Monday, March 9, 2009

แพทย์จีนแนะอาหาร 10 อย่างที่ไม่ควรทานมากเกินไป

page-01

แพทย์แผนจีนอาหาร 10 อย่างที่ไม่ควรกินมากเกิน เคล็ดลับการดูแลสุขภาพตามศาสตร์แพทย์แผนจีนอาหาร 10 อย่างที่ไม่ควรกินมากเกิน บรรดาอาหารสารพัดชนิดที่มีให้หาซื้อกันได้อย่างเสรีนั้น มีคุณประโยชน์แตกต่างกัน อีกทั้งปริมาณที่กินเข้าไปด้วย นั่นคือ ไม่มากเกิน ไม่น้อยเกิน แต่ควรกินอยู่ด้วยความพอดี ยึดทางสายกลางเป็นหลัก (ไม่อยากตายไวก็จงรีบปฏิบัติตามนะเพี่ยนๆ ใครอยากอยู่แบบ “อม-ตะ” อย่าไปแด๊กอะไรกันเลย 5555)


เคล็ดลับการดูแลสุขภาพตามศาสตร์แพทย์จีน ว่าด้วยเรื่องอาหารการกิน 10 อย่าง ที่ไม่ควรกินมากเกิน มีดังนี้


1. ไข่เยี่ยวม้า ไข่เยี่ยวม้ามีส่วนประกอบของตะกั่วการกินไข่เยี่ยวม้าปริมาณมากๆ และบ่อยๆ อาจเกิดพิษจากสารตะกั่ว นอกจากนั้นยังทำให้การดูดซึมแคลเซียมลดน้อยลง เกิดภาวะขาดแคลเซียม ทำให้กระดูกผุได้ (อันนี้นานๆ ก็นึกอยากกินขึ้นมาเหมือนกันนะ ผัดกระเพรา คงไม่เป็นไรมั๊ง เพราะไม่ได้กินบ่อยๆ)

2. ปาท่องโก๋ กระบวนการทำปาท่องโก๋มีการใช้สารส้มเป็นส่วน ประกอบ และในสารส้มมีส่วนประกอบของตะกั่วการกินปาท่องโก๋ทุกวันจะทำให้ไตทำงานหนัก ในการขับสารตะกั่ว ซึ่งเป็นพิษต่อสมองและเซลล์ประสาท ทำให้เสื่อมเร็ว เป็นโรคความจำเสื่อมนอกจากนี้ย้งทำให้คอแห้ง เจ็บคอโดยเฉพาะคนที่ร้อนในง่าย (ตอนที่ยังอยู่กุงเต้บ จะมีกี่วันใน 1 สัปดาห์ที่ไม่ได้กิน “โก๋” ฟระ เช้ามาขับรถไปทำงานปากก็คาบ “โก๋” ไว้แล้ว 5555)

page-02

3. เนื้อย่าง ประเภทต่างๆเนื้อที่ถูกรม ย่างไฟ จะเกิดสารเบนโซไพริน ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งชนิดหนึ่ง (อันนี้เห็นใครๆ ก็บาร์บีคิวกันตลอด ไปกินบ้านเค้าก็หลีกเลี่ยงลำบาก เป็นคนเห็นแก่แด๊กซะด้วยสิ ยิ่ง L-ก-ฮ เข้าปากไปแล้วด้วย ความระมัดระวังลดลงเย้ออออ….ะ 55555)

4. ผักดอง การกินผักดอง หรือของหมักเกลือนานๆ จะเกิดการสะสมของเกลือโซเดียม ทำให้หัวใจทำงานหนัก เกิดโรคความดันเลือดสูง และโรคหัวใจได้ง่ายนอกจากของหมักดองยังมีสารก่อมะเร็ง แอมโมเนียมไนไตรต์ (ไม่ค่อยได้กินหรอกผักดองเนี่ย)

5. ตับหมู ตับหมู 1 กิโลกรัม มีโคเลสเตอรอลมากกว่า 400 มิลลิกรัม การกินอาหารที่มีโคเลสเตอรอลปริมาณสูงมากๆ นานๆ จะทำ ให้หลอดเลือดแข็งตัว มีความเสี่ยง ต่อโรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดทางสมอง รวมถึงโรคมะเร็งด้วย (คิดถึงตับหวานรถเข็นหน้าบ้านแม่จังเลยว่ะ ไปกินเหลา กินหรู ก็ไม่เท่าตับหวานซกมกแถวบ้าน 5555 อันนี้กินแล้วไม่กลัวตาย เพราะ ชอบกินตับ จะว่าไป ก็ไม่ได้กินบ่อยเบ่ยอะไรหรอก คงไม่ตายมั๊ง)

6. ผักขม ผักปวยเล้ง ผักขม ผักปวยเล้งมีสารอาหารอุดมสมบูรณ์ แต่มีกรดออกซาเลตมาก จะทำให้มีการขับสังกะสีและแคลเซียมออกจากร่างกายมาก เกิดภาวะขาดแคลนแคลเซียมและสังกะสี (ก็ไหนเห็นบอกว่าเป็นผักวิเศษ ผักฮ่องเต้ เริ่ด ประเสริฐสุดๆ ไง๋ กลายป็น “โนกู้ด” ขึ้นมา ต้องเอาให้เบบี้กินทุกมื้อเลยนะ หาาาาา…… ลูกกรูทั้ง 2 ตัว ชอบสปิแนชซะด้วยสิ เฮ้อ)

page-03

7. บะหมี่สำเร็จรูป บะหมี่สำเร็จรูปหลายชนิดมีสารกันบูด สารปรุงแต่งรสที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายการกินบะหมี่สำเร็จรูปบ่อยๆ จะทำให้ขาดสารอาหารและเกิดการสะสมสารพิษในร่างกาย
(อันนี้ไม่เคยโปรด ตอนอยู่เมืองไทย ไม่กินเลยแหละ ไม่ได้คิดเรื่องคุณค่าโภชนาการอะไรทั้งนั้น ไม่ชอบ เกลียดกลิ่น ถ้าบ่อจี๊ หรือขี้เกียจออกไปซื้อหาอะไรมากิน ก็ขอกินข้าวสวย ไข่เจียว ไข่ดาว ไข่ต้ม ดีกว่า แต่พอมาอยู่เมกา ก็กินกะเค้าเหมือนกันนะ ใส่ลูกชิ้น ใส่ผัก ทำเลี้ยงลูกนานๆ ครั้ง มันจำเป็นจ้า…เวลากับข้าวหมด)

8. เมล็ดทานตะวัน เมล็ดทานตะวันมีส่วนประกอบของกรดไขมันไม่อิ่มตัว การกินเมล็ดทานตะวันปริมาณมาก จะทำให้ระบบเมตาบอลิซึมของไขมันผิดปกติ ทำให้มีการสะสมไขมันที่ตับได้ เป็นอันตรายต่ออวัยวะตับ (อีนี้ไม่ชอบเลยนะ ไม่เคยดิ้นรนหามารับทาน เห็นใครเค้าแทะกันก็หยิบบ้างแหละ 4-5 มะเล็ด แต่อีก๊อตสิชอบเอาโรยสลัดทีละเป็นกำๆ มันจะตายมั๊ยเนี่ย)

9. เต้าหู้หมัก เต้าหู้ยี้ กระบวนการหมักเต้าหู้ มีโอกาสปนเปื้อนเชื้อโรคได้ง่ายนอกจากนี้ ยังมีสารย่อยสลายโปรตีน ไฮโดรเจนซัลไฟล์ ซึ่งเป็นอันตรายต่อร่างกาย (ชอบเต้าหู้นิ่มๆ เต้าหู้ไข่มากกว่า ไอ้เหม็นๆ นั่นไม่กินเลยแหละ จะผ่านลำไส้อิชั้นไปบ้างก็เต้าหู้ยี้ที่อยู่ในสุกี้ซ้อสแค่นั้น นานปีทีหนแหละถึงจะได้กินซ้อสแบบนั้น)

10. ผงชูรส คนเราไม่ควรกินผงชูรสเกินกว่า 6 กรัมต่อวัน จะทำให้กรดกลูตามิกในเลือดสูง ซึ่งมีผลต่อการทำงานของ ประจุแคลเซียมและแมกนีเซียม เกิดอาการปวดศีรษะ ใจสั่น คลื่นไส้ นอกจากนี้ มีผลเสียต่ออวัยวะสืบพันธุ์ด้วย (โห…..จะตายมั๊ยเนี่ย ไปบ้านเพื่อนลาว 3 วันติดเลย พวกนี้กินผงชูรสเหมือนได้มาฟรีๆ จ้วงใส่เป็นทัพพี จ้า ทัพพี ไม่ใช่ช้อนนะคะ อะไรๆ ก็ใส่ น้ำปลาพริกก็ใส่ แกง ซุป หมักหมู ไก่ เนื้อ เพื่อบาร์บีคิวก็เทใส่ไม่ยั้ง ส้มตำยิ่งแล้วใหญ่ กร๊ากกก….. ตั้งแต่เกิดมาเป็นตัวตนยิ๋งทดเนี่ย จำความได้ที่บ้านก็ไม่เคยมีผงชูรสเลยนะ มีแต่ “ฝีมือ” ล้วนๆ 555 ตั้งแต่รุ่นแม่คุณนายแดง ถึงรุ่นพี่อ้วน เลยมาถึงรุ่นยิ๋งทด ไม่เคยใช้ “ผง” เลย 5555 แต่ก็รู้กันดีอยู่ว่า-ไปกินอะไรที่ไหนนอกบ้านนั้นหลีกเลี่ยง “ผง” ไม่ได้ โชคดีที่ไม่แพ้ แต่พอเจอเยอะๆ ก็รู้ไม่ค่อยสบายตัว สบายคอเหมือนกันนะ)

ที่กล่าวมาเป็นภูมิปัญญาโบราณ ความเชื่อที่สืบทอดปฏิบัติกันมา ปัจจุบันมีการนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาอธิบายมากขึ้น


---------------------------------------

นพ.ภาสกิจ (วิทวัส) วัณนาวิบูล
ขอบคุณข้อมูลภายใต้ความร่วมมือของนิตยสารหมอชาวบ้าน กับ วิชาการ.คอม และ
นิตยสารหมอชาวบ้าน ฉบับที่ 332 เดือน ธันวาคม 2549
คอลัมภ์ : แพทย์แผนจีน
URL : http://www.doctor.or.th

เครดิต - รูปประกอบสวยๆ น่ารับทานยิ่งนัก สุดยอดฝีมือจาก “ครัวคุณอู๋” ค่ะท่านผู้ชม

No comments: