาไว้ใกล้ๆ หมอนตอนนอน (ตอนนี้อพยพมานอนกับแม่ตั้งแต่ได้หยุดคริสต์มาส 3 สัปดาห์) ตานี้ไอ้ตี้เกิดหิวน้ำ ไปปล้นเอาขวดน้ำพี่มา อีพี่ก็เลยทุบบึ้กเข้าให้ อีแม่ก็เลยแว้ดไป ก็เอาน้ำให้น้องกินหน่อยไม่ได้หรือไง ถ้าหมดก็ออกไปเอาขวดใหม่สิ อีมี่สวนสนามกลับมาเลย “น้ำกูน่ะแม่” โลกมืดเลยตู เลยต้องเปิดฉากด่า (อบรม) ว่าห้ามพูดจากแบบนี้อีก (มึงห้ามพูดกูมึงนะรู้มั๊ย ทำนองนั้น 555555 กู = หนู ห้ามพูด กูหรือมึง อีก เรียกตัวเองว่า หนู เท่านั้น คำว่า "หนู" ก็คงเล่น 100 คำถามกับอีมี่ได้อีก ไว้วันหลังจะเล่าให้ฟัง) โชคดีนะเนี่ยที่คุณยายไม่ได้อยู่ด้วย ไม่งั้นอีแม่อู๋หัวขาดไปแล้ว

สรุป ความผิดของใครวะเนี่ย

page-191

No comments: